เอ๋ อัจฉรา ป่วยโรครุมเร้า แอบคิดนอนหลับแล้วขอไม่ตื่น





          ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย สำหรับอดีตนางเอกสาวชื่อดัง เอ๋ อัจฉรา ทองเทพ ที่หลายโรครุมเร้าทั้ง โรคพุ่มพวง-โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว กระทั่งเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2557 ที่ผ่านมา ถูกหามตัวเข้าโรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์ เหตุการณ์ "เส้นเลือดหัวใจตีบเฉียบพลัน" เรียกว่าเจอมรสุมหนัก แต่สุดท้ายชีวิตก็ผ่านพ้นมาได้ ล่าสุด (10 กรกฎาคม 2557) เธอขอเปิดใจอีกครั้งในรายการคนดังนั่งเคลียร์ ทางช่อง 2 ถึงอาการเจ็บปวด

ถามถึงเรื่องสุขภาพก่อนเลย ตอนนี้เป็นยังไงบ้างแล้ว

          "เอ๋เป็น SLE มา 11 ปีแล้วนะ แต่เจอโรคมะเร็งมาเมื่อปีที่แล้ว และเส้นเลือดตีบก็ทำบอลลูนมาจนหัวใจวาย อาการหัวใจวายไม่มีอะไรเตือนเลยปกติมาก ไม่มีเหนื่อย ไม่มีอาการหายใจไม่สะดวก ไม่มีอะไรบ่งบอกว่าเราจะหัวใจวาย เอ๋นอนอยู่แล้วเกือบ ๆ ตี 4 ก็หายใจไม่ออกเลย สะดุ้งตื่นและสู้กับมัน พยายามที่จะดิ้นและหายใจทางปาก"

 ก่อนหน้ามีเหตุการณ์อะไรบ่งบอกไหมว่าจะเกิดเรื่องนี้

          "ไม่มีนะ ก็ปกติทุกอย่าง ถ้าไปโรงพยาบาลไม่ทันก็อาจจะเสียชีวิต เพราะขาดอากาศ 3.6 นาที คุณแม่บอกว่าคุณหมอบอกว่าถ้าฟื้นขึ้นมาก็ทำใจหน่อยนะ อาจจะเป็นเจ้าหญิงนิทรา คุณหมอเก่งมาก คุณแม่บอกว่าคุณหมอปั้มหัวใจแล้วฉีดยากระตุ้นตลอด คุณหมอฉีดสีก่อนแล้วเจอว่ามันตีบก็รีบผ่าตัดที่ขาหนีบ แล้วใส่ท่อเข้าไปที่หัวใจแล้วฝังขดลวดเอาไว้เลยเพื่อให้เส้นเลือดขยาย"

 แล้วตอนนี้ยังเข้าออกโรงพยาบาลอยู่อีกไหม

          "ยังค่ะ เข้าโรงพยาบาลวันเว้นวัน วันเว้นสองวันไม่เกินนี้ หลังจากออกจากโรงพยาบาลมาชีวิตก็เปลี่ยนไปเลยนะ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของการกิน การนอน การเดิน ทุกอย่างต้องเปลี่ยนไป อย่างของมันกินไม่ได้เลย พวกน้ำมันก็ต้องเปลี่ยนเป็นน้ำมันมะกอกหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์"



 ถามถึงเรื่องค่าใช้หน่อย เยอะไหมสำหรับการเข้าโรงพยาบาลในครั้งนี้

          "เยอะนะคะ สำหรับการรักษา 3 โรค เพราะเป็นโรค SLE มา 11 ปี ปีที่แล้วก็มาเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวในระยะที่ 2 แล้วมาหัวใจวายอีก ค่าใช้จ่ายต่อเดือนก็แสนนิด ๆ แสนต้น ๆ รวมทั้งหมดก็กว่าล้านแล้วค่ะสำหรับการรักษา"
 
ค่าใช้จ่ายเยอะขนาดนี้มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือบ้าง

          "ที่บ้านทำธุรกิจส่วนตัวค่ะ คุณแม่ทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เอ๋ก็ไปช่วยงานครอบครัวตรงนั้น เราก็เอาเงินจากตรงนั้นมาเป็นค่าใช้จ่าย ค่ายาได้ มะเร็งเม็ดเลือดขาวเป็นอะไรที่รักษาไม่ได้ ทำยังไงที่ไม่ให้แตกให้มันกระจาย ก็ต้องกินยาบำรุง แต่มันไม่สามารถรักษาได้อยู่แล้ว เอ๋ลองให้คีโมแล้วค่ะ แต่เราแพ้สารเคมี ทุกวันนี้ก็ใช้ธรรมมะบำบัด  เราอยู่กับความเป็นจริง อยู่กับเรื่องราวที่เป็นความจริง ครั้งหนึ่งเราก็เคยท้อว่าอะไร ๆ ก็เกิดกับฉัน ทุกสิ่งทุกอย่างอะไรกัน เราไม่ได้ทำชั่วไม่ได้ทำร้ายใครนะ แต่วันนี้เข้าใจทุกอย่าง ถ้ามีคำว่าทำไม เมื่อนั้นเราก็ทำร้ายตัวเอง ช่วงไหนว่างก็จะพาลูกสาวไปด้วยไปทำสมาธิ ปฎิบัติธรรม มาเรียนรู้ตัวเอง ไปปลงให้ได้ ไปยอมรับความจริงให้ได้"

กับโรค SLE ยังคงต้องดูแลขนาดไหน

          "ยังต้องรักษาตลอด ก็มีผลกับการใช้ชีวิตประจำวันเหมือนกัน ห้ามโดนแดด โดนลม โดนฝน ใช้ชีวิตลำบากมากแต่ก็ทำใจได้ พยายามที่จะอยู่ให้เหมือนคนปกติ พยายามที่จะมีเพื่อน ๆ เพื่อน ๆ น่ารักค่ะ ครอบครัวน่ารัก ให้กำลังใจ  เพื่อน ๆ พี่นักแสดงน่ารักมาก โดยเฉพาะพี่จิ๋ม ปนัดดา พี่อูม วิยดา พี่แตน ราตรี จะเจอกันอาทิตย์เว้นอาทิตย์ เจอกันเดือนละ 2 ครั้ง"

 ตอนนี้ยังมีอาการเจ็บปวดอยู่ไหมจากการผ่าตัด

          "ก็มีตอนเวลาก้ม กับเวลาที่จะนอน ช่วงลุกที่ต้องเกร็งหน้าอก มีเสียว ๆ อยู่บ้าง อาการหัวใจวายก็ยังสามารถเกิดขึ้้นได้อีก เพราะว่าเส้นหัวใจเรามี 3 เส้น ตีบไป 1 เส้น เหลืออีก 2 เส้น ก็สามารถหัวใจวายได้ตลอดเวลา ตอนนี้พี่ตัดม้ามไปแล้วเพราะ SLE กำเริบ ตัดไส้ไป 1 เมตร  พอไม่มีม้ามตับก็ต้องทำงานหนัก ก็เลยต้องเจาะตับ เพราะตับบวม ก่อนหน้านั้นปีกว่า ๆ ก็เส้นเลือดในสมองตีบ ก็ต้องเจาะสมองผ่าสมอง"



 เอ๋อยู่กับโรคเหล่านี้ได้ยังไง

          "เอ๋อยู่กับความจริง พูดแล้วก็เจ็บปวดนะ น้อยใจว่าทำไม อะไรกันหนักหนาคนอื่นไม่เห็นจะเป็นอะไร มาลงกับเราคนเดียว มีอารมณ์ที่อยากนอนแล้วหลับไม่ตื่น แต่ไม่คิดที่จะกล้าตัวนะ บอกตัวเองแค่ว่าไม่ตื่นได้ไหมอ่ะ มันไม่ไหวแล้วมันปวดกระดูก"

 ใครเป็นกำลังใจให้เอ๋ลุกขึ้นสู้

           "เพื่อน ๆ ครอบครัวและก็ลูก"

 สู้ขนาดนี้อยากจะกลับมารับงานในวงการไหม

          "ก็มีเริ่มรับบ้างแล้วนะ มีละครของอาเปี๊ยก พิศาล และหนัง ถามว่าไหวไหม เรารักในการแสดงนะ แต่ร่างกายเราไม่อำนวยเท่านั้นเอง ถามว่ากลัวอาการจะกำเริบไหม ไม่นะ แต่อะไรที่คิดว่ามันแน่นอนก็ไม่มีอะไรที่แน่นอน ก็เลยได้แต่คิดบวกเท่าที่เราทำได้"



 เคยคิดหรือเปล่าว่าความตายอยู่แค่เอื้อม

          "เมื่อก่อนรับไม่ได้ ถ้าฉันต้องตายลูกฉันล่ะ แม่ฉันล่ะ แต่ ณ วันนี้คนเราถ้ามันต้องตายก็คือตาย  คิดว่าคนที่ตายแล้วก็หมดกรรม เราปลงมากขึ้น เราก็เข้าหาธรรมมะ แต่ก็ไม่ถึงจะบวช เพราะเรายังมีกิเลสอยู่ ยังมีความต้องการ ยังมีความหวัง ยังอยากจะเห็นลูกโต ฉะนั้นก็ไม่ถึงกับขนาดปลงแล้วบวช"

           ติดตามบทสัมภาษณ์แบบเต็ม ๆ ได้ในรายการคนดังนั่งเคลียร์ ทางช่อง 2 ทุกวันจันทร์-อาทิตย์ เวลา 7.00/ 11.00/ 17.00/ 20.00/ 23.00 น. 

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
รายการคนดังนั่งเคลียร์


เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เอ๋ อัจฉรา ป่วยโรครุมเร้า แอบคิดนอนหลับแล้วขอไม่ตื่น อัปเดตล่าสุด 10 กรกฎาคม 2557 เวลา 18:58:10
TOP
x close