ซี ศิวัฒน์ บอกไม่ทันยั้งคิด เพราะโกรธที่คนมาว่าบุพการีและว่าตนโกงชาติ เผยซื้อบัตรเองในราคาพิเศษ ไม่ขอให้คนอภัย แต่ขอให้ทุกคนให้โอกาส ยันตนกับเอมี่ไม่ไปดูคอนเสิร์ตแน่นอน
หลังจากตกเข้าไปอยู่ในประเด็นร้อนแรง #เอมมี่ยี่สิบห้าตั๋ว จากกรณีที่เพื่อนซี้ เอมมี่ มรกต โพสต์โชว์ตั๋วคอนเสิร์ต Maroon 5 จำนวน 25 ใบติดกัน จนกลายมาเป็นดราม่าขนานใหญ่ในโลกโซเชียล ก่อนที่เรื่องราวดูเหมือนจะถูกลากยาวไปกันใหญ่ เมื่อ ซี ศิวัฒน์ ที่ก่อนหน้านี้ได้อัดคลิปชี้แจง จากใจ กรณีดราม่าบัตรคอนเสิร์ต Maroon 5 พร้อมฝากถึงคนด่า #เอมมี่ยี่สิบห้าตั๋ว แบบจัดเต็ม [อ่านข่าว : ซี ศิวัฒน์ ส่งคลิปชี้แจงจากใจ ฝากถึงคนด่ากรณี #เอมมี่ยี่สิบห้าตั๋ว]
ล่าสุด (6 กรกฎาคม 2558) ซี ศิวัฒน์ ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว โดยเจ้าตัวได้กล่าวขอขอบคุณพี่ ๆ สื่อมวลชนทุกท่านที่ให้เกียรติให้ได้มีโอกาสชี้แจง ต้องกราบขออภัยทุกท่าน ๆ ด้วยเดิมทีตอนแรกคุณเอมี่ กลิ่นประทุม ก็จะมาด้วยตามที่ได้แจ้งทุกท่านไป แต่เนื่องด้วยวันนี้มีการฟิตติ้งละครเรื่องใหม่และตัวเขาเองก็ยังไม่พร้อมออกมาพูดอะไรด้วย เพราะเขายังคงเจ็บช้ำอยู่ เขาไม่อยากมานั่งร้องไห้ต่อหน้าสื่อ เอาไว้ให้เขาพร้อมกว่านี้ก็ค่อยออกมากล่าวอะไรกับพี่ ๆ น้อง ๆ สื่อมวลชนเอง เพราะฉะนั้นวันนี้เดี๋ยวตนจะพูดในส่วนของผมก่อนว่าทำไมผมถึงได้โพสต์คลิปเหล่านั้นลงไป ขออนุญาตพูดในส่วนของผมเท่านั้น ไม่อยากจะดึงใครเข้ามาเกี่ยวข้องอีกเพราะว่าตอนนี้มันก็เสียหายค่อนข้างเยอะแล้ว
"ผมฝากพี่ ๆ สื่อมวลชนว่า ผมกราบขอโทษกับสิ่งที่ผมได้ทำลงไปในการที่ได้โพสต์คลิปวิดีโอแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสม ใช้คำพูดไม่สุภาพ ใช้คำหยาบคายแสดงกิริยาประชดประชัน ยียวน โดยที่ไม่ได้คิดหน้าคิดหลังไม่ได้คิดผลที่มันจะตามมา แต่ตั้งแต่ผมอยู่ในวงการมาผมก็ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน ถ้าทุกท่านได้ติดตามข่าวที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์อะไรก็ตาม เวลามีคนเข้ามาตำหนิติเตียนผมในไอจี หรืออะไรก็ตาม ผมไม่เคยคิดที่จะออกไปตอบโต้ต่อว่าใคร ผมไม่เคยมองว่าคนที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันกับผมนั้นจะต้องเป็นศัตรูของผม แต่วันนั้นมันเป็นเหตุการณ์ที่ผมก็ไม่เคยเจอเหมือนกันและผมก็ไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้เตรียมใจเอาไว้ก่อน
เนื่องจากว่ามันมีข้อความอินบอกซ์เข้ามาในเฟซบุ๊กของผม ซึ่งจริง ๆ ในไอจีของผมก็เข้าใจดีอยู่แล้วว่าก็คงมีคนว่าผม แต่ผมไม่ได้คิดจริง ๆ ว่าจะมีคนอินบอกซ์เข้ามาแล้วบังเอิญว่าผมไปอ่าน เขาเขียนตำหนิถึงการอบรมของคุณพ่อคุณแม่ผม ใช้คำหยาบคายที่ผมไม่ได้เตรียมตัวไว้ก่อน พูดถึงขนาดที่ว่า คุณแม่ผมเป็นโสเภณี คุณพ่อผมเป็นแมงดา บอกว่าผมมีความคิดแบบนี้เพราะการอบรมบ่มนิสัย สอนลูกดี๊ดีนะให้ลูกมาหากินกับประชาชน พวกโกงชาติ ซึ่งจริง ๆ คำพูดมันหยาบคายกว่านี้มาก ใช้คำพูดใต้เข็มขัดตลอด เท่านั้นยังไม่พอยังพูดถึงภรรยาผม พูดถึงครอบครัวของผม พูดถึงคุณพ่อของคุณเอมี่ ซึ่งคุณพ่อของคุณเอมี่ก็เปรียบเสมือนคุณพ่อของผม
ในจังหวะนั้นอันนี้ผมไม่ได้แก้ตัวนะครับผมคงคิดน้อยเกินไป ในเวลานั้นผมสุภาพไม่ไหวจริง ๆ ผมไม่มีสติ ผมปล่อยให้ความโกรธอยู่เหนือเหตุผล ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้นไม่มีการคิดสคริปท์ไว้ก่อน แต่ถามว่ามีการกลั่นกรองในมุมของการเป็นนักแสดงและอยู่ในวงการมานานไหม มีครับ แต่มันไม่พอ มันยังมีคำหยาบคายอยู่ ความโกรธที่ผมแสดงออกไปผมก็แสดงได้เท่านั้นไม่สามารถแสดงออกมาได้มากกว่านั้น ในตลอดเวลาที่ผมพูดในคลิปก็ยังกราบขอโทษอยู่ตลอดเวลา ทั้ง ๆ ที่ผมโกรธมาก และผมก็ยอมรับว่าผมยั้งอารมณ์ตัวเองไว้ไม่อยู่ พ่อใคร แม่ใคร ใครก็รัก พ่อผมแม่ผมคือฮีโร่ของผม คือคนที่บ่มเพาะผม ที่สอนผมทำให้ผมเป็นผู้เป็นคนได้จนทุกวันนี้ และยิ่งในวันนี้ท่านไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้วผมไม่มีโอกาสที่จะชี้แจงว่าทำไมคนทั้งประเทศถึงเกลียดผม ว่าผมได้ครับผมยินดีน้อมรับเสมอ ผมยินดีปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงทัศนคติที่ไม่ตรงกัน แต่ผมขออย่างเดียวอย่าว่าพ่อแม่ผม อย่าตำหนิท่าน ท่านอบรมสั่งสอนผมมาดีแล้ว ผมมันไม่ดีเอง ผมยอมรับและกราบขอโทษไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยนะครับ
สำหรับคุณเอมี่ คือในวันนี้เราสองคนเพิ่งกลับจากงานแต่ง ผมเชื่อว่าก็คงไม่ใครทราบว่าเราสองคนต้องเจออะไร ผมเห็นคนที่ผมรักต้องร้องไห้มาตลอดทางแล้วมาบวกกับเมสเสจ ณ ขณะนี้ ตอนก่อนที่ผมจะโพสต์คลิป ส่วนหลังจากนั้นผมเข้าใจหมดแล้วนะครับ ใครจะว่าผมก็ค่อนข้างเข้าใจ คุณเอมี่ก็ได้ห้ามปรามแล้วครับ แต่ผมเป็นคนที่ยืนกรานที่จะลงคลิปวิดีโอเอง เพราะฉะนั้นผมขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียว ผมผิดผมยอมรับและผมก็ขอโทษ หลังจากที่โพสต์คลิปไปคุณอาของคุณเอมี่ก็ได้โทมาอบรมผม หลังจากนั้นก็ได้มีโอกาสอยู่กับตัวเอง ได้คิดได้วิเคราะห์ว่าเรามาถึงจุดนี้ได้ยังไ งจุดที่คนทั้งประเทศเกลียดชังผม ความเชื่อมั่นและสิ่งดี ๆ ที่ผมทำตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมามันได้ถูกทำลายใน 10 นาที เมื่อความโกรธผมหาย ผมก็มีสติมากขึ้น ผมได้เรียนรู้ว่าจริง ๆ แล้วผมไม่มีสิทธิ์ไปโกรธคนเหล่านั้นเลย เพราะว่าถ้าเกิดผมทำถูกตั้งแต่แรกทุกสิ่งทุกอย่างก็คงไม่เกิดขึ้น เขาก็คงจะไม่ตำหนิผม ไม่ตำหนิภรรยาผม ไม่ตำหนิบุพการีผม เพราะฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างมันได้ย้อนกลับมาหาตัวผมว่าผมคือคนที่ผิดเอง ผมคือคนที่ทำให้มันเกิดขึ้นตั้งแต่แรก ผมปล่อยให้ความโกรธไปยึดติดกับคำว่าโกงชาติ ยึดติดกับคำว่าบุพการีซะจนลืมมองว่าสิ่งที่ประชาชนต้องการจะบอกผมนั้นก็คือวิธีการ การปรับทัศนคติในความเชื่อของผม
ผมยอมรับผิดที่ผมใช้ชีวิตแบบนี้ซะจนชินในความยากได้อยากมี ทำในสิ่งที่ผิดซะจนมีความเชื่อว่ามันถูก เมื่อก่อนอยากได้ไอโฟนแต่มันยังไม่เข้าไทยแต่มีคนหิ้วเข้ามาขายในราคาที่แพงกว่า ผมอยากได้ผมก็ซื้อ ครั้งนี้ผมก็คิดอย่างนั้นเช่นดียวกันโดยไม่ได้คิดว่าผมได้ไปเบียดเบียนใคร ต่อให้มันมีการล็อกบัตรจริง ๆ เกิดขึ้น ผมไม่ได้เป็นคนล็อก ผมแค่เป็นคนนึงที่อยากดูคอนเสิร์ตแล้วผมก็ซื้อบัตร เชื่ออย่างนั้นมาโดยตลอด แต่จริง ๆ แล้วหลังจากที่ผมได้อ่านหลาย ๆ คอมเม้นท์ก็ขอขอบคุณมากที่หลายคอมเม้นท์ที่ไม่ได้มีถอยคำที่หยาบคายอะไรแล้วก็เตือนสติผมและอยากให้ผมได้ปรับปรุงทัศนคติของตัวเองว่า ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้เป็นคนล็อกบัตร แต่ผมเป็นคนซื้อมันก็อยู่ในวงจรนี้อยู่ดี มันก็เหมือนกับการที่ผมอยากทำบุญปล่อยนกแล้วผมไปซื้อนกที่วัด แม้ว่าผมจะไม่ใช่คนที่จับนกแต่ผมก็ทำให้ขบวนการนี้เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นผมขอยอมรับผิดในความคิดที่ผิดของผมมาโดยตลอด ผมกราบขอโทษทุก ๆ ท่านผ่านสื่อมวลชน ขอกราบขอโทษไปยังแฟนคลับ Maroon 5, แฟนคลับของผมและที่ไม่ใช่แฟนคลับของผม ครอบครัวของผมที่ทำให้ทุกท่านต้องเสียใจและผิดหวังในตัวผม
ขอโทษไปยังครอบครัวของคุณเอมี่ ขอโทษน้อง ๆ ที่เห็นผมเป็นไอดอลแบบอย่าง แต่ผมกลับแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสมออกไป ขอโทษแฟน ๆ ที่เชื่อมั่นในตัวผม ว่าผมน่าจะเป็นคนที่เข้าใจและควรจะมีสติมากกว่านี้ วันนี้ผมได้เรียนรู้แล้วว่าผมได้เลือกเส้นทางที่จะอยู่ในวงการบันเทิง สิ่งไหนที่ผมทนไม่ได้ ผมต้องทนให้ได้ เพราะผมเลือกแล้วว่าผมจะเป็นสื่อ เป็นดารานักแสดง ขอขอบคุณทุกคอมเม้นท์ที่เตือนสติว่าผมไม่ได้ยืนอยู่คนเดียว ผมยังมีครอบครัวและหน้าคนที่ผมรักอยู่ข้าง ๆ เมื่อใดที่ผมทำผิดเขาก็จะโดนด้วย ผมขอสัญญาว่าเหตุการณ์แบบนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้นอีก หลังจากนี้ไม่ว่าทุกท่านจะยังคงตำหนิติเตียนผมอีก ผมขอน้อมรับไว้ทุกท่านครับ"
สาเหตุที่ออกมาแถลงข่าววันนี้เป็นเพราะผู้ใหญ่แนะนำหรือยังไง ?
ซี ศิวัฒน์ : ไม่มีใครแนะนำครับ บางท่านบอกให้ผมอยู่เฉย ๆ มากกว่า เพราะเอาจริง ๆ เรื่องพวกนี้มันก็เกิดขึ้นเพราะปากของผมเอง เรื่องที่ไม่น่าจะใหญ่ขนาดนี้ก็เกิดขึ้นเพราะอารมณ์ของตัวเราเอง และมีหลายคอมเม้นท์ที่บอกว่าผมต้องออกมาขอโทษแน่ ๆ ซึ่งก็จริงอย่างที่บอกเพราะผมผิดและได้เรียนรู้ ก็ต้องออกมาขอโทษ เพราะผมไม่สามารถย้อนอดีตกลับไปแก้ไขแต่วันนี้สิ่งที่แก้ไขได้คือทัศติที่ผิดมาโดยตลอด
กลัวไหมว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์เรา ?
ซี ศิวัฒน์ : กระทบอยู่แล้วครับ แต่ถึงอย่างนั้นแล้วเหตุการณ์นี้ก็ไม่ใช่เรื่องร้ายเสียทีเดียว เพราะมันก็ช่วยเตือนสติผม ทำให้ผมได้รู้ว่าอย่าเชื่อมั่นในตัวเองจนเกินไปให้มองในมุมมองของคนอื่นดูบ้าง เพราะการที่ผมไปซื้อบัตรในราคาพิเศษมาและผมเชื่อว่าใช้เงินที่ผมหามาอย่างสุจริตซื้อ แต่เหมือนผมไปโกงหัวใจของคนที่พร้อมต่อแถวดูคอนเสิร์ตเช่นเดียวกัน ซึ่งมันผิดที่วิธีการมากกว่า ดังนั้นผมเพิ่งเข้าใจว่าที่ผ่านมาผมทำผิด และขอขอบคุณคอมเม้นท์ที่เข้ามาเตือนสติได้อย่างมากคือคนเราถึงแม้จะโกงมากโกงน้อยยังไงมันก็คือการโกง ทำให้ผมคิดว่าผมโกงความรู้สึกของคนทั้งประเทศ และผมดีใจที่คนไทยออกมารณรงค์เรื่องการโกง ผมอยากให้คนกลุ่มนี้เกาะกลุ่มกันไว้เป็นเรื่องที่ดี ผมพร้อมยินดีน้อมรับถ้าทุกคนจะให้โอกาสผมแก้ไข
ยังตัดสินใจไปดูคอนเสิร์ตอีกไหม ?
ซี ศิวัฒน์ : ผมคงไม่ไปดูแน่นอน เพราะถ้าไปผมคงต้องเอาปี๊บคลุมไปด้วยและดูคอนเสิร์ตมันก็คงไม่สนุกแล้ว ผมคงกลัวจะโดนเท้าหรือเอาอะไรมาโบกผม และขอชี้แจงเรื่องที่ว่าแฟนคลับปัญญาอ่อน ผมไม่ได้ว่าแฟนคลับ เรื่องที่แฟนคลับถือป้ายไฟ ผมพูดด้วยอารมณ์
ส่วนเรื่องที่บอกว่าใช้หัวนมคิด เป็นคำประชดหรือเปล่า ?
ซี ศิวัฒน์ : เป็นคำประชดครับ มันคือการระบายอารมณ์โกรธที่ตอนนั้นผมเห็นคำต่อว่าที่ผมได้รับ แต่ตอนนี้ผมขอยอมรับผิดแบบไม่มีเงื่อนไขอะไรทั้งนั้น
คนอื่น ๆ จะไปดูคอนเสิร์ตไหม ?
ซี ศิวัฒน์ : ในส่วนของเพื่อนๆ คนอื่นไม่ทราบนะครับ แต่ในส่วนของผมกับคุณเอมมี่ไม่ไปแน่นอนครับ เพราะผมได้มาในวิธีที่ไม่ถูกต้อง ถ้าขายไปก็คงไม่มีใครกล้าซื้อต่อครับ เราก็คงต้องหาวิธีจัดการคืน ๆ ไป และเอาเงินที่ได้มาทำประโยชน์ดีกว่าครับ
ช่วยอธิบายว่าบัตรทั้ง 25 ใบ ได้มาด้วยวิธีการไหน ?
ซี ศิวัฒน์ : ในส่วนของผมคือซื้อมาในราคาพิเศษ แต่ในส่วนของทั้งหมด 25 ใบ ที่ 1 คนมีสิทธ์จองได้ 5 ใบ แต่การที่จะได้นั่งติดกันเป็นเรื่องที่ยาก ซึ่งจะได้นั่งติดกันไหมผมยังไม่ได้ดูบัตรจึงไม่ทราบจริง ๆ และจะมีการล็อกหรือไม่นั้น ผมก็ตอบไม่ได้เช่นกัน แต่ในการจัดคอนเสิร์ตแต่ละครั้งทางต้นสังกัดก็จะมีการจัดการตลาดอยู่แล้ว ซึ่งอาจมีการเก็บตั๋วไว้เพื่อประชาสัมพันธ์ หรือตั๋วให้กับสปอนเซอร์ ซึ่งจะมีการล็อกไว้หรือไม่นั้นก็ต้องดูอีกที แต่ตั๋วที่ผมได้มาผมไม่ได้คลิกเองแน่นอน แต่ส่วนของเอมมี่ มรกรต อาจจะมีทีมงานหรือคลิกเองผมก็ไม่ทราบ แต่น่าจะอยู่ในโซนเดียวกัน
แต่ละคนตอนนี้มีการปลอบใจกันไหม ?
ซี ศิวัฒน์ : ตอนนี้ต่างคนต่างก็ต้องปลอบใจตัวเอง ไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ อย่างในส่วนของคุณเอมี่เขาเองก็เสียใจมาก เพราะเขาโทษตัวเองตลอดว่ามันเป็นความผิดของเขาที่ทำให้เรื่องเกิดขึ้น แต่ที่เป็นเรื่องใหญ่มาถึงขนาดนี้เป็นเพราะผมเองคนเดียวที่ใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล และใช้คำพูดไม่สุภาพออกไปจนเรื่องราวใหญ่โตกระทบไปยังคนอื่น ๆ
อย่างกรณีล่าสุดมีคนมองว่าเราทำให้คนอื่น ๆ ได้รับผลกระทบ ?
ซี ศิวัฒน์ : ใช่ครับ มันคือเรื่องจริง แต่ว่ามันมีเหตุผลในตัวมันอยู่แต่คนอื่นจะเข้าใจไหมก็อย่างที่ชี้แจงครับ
กลัวไหมที่ทำให้คนมองว่าดารามีสิทธิพิเศษกว่าคนปกติ ?
ซี ศิวัฒน์ : กระทบแล้วแน่นอนครับ และวันนี้นอกจากแฟนคลับ Maroon 5 ผมต้องขอกราบขอโทษพี่ ๆ น้อง ๆ ศิลปินดารา เซเลบฯ ทุกคนที่อยู่ในวงการนี้ที่ผมทำให้เดือดร้อน ด้วยความคิดน้อยของผม หลังจากนี้ผมสัญญาว่าจะมีสติและความอดทนให้มากขึ้นครับ
คิดว่าที่ออกมาพูดวันนี้จะทำให้เรื่องจบหรือเปล่า ?
ซี ศิวัฒน์ : เรื่องไม่จบหรอกครับ แต่ถ้าผมผิดแล้วไม่ออกมาขอโทษก็ไม่รู้ว่าผมจะใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้อย่างไรเหมือนกัน
เข็ดกับการใช้โซเชียลไหม ?
ซี ศิวัฒน์ : เข็ดไม่ได้หรอกครับ เพราะโลกอินเทอร์เน็ตไม่ได้เกี่ยวกับโซเชียล แต่เป็นเพราะตัวผมมากกว่า มันไม่ได้เป็นเรื่องเลวร้ายซะทีเดียว แต่ถ้ามองให้ดีก็เป็นการปรับทัศนคติของผมให้ดีขึ้นไปอีก แต่อยากให้แต่ละคนออกมาแสดงความคิดเห็นด้วยอุดมการณ์ เพราะบางความคิดเห็นเป็นสิ่งที่ดีมากทำให้ผมเข้าใจในสิ่งที่สังคมบอกผม คือ เรื่องของวิธีการ แต่ผมไปโฟกัสเรื่องโกงชาติกับเรื่องคำว่าบุพการี และเข็ดกับเรื่องนี้แล้ว ไม่กล้าทำแบบนี้แล้ว จะจองบัตรแบบคนทั่วไปแต่ถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็จะรอดูใน Youtube ก็ได้ครับ และอยากให้สังคมให้โอกาสผมทำหน้าที่นี้ต่อไป
เกาะติดข่าว 
