
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ผู้หญิงส่วนใหญ่ต่างก็ฝันถึงวันที่ตัวเองได้สวมชุดเจ้าสาว และเฉิดฉายอยู่ท่ามกลางแขกเหรื่อมากมายในงานแต่งงานของตัวเองกันทั้งนั้น แต่ทั้งนี้ถึงแม้จะเป็นสิ่งคุณอยากให้เกิดขึ้นในเร็ววัน ก็ไม่มีอะไรการันตีได้ว่าชีวิตหลังจากนั้นจะสวยงามเหมือนในละครหรือนิยายหลายต่อหลายเรื่องเสมอไป เราก็เลยอยากให้คุณถามตัวเองให้แน่ใจก่อนว่า คุณพร้อมแต่งงานและใช้ชีวิตคู่แล้วจริง ๆ หรือเปล่ากับ 9 คำถามต่อไปนี้
สิ่งแรกที่คุณควรทำ ก็คือ ถามตัวเองให้แน่ใจเสียก่อนว่าคุณเชื่อว่าการแต่งงานเป็นจุดหมายสุดท้ายที่คู่รักทุกคู่ควรเดินทางไปให้ถึงจริง ๆ หรือไม่ หากตอนนี้รู้สึกว่าคุณกับคนรักอยู่ด้วยกันแบบนี้ก็มีความสุขอยู่แล้ว และการแต่งงานก็ยังไม่สำคัญหรือจำเป็นกับความรักของคุณสักเท่าไหร่นัก ก็ไม่ควรรีบร้อนแต่งงาน เพราะอะไร ๆ อาจเปลี่ยนไปจนทำให้คุณไม่มีความสุขอย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้
การแต่งงานเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งที่จะเปลี่ยนชีวิตของคุณไปตลอดชีวิต แล้วตอนนี้คุณพร้อมหรือยังกับภาระหน้าที่ที่คุณต้องรับผิดชอบ อย่างเช่น งานบ้านงานเรือนที่ต้องทำ เรื่องจุกจิกกวนใจที่อาจจะเข้ามาจากงานและเรื่องส่วนตัว นอกจากนี้ ยังมีการวางแผนเรื่องลูก ๆ กับการดูแลพวกเขา เพื่อครอบครัวในอนาคตด้วย
ไม่ว่าคุณกับแฟนจะคบกันมานานกี่ปีก็ไม่เหมือนกับการเป็นสามีภรรยากันอยู่ดี เพราะการเป็นแฟน คือ การแชร์โลกบางส่วนให้กับคนรัก ในขณะที่การเป็นสามีภรรยา คือ การรวมโลก 2 ใบเอาไว้ด้วยกัน ที่จะต้องแบ่งปันทุกอย่างร่วมกันทุกเรื่อง ตั้งแต่การอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน การใช้ห้องน้ำร่วมกัน ช่วยกันตัดสินใจ แม้กระทั่งความคิดความเห็นส่วนตัวก็จำเป็นต้องบอกให้อีกฝ่ายรับรู้ด้วย
การแต่งงาน ก็คือ การตัดสินใช้เส้นทางในชีวิตร่วมกัน ดังนั้น ควรถามตัวเองด้วยว่าหากเกิดเรื่องบาดหมางกันคุณจะยอมประนีประนอมให้ได้มากแค่ไหน เพราะหลังจากนี้คุณไม่สามารถบอกเลิกเซ็นใบหย่า แล้วกลับมารักกันเหมือนตอนเป็นแฟนได้อีกแล้ว ดังนั้น ถ้าหากตอนนี้คุณยังรัก ๆ เลิก ๆ อยู่หรือไม่พร้อมจะประนีประนอมให้กันได้ในทุกเรื่อง ก็ควรจะเก็บแผนแต่งงานเอาไว้ก่อนดีกว่า
นับจากวันแต่งงานครอบครัวของคุณทั้ง 2 คน ก็เหมือนครอบครัวเดียวกัน และอาจจะต้องใช้กระเป๋าสตางค์เดียวกันเพื่อพวกเขาด้วย ดังนั้น ความมั่นคงทางการเงินจึงเป็นเรื่องสำคัญที่คุณต้องคิดให้รอบคอบ ว่าสามารถรองรับพวกเขากับครอบครัวในอนาคตของคุณได้หรือไม่ หากทำอย่างที่กล่าวมาได้ก็คงไม่มีปัญหา หากคุณจะตัดสินใจแต่งงานกับเขา
นอกจากนี้ หากคุณคิดจะแต่งงานก็ควรจะทำให้อารมณ์ของคุณมั่นคง ไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาง่าย ๆ เหมือนอย่างที่เคยผ่านมา เพราะความมั่นคงทางอารมณ์ก็เป็นสิ่งสำคัญอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้ชีวิตคู่มีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้น ในทางกลับกันหากอารมณ์ของคุณยังไม่มั่นคงก็จะทำให้พวกคุณทะเลาะกันบ่อย และอาจต้องเลิกรากันในท้ายที่สุด
ถึงแม้ตอนนี้เขาจะเป็นฝ่ายยอมคุณทุกอย่าง ไม่ว่าใครเป็นคนผิดเขาก็จะเป็นฝ่ายขอโทษก่อนเสมอ แต่หลังจากที่แต่งงานไปแล้วคุณเองจำเป็นจะต้องเรียนรู้การพูดขอโทษด้วย เมื่อเห็นว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด เพราะทุกคนต่างก็มีข้อจำกัดในตัวเองหากปล่อยให้เขาเป็นคนขอโทษอยู่ฝ่ายเดียว ในวันหนึ่งเขาอาจจะทนไม่ไหวจนต้องจากชีวิตคุณไปในที่สุดก็ได้
จริงอยู่ที่การพูดคุยกับหลาย ๆ คนทำให้ชีวิตของคุณมีสีสัน น่าตื่นเต้น และเป็นความสุขอย่างหนึ่งสำหรับคุณ ดังนั้น สำหรับคนที่คิดจะแต่งงานก็ควรถามตัวเองก่อนว่า จะเลิกนิสัยดังกล่าวและซื่อสัตย์กับคนคนเดียวได้หรือไม่ เพราะความซื่อสัตย์เป็นพื้นฐานสำคัญของชีวิตคู่ ที่หากขาดไปแล้วก็จะทำให้ชีวิตการแต่งงานของคุณไม่มีความสุขอีกเลย
ที่สำคัญไม่ควรแต่งงานเพราะโดนสภาพแวดล้อมหรือคนรอบข้างกดดันให้รู้สึกว่า คุณต้องแต่งงานตอนนี้ เพราะมันจะทำให้ชีวิตคุณหาความสุขไม่เจออีกเลย ซึ่งคงจะดีกว่าหากคุณตอบคำถามและตัดสินใจแต่งงานด้วยตัวเอง โดยคิดไว้เสมอว่าการแต่งงานไม่ใช่ทุกอย่างและบทสรุปของชีวิต และควรจะแต่งงานต่อเมื่อคุณพร้อมเท่านั้น
ชีวิตการแต่งงานที่คุณเคยเห็นอาจจะดูสวยหรู มีความสุขดั่งที่ละครหรือนิยายเคยกล่าวเอาไว้ แต่อย่าลืมว่าหลังการแต่งงานนั้นมีอะไรต่อมิอะไรอีกมากมายซ่อนอยู่ และมันก็เป็นการเริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่ไม่ใช่บทสุดท้ายของชีวิต ดังนั้น คุณจึงควรคิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจแต่งงาน และทำเมื่อทุกอย่างในชีวิตพร้อมแล้วจริง ๆ หลังจากได้ตอบคำถามทั้ง 9 คำถามนี้แล้ว






