นุ๊ก สุทธิดา กับชีวิตในวันนี้

 นุ๊ก สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา

 



นุ๊ก-สุทธิดา กับชีวิตในวันนี้ (กรุงเทพธุรกิจ)

โดย : พิมพ์พัดชา กาคำ

          วันนี้อยู่ในตำแหน่งคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่มีแนวคิดมีหลักการดำเนินชีวิตที่น่าสนใจ หลังจากมรสุมชีวิตพัดผ่าน เธอบอกว่าพอใจกับชีวิตในวันนี้

          นุ๊ก สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา เริ่มเสาะแสวงที่สงบจิตจากคนใกล้ตัว...พี่ช่างแต่งหน้าที่อาร์เอสฯ เขาแนะนำให้ไปวัดหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน สิงห์บุรี

          เธอวัดปฏิบัติธรรมมาตั้งแต่อายุ 18 ปี ขอบคุณน้องชายที่เป็นแรงบันดาลใจ และแรงฮึด  "เริ่มจากน้องชายไปบวช กลับมาก็เล่าเรื่องสนุก ๆ พ่อแม่ก็ปลื้มเห็นลูกชายบวช ได้เกาะชายผ้าเหลือง คิดว่าเราเป็นลูกผู้หญิง บวชเป็นพระไม่ได้แต่ใช่ว่าเราจะทำอะไรไม่ได้เลย ต้องทำให้ยิ่งกว่านั้นอีก" สาวร่างบางคุ้นตาเล่าชีวิตนอกร่มกาสาวพัสตร์

          ปกติเธอจะไม่พูดถึงเรื่องนี้ เพราะเวลาไปปฏิบัติธรรมมักมีคนถามว่า อกหักมาเหรอ ? เกิดอะไรขึ้น ? เจอคำถามเดิมทุกครั้ง เลยไม่เคยปริปากแม้แต่เพื่อนสนิท

นุ๊ก สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา



          3 วันแรกแห่งการปฏิบัติธรรม มีแต่คำถามให้กับตัวเองว่า " นี่เรามาทำไม..." ใจหนึ่งคิดว่า ถ้าโลกนี้ไม่มีนรก ไม่มีสวรรค์ ไม่มีบาปกรรม ไม่มีอะไรที่เราคิดไว้เลย แล้วเรามาทำไม ทำไมเราไม่ไปอยู่กับเพื่อน แล้วสรวลเสเฮฮา อีกใจหนึ่งคิดว่า น่าจะเจออะไรดี ๆ ในเมื่อตัดสินใจมาแล้วต้องอยู่ให้ครบ 8 วันสิ จะล้มเลิกกลางคันไม่ได้ 

          พอขึ้นวันที่ 4 ตั้งใจไว้ว่าถ้าจะต้องข้ามพ้นทุกขเวทนาไปให้ได้ เพราะเวลานั่งสมาธิจะเจ็บปวดปวดเมื่อย ทำให้ต้องอดทนจนถึงที่สุด 

          เธอตัดสินใจเด็ดเดี่ยวว่า เธอจะยอมตายสมาธิเป็นคนแรกของโลกถ้ามันทนไม่ได้จริง ๆ

          "พอนั่งสักพักก็เจ็บ เหงื่อแตกทุกรูขุมขน แล้วจู่ ๆ ก็มีจุดหนึ่งไม่รู้สึกเจ็บ ขณะที่เราข้ามพ้นปุ๊บวินาทีแรกภาพตอนเด็กที่เราเคยฆ่าปลา ฆ่ามดแดง ก็ปรากฏขึ้นมา คิดได้ว่าเพราะเราเห็นว่ามันเป็นเพียงสัตว์ตัวเล็ก ๆ เราเล่นด้วยความคึกคะนอง สนุกมีความสุข ภาพเหล่านั้น ปรากฏขึ้นมาเป็นฉาก รู้สึกได้ว่านี่ไงเจ็บปวดเมื่อยที่เรานั่งสมาธิ ยังไม่เท่ากับเจ็บที่เราไปฆ่าเขา"

          เธอเล่าประสบการณ์สมาธิครั้งแรกว่า เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมงเหมือนแค่ 5 นาที หลับสบายมากเลยเหมือนอยู่ในท้องแม่

          ตั้งแต่เปลี่ยนสถานภาพเป็นคุณแม่ เธอหาโอกาสนั่งสมาธิอยู่ที่บ้าน เช่น ก่อนนอน ไม่ละเลยการปฏิบัติธรรม

          แม่ของลูกสองคน เธอพยายามทำหน้าที่ของแม่อย่างดีที่สุด หนึ่งในนั้นคือ การค้นหาว่าลูกชอบอะไร มีความสามารถเก่งกาจด้านไหน เพื่อส่งเขาไปในจุดที่เขาจะไปได้สูงที่สุด

          "ไม่ได้หมายถึงต้องเป็นที่ 1 นะคะ แต่จะส่งเสริมให้เขาทำอย่างสุดความสามารถ และต้องมีความสุขด้วย เป็นอะไรก็ได้ นักเขียนการ์ตูน คอลัมนิสต์  ถ้าเขาแฮปปี้ เงินเดือนก็ไม่สำคัญ ขอให้มีความสุขในชีวิต และอยู่ได้ แค่นี้เราก็มีความสุขแล้ว นี่คือสิ่งที่เราหวังไว้กับลูก"

          นุ๊กพยายามปลูกฝังธรรมให้ลูก เริ่มจากพาไปวัดทุกวันเสาร์ที่ว่าง จนเกิดความคิดว่าอยากให้ทุกวัดมีกิจกรรมสำหรับเด็ก พร้อมกับเสนอสโลแกนว่า 1 วัด 1 ชุมชน ให้ทุกคนไปทำกิจกรรมดี

          "สวนสาธารณะไม่ต้องสร้างหรอกค่ะ สร้างวัดดีกว่า" นุ๊กหัวเราะร่า

          เธอไม่เห็นด้วย ที่วันหยุดพ่อแม่พาลูกไปเที่ยวห้างฯ แต่ก็เข้าใจว่า พ่อแม่ทั้งหลายอาจไม่มีทางเลือก แต่ถ้าเลือกได้พาไปวัดจะดีกว่า

          วัดโภสพผลเจริญ เป็นวัดครบวงจรที่เธอมักพาลูกไปทัศนศึกษาธรรม ที่นั่นมีพระนั่งอยู่ที่ศาลาพร้อมให้ญาติโยมไปทำบุญสังฆทาน ได้เห็นพระ ได้กราบพระ ท่องนะโมตัสสะเป็น คนเล็กแม้ยังพูดออกเสียงไม่ชัด แต่ก็ท่องเป็น

          เสร็จจากการถวายสังฆทานก็พาลูกไปให้อาหารปลา ปล่อยนกปล่อยปลา ด้านหน้ามีบึงเต่าให้อาหารเต่ากัน เสร็จแล้วก็มีคุณป้ามาขายตุ๊กตาปูนพาสเตอร์ เราก็ให้ลูกนั่งระบายสีคนละตัว มีทั้งศีลธรรม ได้กิจกรรมศิลปะ หัวใจก็อิ่มพองด้วยความสุข

          ถามว่าความสุข ณ วันนี้ของ "สุทธิดา" คืออะไร เธอตอบว่า "...เมื่อก่อนต้องบอกว่า อยู่ที่ลูก ความสุขอยู่ที่ลูกหมดเลย สุดท้ายก็ไม่ได้มีความสุขจริง ๆ"

          "แน่นอนลูกเป็นความสุขที่สุด แต่ถ้าเราไม่ได้มีความสุขกับตัวเองก็ไม่แท้จริง วันนี้ความสุขของนุ๊กแบ่งสองทางคือ หนึ่งต้องมีความสุขกับตัวเองก่อน  แล้วก็แบ่งปันความสุขนั้นให้กับลูก ขณะเดียวกัน ลูกก็จะแบ่งปันความสุขให้กับเรา สิ่งที่เขาทำให้แต่ละวัน กิจกรรม คำพูด การกอดหอม มันเป็นการแบ่งปันความสุขแล้วละ ความสุขกับตัวเองก็คือ มีความสุขกับงานที่ทำ มีความสุขกับชีวิต เป็นการทำให้ตัวเองมีความสุข แบ่งปันความสุข และรับความสุขกลับมา เป็นแบบนี้เอง"

          ตอนนี้ เธอก็เลยเริ่มแบ่งเวลาให้กับตัวเอง ด้วยการหันกลับไปคว้าไมค์ร้องเพลงร่วมกับเพื่อนนักร้องอดีตศิษย์อาร์เอสฯ ทั้งหมด 9 คน มี โจ-ต๊ะ-ดิ๊บ Boy Scout, ปราโมทย์ แสงศร,เอ็กซ์ ไฮแจ็ค, โชค โชคชัย เจริญสุข, เป้ ไฮร็อค, เจี๊ยบ-พิสุทธิ์ ทรัพย์วิจิตร ในอัลบั้ม "The Small Dream Project" นุ๊กร้องเพลง "ไม่มีทางอื่น" แนวเรทโทรเลี่ยน ที่เจ้าตัวชื่นชอบแนวนี้ที่สุด

          "ความจริงนุ๊กเป็นคนชอบเพลงแนวหนัก ๆ ถ้าใครมองแค่หน้าตาของนุ๊กแล้วก็มักจะฟันธงว่าลุ๊คนี้ต้องร้องเพลงใสหวาน แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย เรดโทรเลียนในความรู้สึกของนุ๊ก ก็เป็นเพลงร็อคในยุคนั้น เท่านั้นเอง"

          นุ๊กมองว่าเพลงก็เหมือนแฟชั่น  แต่จะให้เธอห้าวเป้งเป็นร็อคเกอร์เหมือนแต่ก่อนก็ไม่ได้ แม้จะร็อคและลุยแต่ก็มีมุมหวานอยู่บ้าง หากไม่ค่อยมีใครได้เห็นแม้แต่คุณพ่อคุณแม่ยังไม่ค่อยเห็น มีเพียงลูกและคนรู้ใจเท่านั้น จะได้เห็นมุมที่หวานที่สุดของเธอ 

          "หวานนี่คือไม่ใช่คำพูดนะคะ แต่เป็นความรู้สึกที่เราให้ ความทุ่มเท กับลูกเขาเด็ก เพราะฉะนั้นคำพูดกับการกระทำ มีผลพอกัน จะต้องบอกรักทุกวัน หอมแก้มตลอด ทั้งกอดทั้งบอกรัก ทุกครั้งที่เจอกัน ก่อนนอน เราจะต้องบอกเขา คุยกับเขาว่าความรักที่เรามีให้เขามันมากแค่ไหน บอกทุกคืน ตอนนี้ลูก 5 ขวบ กับ 3 ขวบ ราวบันไดเราก็ต้องติดลูกกรงไว้ ไม่งั้นปีนตก ขนาดปิดไว้ก็ยังเอาขามุดเข้าไปติดในกรงเหล็ก"

          นั่นเป็นเพราะความซนถูกถ่ายทอดมาทางสายเลือด สมัยที่นุ๊กยังเด็กเธอจำได้ว่าตัวเองซนมาก หายใจเข้าออกเป็นเล่นซนอยู่ตลอดเวลาอยากทำอะไรซน ๆ ตลอดเวลา

          "คือ...อยู่บ้านไม่มีเฉยหรอกค่ะ ต้องมีเรื่องให้ทำตลอดเวลา เช่น เอาปลาที่ตายไปจัดงานศพให้ เอาโอ่งมา เอาน้ำมัน เอาของในบ้านเทลงไปในโอ่งแล้วก็กวน เผาบ้าน อันนี้ฝีมือน้องชาย เล่นไฟ จนไฟไหม้บ้านครึ่งหลัง รถดับเพลิงมาเลย พ่อแม่ก็อยู่บ้าน เผลอแป๊บเดียว วันนั้นโชคดีมากเรื่องเผาบ้าน พอดีนุ๊กป่วย ก็เลยนอนอยู่กับคุณแม่ "

          ทุกวันนี้นุ๊กเลี้ยงดูลูกด้วยความเข้าใจธรรมชาติของเด็กต้องซน เลี้ยงลูกแบบเอาใจเขามาใส่ใจเรา

          "นุ๊กไม่ได้ตั้งตนว่าตัวเองเป็นพ่อเป็นแม่ เป็นผู้มีพระคุณ แต่นุ๊กมองว่า ลูกก็มีบุญคุณกับเรา เขาเกิดมาให้เรามีความสุข มุมมองในโลกอีกแบบหนึ่ง เพราะฉะนั้นก็วินวินทั้งคู่ เราก็แค่อยู่กันเราเข้าใจเขา เขาก็เข้าใจเรา อะไรที่เขาไม่เข้าใจเรา ต้องพยายามอธิบายให้เขาเข้าใจเราให้ได้ ว่าทำไมแม่ถึงโกรธ ถ้าแม่เป็นแบบนี้แล้วเขาจะรู้สึกยังไง"

          เธอเข้าใจดีว่า ธรรมชาติของเด็กต้องซน และย้อนนึกถึงตัวเองสมัยเด็ก เคยเธอเลยไม่ฝืนธรรมชาติของลูก และรู้ว่าลูกก็ฝืนธรรมชาติของตัวเองไม่ได้ แม้จะเข้าใจแต่หลายครั้งอดไม่ได้กับความทโมนโจนทะยานของเจ้าตัวยุ่ง

          ยกตัวอย่างเช่น ลูกคนโตชอบรับประทานตลอดเวลา เห็นแม่ทานอะไรก็จะทานด้วย เห็นเธอทานรสเผ็ดก็ขอร่วมแจม พอเธอห้ามเลยถูกตัดพ้อว่าแม่ไม่รัก

นุ๊ก สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา



          "เราก็เลยปล่อยให้เต็มที่เลย แต่เผ็ดนะบอกไว้ก่อน เขาทานแล้วก็เผ็ดร้อนทรมานมาก เราก็จะสอนในระหว่างที่เขาเผ็ดๆ ว่า เนี่ยแม่บอกแล้ว  และแม่รู้ด้วยว่าอะไรที่ลูกชอบ ไม่ชอบ เพราะฉะนั้นแม่เป็นคนที่รู้ใจหนูที่สุด เวลาที่แม่บอกว่าอันนี้หนูไม่ชอบหรอก หนูลองได้ แต่รู้ไว้ว่าแม่รู้ที่สุด อะไรแบบนี้ะ ครั้งหน้าก็จะบอกเขาอีกว่า อันนี้เผ็ดนะ หนูทานไม่ได้หรอก อันนี้ไม่อร่อยหนูไม่ชอบหรอก อันนี้อร่อยทานสิ เขาก็จะรู้ว่าแม่พูดจริง…"

          นุ๊กยังสอนลูกให้รู้จักตัดสินใจ และรู้จักทำความดี โดยมีตุ๊กตากระดาษพับ สะสมความดี ถ้าลูกทำความดีแม่ก็จะมอบตุ๊กตาให้ 1 ตัว สะสมครบ 10 ตัวเอามาแลกเป็นของเล่น หรือเที่ยวสวนสนุก

          "มีอยู่วันหนึ่งเขาเอาตุ๊กตาความดีมาแลกอยากไปซื้อของที่ห้างฯ เผอิญเกิดหิวน้ำก็เลยแวะมินิมาร์ท เขาเห็นของเล่นชิ้นหนึ่งราคา 60 บาท อยากได้มาก ก็เลยสอนว่าวันนี้เราจะออกไปซื้อของที่ห้างฯ ไม่ได้จะมาซื้อของเล่นชิ้นนี้ แค่แวะมาซื้อน้ำ ถ้าลูกจะเอาก็ได้ แต่ซื้อแล้วกลับบ้านเลยนะ แม่ให้ตัดสินใจเองว่าจะเลือกแบบไหน"

          หนุ่มน้อยนั่งคิดเป็นชั่วโมง ตัวเธอเองก็เจ็บปวดที่เห็นเขาทรมานมากในการตัดใจจากของอันนั้น เพื่อนบอกว่าซื้อให้ไปเถอะเสียเวลา แค่ 60 บาทเอง  แต่เธอยอมใจแข็ง ด้วยมองว่าสิ่งที่เธอกำลังจะให้กับลูกมันไม่ใช่แค่ 60 บาท ลูกเราต้องรู้จักคำว่าผิดหวังบ้าง ไม่ใช่อยากได้อะไรแล้วต้องได้ทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วพอโตขึ้นมา ถ้าลูกต้องผิดหวังกับเรื่องใหญ่ๆ ที่แม่ไม่สามารถจะเอาให้ได้ เขาจะรับความผิดหวังได้อย่างไร

          "ลูกต้องรู้จักตัดสินใจเลือกเอง  คนเป็นแม่ก็เจ็บปวด ทรมาน เหมือนกันนะ สุดท้ายพอเราผ่านชั่วโมงนั้นไปได้ เขาไปห้างฯ เขาก็แฮปปี้ลืมชั่วโมงนั้นไป เด็กก็แค่ลืม จริง ๆ แล้วมันก็อยู่ที่ผู้ใหญ่"

          เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนโชคดีที่ความสุขไม่ได้อิงอยู่กับสิ่งหรูหรา เสื้อผ้าแบนด์เนม หรือรถคันโก้ เงินทองมากมาย ทว่า พอมีลูกทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป มีความอยากต่าง ๆ เข้ามาครอบงำจิตใจอย่างไม่เคยคาดคิด

          "คิดนะว่า อยากมีอันนี้ให้ลูกจังเลย อยากมีบ้านให้ลูก อยากมีเงินเท่านี้เก็บไว้ให้ลูก เวลาลูกโตลูกต้องมีเงินเท่านี้ แล้วความอยากของคนก็ไม่เคยพอ ปีนี้อยากได้แค่นี้ พอลูกสองขวบ ก็อยากมีเพิ่มขึ้นไปอีก นุ๊กสังเกตตัวเอง เพราะเรานั่งสมาธิไงคะ พอเราอยากมากๆ ก็รู้สึกเหนื่อย นี่ขนาดยังไม่ได้ทำอะไรเลย แค่คิดเฉย ๆ นะ" (หัวเราะ)

          เธอบอกว่า เริ่มคิดอยากได้นั่นอยากได้นี่ตั้งแต่ลูกเกิดจนลูก 3 ขวบ แต่มาคิดได้ทีหลังว่าสิ่งที่เธอกำลังจะถ่ายทอดไปถึงลูก ก็คือความละโมบ พ่อแม่เลี้ยงลูกยังไง พ่อแม่คิดอย่างไร มันก็จะถ่ายทอดไปถึงลูกโดยไม่รู้ตัว

          สุดท้ายเธอก็คิดได้ว่า สิ่งเดียวที่แม่จะให้ลูกได้ก็คือความรู้จักพอ พอใจกับตัวเอง เหมือนอย่างที่แม่เคยพอใจกับตัวเองมาก่อน พยายามให้ลูกมีความสุข กับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของเขา นั่นคือสมบัติอันล้ำค่าที่แม่มอบให้แก่ลูก !!



ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

 

เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
นุ๊ก สุทธิดา กับชีวิตในวันนี้ อัปเดตล่าสุด 23 พฤศจิกายน 2552 เวลา 17:16:38 1,658 อ่าน
TOP
x close