แม้ก่อนแต่งงานพวกคุณจะคบหาดูใจกันมาเนิ่นนานหลายปี แต่ทว่าก็ยังมีสิ่งที่คุณจะต้องเรียนรู้อีกมากมายหลังจากย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน ดังนั้นหากมีอะไรที่คุณต้องการให้เขาทำอะไรให้หรือดูแลคุณอย่างไรบ้าง ก็ควรจะพูดคุยกับเขาไปตรง ๆ เพื่อปรับความเข้าใจให้ตรงกันทั้ง 2 ฝ่าย ในขณะเดียวกันก็ยังช่วยให้คุณรู้ด้วยว่าคุณควรจะวางตัวอย่างไรที่จะทำให้เขาพอใจ และมีชีวิตคู่ที่ราบรื่นขึ้น
2. จัดระบบการเงินให้ดี
ตอนที่ยังเป็นโสด คุณอาจจะใช้จ่ายตามใจตัวเองอย่างเต็มที่ แต่ในตอนนี้อย่าลืมว่าคุณไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกต่อไป แถมยังมีภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว เพราะยังมีสามีหรือลูก ๆ เพิ่มเข้ามาในชีวิต ดังนั้นจึงควรจะเริ่มต้นจัดการการเงินให้เป็นระบบ ควบคุมรายจ่ายให้ได้ ปรับสมดุลรายจ่ายให้พอดีกับรายได้ และที่สำคัญสำรองเงินไว้รองรับอนาคตของครอบครัวด้วย
3. ยอมรับข้อเสียให้ได้
เราทุกคนต่างก็มีข้อเสียในตัวเองด้วยกันทั้งนั้น ฉะนั้นอีกสิ่งหนึ่งที่ควรทำก็คือการทำใจยอมรับของอีกฝ่ายให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรก็ตาม เพราะในตอนนี้คุณกับเขาก็ตกลงแต่งงานกันไปแล้ว จะให้เลิกรากันเหมือนตอนเป็นแฟนหรือช่วงคบหาดูใจกันก็คงเป็นไปไม่ได้ แต่ทั้งนี้หากสิ่งที่เขาทำเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้จริง ๆ ก็ควรจะพูดคุยกับเขาตรง ๆ ส่วนในกรณีที่คุณทำเรื่องผิดพลาดหรือมีข้อเสียที่เขาขอให้คุณเลิกหรือเปลี่ยนนิสัย ก็ควรจะยอมรับความผิดพลาดและแก้ไขสิ่งเหล่านั้นด้วยเช่นกัน
4. คิดก่อนพูดทุกครั้ง
คำพูดมีพลังมากกว่าที่คุณคิด เพราะคำพูดแม้เพียงคำพูดเดียวก็สามารถทำให้เขาดีใจและเสียใจได้ในเวลาเดียวกัน อีกทั้งอย่าลืมว่าหากพูดอะไรออกไปแล้ว คุณก็ไม่สามารถเอาคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมาได้ ดังนั้นก่อนที่คุณจะพูดอะไรควรจะคิดถึงผลที่อาจตามมาให้ถี่ถ้วนเสียก่อน หากเห็นว่าให้ผลเสียมากกว่าผลดีก็เก็บคำพูดเอาไว้กับตัว หรือลองปรับเปลี่ยนคำพูดดูก่อนดีกว่า
5. รอให้พร้อมก่อนมีลูก
เราไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าการมีเด็กเล็ก ๆ ทำให้บรรยากาศภายในบ้านดูมีชีวิตชีวา สดชื่น และมีความสุขมากขนาดไหนเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของพวกเขา แต่ทั้งนี้ก็ไม่ควรให้อารมณ์ชั่ววูบครอบงำความคิด อีกทั้งยังทำให้ชีวิตคู่ของคุณลำบากมากขึ้นหากมีลูกในเวลาที่พวกคุณยังไม่พร้อม โดยเฉพาะเรื่องการเงิน ฉะนั้นแนะนำว่ามีลูกเมื่อพวกคุณพร้อมแล้วจริง ๆ ดีกว่า
อย่าลืมว่าตอนนี้คุณไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไปแล้ว และไม่ว่าคุณจะตัดสินใจทำอะไรก็ตามก็จะมีผลกระทบกับคนรักของคุณเสมอ ดังนั้นเมื่อคุณมีเรื่องหรือเกิดปัญหาอะไรก็ตาม ควรจะถามความคิดเห็นหรือให้เขาเข้ามาช่วยกันตัดสินใจด้วย นอกจากจะเป็นผลดีกับการตัดสินใจแล้วยังแสดงให้เห็นว่าเขามีความสำคัญกับคุณด้วย
7. อย่ายอมแพ้
ในช่วงเวลาที่มีปัญหาหรือทะเลาะกันอาจจะทำให้คุณท้อแท้หรือหมดกำลังใจไปบ้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ควรจะยอมแพ้ยอมเลิกรากันไป เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยที่พวกคุณจะเดินมาถึงจุดนี้ ซึ่งไม่คุ้มค่าเอาเสียเลยหากปล่อยให้เรื่องไม่เป็นเรื่องเข้ามาทำลายชีวิตคู่ของคุณ อีกทั้งช่วงเวลาแบบนี้เป็นช่วงเวลาสั้นที่ไม่นานก็จะผ่านพ้นไป
8. ให้พื้นที่ส่วนตัว
ถึงแม้พวกคุณจะแต่งงานกันแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเอาทุกเรื่องในชีวิตมาแชร์ร่วมกันไปเสียทุกเรื่องและอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ควรให้เวลาต่างคนได้มีพื้นที่และชีวิตส่วนตัวของตัวเองบ้าง เช่น ออกไปพบปะกับเพื่อนฝูงเป็นครั้งคราว ให้เขาออกไปเจอเพื่อน ๆ หรือดูแลตัวเองและทำในสิ่งที่ตัวเองชอบบ้าง แล้วชีวิตคู่ของคุณก็จะมีความสุขยิ่งขึ้น
9. เข้านอนในขณะที่ยังโกรธกันอยู่บ้างก็ไม่เป็นไร
หลาย ๆ ทฤษฎีมักจะแนะนำว่าไม่ควรเข้านอนพร้อมกันในขณะที่พวกคุณยังโกรธกันอยู่ เพราะจะทำให้ต่างฝ่ายต่างนอนไม่หลับ ทั้งที่ความจริงแล้วหากคุณจะนอนไปพร้อมกับอารมณ์โกรธบ้างก็ไม่เป็นไร เนื่องจากเป็นอารมณ์ที่ควบคุมกันได้ยาก อีกทั้งบางทีการเข้านอนพร้อมกันอาจจะเป็นช่วงเวลาที่ช่วยให้พวกคุณได้พูดคุยและปรับความเข้าใจกันก็ได้
10. สนุกกับชีวิตคู่ให้เต็มที่
หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่าชีวิตหลังแต่งงานเป็นเรื่องน่ากลัว เพราะมีเรื่องราวให้รับผิดชอบมากมาย ทั้งที่จริงแล้วชีวิตหลังแต่งงานไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย เพราะทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับความคิดของคุณ หากคุณคิดว่าน่ากลัวมันก็จะน่ากลัว แต่ถ้าหากคิดว่าสนุกมันก็จะสนุก อีกทั้งในเมื่อคุณอยู่คนเดียวมาทั้งชีวิตแล้ว และในตอนนี้คุณก็เจอคนที่ใช่แล้ว ก็ใช้ชีวิตในส่วนนี้ให้เต็มที่และสนุกไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่า
ทั้ง 10 เรื่องเป็นส่วนสำคัญที่คู่แต่งงานใหม่ควรรู้เอาไว้ จะได้ช่วยกันวางรากฐานความรักและความสัมพันธ์ของครอบครัวเอาไว้พร้อม เพื่อรองรับครอบครัวในอนาคตต่อไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
cosmopolitan.com และ purposefairy.com
