ถามถึงเรื่องสุขภาพก่อนเลย ตอนนี้เป็นยังไงบ้างแล้ว "เอ๋เป็น SLE มา 11 ปีแล้วนะ แต่เจอโรคมะเร็งมาเมื่อปีที่แล้
ว และเส้นเลือดตีบก็ทำบอลลู
นมาจนหัวใจวาย อาการหัวใจวายไม่มีอะไรเตื
อนเลยปกติมาก ไม่มีเหนื่อย ไม่มีอาการหายใจไม่สะดวก ไม่มีอะไรบ่งบอกว่าเราจะหั
วใจวาย เอ๋นอนอยู่แล้วเกือบ ๆ ตี 4 ก็หายใจไม่ออกเลย สะดุ้งตื่
นและสู้กับมัน พยายามที่จะดิ้นและหายใจทางปาก"
ก่อนหน้ามีเหตุการณ์อะไรบ่งบอกไหมว่าจะเกิดเรื่องนี้ "ไม่มีนะ ก็ปกติทุกอย่าง ถ้าไปโรงพยาบาลไม่ทันก็อาจจะเสี
ยชีวิต เพราะขาดอากาศ 3.6 นาที คุณแม่บอกว่าคุณหมอบอกว่าถ้าฟื้
นขึ้นมาก็ทำใจหน่อยนะ อาจจะเป็นเจ้าหญิงนิทรา คุณหมอเก่งมาก คุณแม่บอกว่าคุณหมอปั้มหัวใจแล้
วฉีดยากระตุ้นตลอด คุณหมอฉีดสีก่อนแล้วเจอว่ามันตี
บก็รีบผ่าตัดที่ขาหนีบ แล้วใส่ท่
อเข้าไปที่หัวใจแล้วฝั
งขดลวดเอาไว้เลยเพื่อให้เส้นเลื
อดขยาย"
แล้วตอนนี้ยังเข้าออกโรงพยาบาลอยู่อีกไหม "ยังค่ะ เข้าโรงพยาบาลวันเว้นวัน วันเว้นสองวันไม่เกินนี้ หลังจากออกจากโรงพยาบาลมาชีวิ
ตก็เปลี่ยนไปเลยนะ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของการกิน การนอน การเดิน ทุกอย่างต้องเปลี่ยนไป อย่างของมันกินไม่ได้เลย พวกน้ำมันก็ต้องเปลี่ยนเป็นน้
ำมันมะกอกหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์"
ถามถึงเรื่องค่าใช้หน่อย เยอะไหมสำหรับการเข้าโรงพยาบาลในครั้งนี้
"เยอะนะคะ สำหรับการรักษา 3 โรค เพราะเป็นโรค SLE มา 11 ปี ปีที่แล้วก็มาเป็นมะเร็
งเม็ดเลือดขาวในระยะที่ 2 แล้วมาหัวใจวายอีก ค่าใช้จ่ายต่อเดือนก็แสนนิด ๆ แสนต้น ๆ รวมทั้งหมดก็กว่าล้านแล้
วค่ะสำหรับการรักษา"
ค่าใช้จ่ายเยอะขนาดนี้มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือบ้าง "ที่บ้านทำธุรกิจส่วนตัวค่ะ คุณแม่ทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เอ๋ก็ไปช่วยงานครอบครัวตรงนั้น เราก็เอาเงินจากตรงนั้นมาเป็นค่
าใช้จ่าย ค่ายาได้ มะเร็งเม็ดเลือดขาวเป็นอะไรที่
รักษาไม่ได้ ทำยังไงที่ไม่ให้แตกให้มั
นกระจาย ก็ต้องกินยาบำรุง แต่มันไม่สามารถรักษาได้อยู่แล้
ว เอ๋ลองให้คีโมแล้วค่ะ แต่เราแพ้สารเคมี ทุกวันนี้ก็ใช้ธรรมมะบำบัด เราอยู่กับความเป็นจริง อยู่กับเรื่องราวที่เป็นความจริ
ง ครั้งหนึ่งเราก็เคยท้อว่าอะไร ๆ ก็เกิดกับฉัน ทุกสิ่งทุกอย่างอะไรกัน เราไม่ได้ทำชั่วไม่ได้ทำร้
ายใครนะ แต่วันนี้เข้าใจทุกอย่าง ถ้ามีคำว่าทำไม เมื่อนั้นเราก็ทำร้ายตัวเอง ช่วงไหนว่างก็จะพาลูกสาวไปด้
วยไปทำสมาธิ ปฎิบัติธรรม มาเรียนรู้ตัวเอง ไปปลงให้ได้ ไปยอมรับความจริงให้ได้"
กับโรค SLE ยังคงต้องดูแลขนาดไหน "ยังต้องรักษาตลอด ก็มีผลกับการใช้ชีวิตประจำวั
นเหมือนกัน ห้ามโดนแดด โดนลม โดนฝน ใช้ชีวิตลำบากมากแต่ก็ทำใจได้ พยายามที่จะอยู่ให้เหมือนคนปกติ พยายามที่จะมีเพื่อน ๆ เพื่อน ๆ น่ารักค่ะ ครอบครัวน่ารัก ให้กำลังใจ เพื่อน ๆ พี่นักแสดงน่ารักมาก โดยเฉพาะพี่จิ๋ม ปนัดดา พี่อูม วิยดา พี่แตน ราตรี จะเจอกันอาทิตย์เว้นอาทิตย์ เจอกันเดือนละ 2 ครั้ง"
ตอนนี้ยังมีอาการเจ็บปวดอยู่ไหมจากการผ่าตัด
"ก็มีตอนเวลาก้ม กับเวลาที่จะนอน ช่วงลุกที่ต้องเกร็งหน้าอก มีเสียว ๆ อยู่บ้าง อาการหัวใจวายก็ยังสามารถเกิดขึ้
้นได้อีก เพราะว่าเส้นหัวใจเรามี 3 เส้น ตีบไป 1 เส้น เหลืออีก 2 เส้น ก็สามารถหัวใจวายได้ตลอดเวลา ตอนนี้พี่ตัดม้ามไปแล้วเพราะ SLE กำเริบ ตัดไส้ไป 1 เมตร พอไม่มีม้ามตับก็ต้องทำงานหนัก ก็เลยต้องเจาะตับ เพราะตับบวม ก่อนหน้านั้นปีกว่า ๆ ก็เส้นเลือดในสมองตีบ ก็ต้องเจาะสมองผ่าสมอง"
เอ๋อยู่กับโรคเหล่านี้ได้ยังไง
"
เอ๋อยู่กับความจริง พูดแล้วก็เจ็บปวดนะ น้อยใจว่าทำไม อะไรกันหนักหนาคนอื่นไม่เห็นจะเป็นอะไร มาลงกับเราคนเดียว มีอารมณ์ที่อยากนอนแล้วหลับไม่ตื่น แต่ไม่คิดที่จะกล้าตัวนะ บอกตัวเองแค่ว่าไม่ตื่นได้ไหมอ่ะ มันไม่ไหวแล้วมันปวดกระดูก"
ใครเป็นกำลังใจให้เอ๋ลุกขึ้นสู้
"เพื่อน ๆ ครอบครัวและก็ลูก"
สู้ขนาดนี้อยากจะกลับมารับงานในวงการไหม "ก็มีเริ่มรับบ้างแล้วนะ มีละครของอาเปี๊ยก พิศาล และหนัง ถามว่าไหวไหม เรารักในการแสดงนะ แต่ร่างกายเราไม่อำนวยเท่านั้
นเอง ถามว่ากลัวอาการจะกำเริบไหม ไม่นะ แต่อะไรที่คิดว่ามันแน่นอนก็ไม่
มีอะไรที่แน่นอน ก็เลยได้แต่คิดบวกเท่าที่
เราทำได้"
เคยคิดหรือเปล่าว่าความตายอยู่แค่เอื้อม "เมื่อก่อนรับไม่ได้ ถ้าฉันต้องตายลูกฉันล่ะ แม่ฉันล่ะ แต่ ณ วันนี้คนเราถ้ามันต้องตายก็คื
อตาย คิดว่าคนที่ตายแล้วก็หมดกรรม เราปลงมากขึ้น เราก็เข้าหาธรรมมะ แต่ก็ไม่ถึงจะบวช เพราะเรายังมีกิเลสอยู่ ยังมีความต้องการ ยังมีความหวัง ยังอยากจะเห็นลูกโต ฉะนั้นก็ไม่ถึงกับขนาดปลงแล้
วบวช"
ติดตามบทสัมภาษณ์แบบเต็ม ๆ ได้ในรายการคนดังนั่งเคลียร์ ทางช่อง 2 ทุกวันจันทร์-อาทิตย์ เวลา 7.00/ 11.00/ 17.00/ 20.00/ 23.00 น.