เลเซอร์ผิวหนัง... เพื่อความงาม (หนังสือสวยด้วยแพทย์)
ปัจจุบันแพทย์ผิวหนังนิยมใช้ "เครื่องมือเลเซอร์" ในการรักษาภาวะต่างๆ ทางผิวหนังหลายๆ ท่านอาจสงสัยว่า เลเซอร์ 1เครื่องสามารถรักษาภาวะทางผิวหนังได้ทุกประเภทหรือไม่หรืออาจสงสัยว่าเลเซอร์แต่ละชนิดให้การรักษาภาวะทางผิวหนังเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
วันนี้เรามาไขข้อข้องใจกันดีกว่านะคะ คำว่า เลเซอร์ (LASER)นั้นมาจากคำย่อภาษาอังกฤษว่า Light Amplification by the StimulatedEmission of Radiationเลเซอร์แต่ละชนิดจะมีต้นกำเนิดของพลังงานลำแสงที่แตกต่างกันเมื่อนำมาใช้ในการรักษาภาวะทางผิวหนังจึงต้องเลือกชนิดของเลเซอร์ให้เหมาะสมโดยพิจารณาดูจากคลื่นแสง, ความถี่และปริมาณพลังงานลำแสงของเครื่องเลเซอร์นั้นๆ
ในการใช้เครื่องเลเซอร์แต่ละชนิดในการรักษาบางชนิดอาจทำให้เกิดแผลที่ผิวหนัง แต่บางชนิดไม่ทำให้เกิดแผลดังนั้นการดูแลผิวหนังหลังการรักษาด้วยเลเซอร์แต่ละชนิดจึงแตกต่างกัน
ถึงตอนนี้แล้ว คุณผู้อ่านคงอยากทราบแล้วสินะคะว่าเลเซอร์ชนิดไหนมีคุณสมบัติในการรักษาอย่างไร ถ้าเช่นนั้นมาดูกันเลยค่ะ
เลเซอร์ | ใช้รักษา | ข้อควรทราบ |
คาร์บอนไดออกไซด์เลเซอร์ (CO2 laser) | ไฝ,ขี้แมลงวัน,กระเนื้อ,ติ่งเนื้อ,หูด, เนื้องอกของต่อมเหงื่อ (สิวหิน), ต่อมไขมันโต | - ต้องทาครีมยาชาหรือฉีดยาชาก่อนการรักษา - หลังรับการรักษาจะมีแผลซึ่งจะแห้งและตกสะเก็ดภายใน 1-2 สัปดาห์ - ควรหลีกเลี่ยงเครื่องสำอาง หรือทาครีมบนแผลจนกว่าสะเก็ดจะหลุด - ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดหลังทำการรักษา |
Nd-YAG laser | ลบรอยสักคิ้ว,รอยสักต่างๆ กระ,กระแดด ปานโอตะ ลดรอยคล้ำริมฝีปาก, หัวนม | |
คูลไกลด์เลเซอร์ (Cool Glide Laser) | -กำจัดขนตามที่ต่างๆ เช่น หนวด, เครา, รักแร้, หน้าแข้ง, - เส้นเลือดฝอยเล็กๆ ที่ใบหน้า - ลดริ้วรอยที่ใบหน้า,ลดรูขุมขนกว้าง (Rejuvenation) | 1. ต้องทาครีมยาชาก่อนการรักษา 2. ไม่มีแผลหลังการรักษา อาจมีรอยชาเล็กน้อยหลังการรักษา ซึ่งจะหายได้ภายใน 7-10 วัน 1. ไม่ต้องใช้ยาชา ไม่เจ็บ ไม่เกิดแผล 2. ช่วงทำการรักษาจะรู้สึกอุ่นๆ ที่ใบหน้า |
ARAMIS laser | รอยบุ๋มจากแผลเป็น, แผลจากสิวและสุกใส | เพื่อให้การรักษาได้ผลดี แพทย์อาจรักษาร่วมกับการใช้เข็มสะกิดใต้ผิวหนัง (Subcision) เพื่อกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจน |
เลเซอร์ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างของเครื่องเลเซอร์ที่ได้รับความนิยมจากแพทย์ผิวหนังเนื่องจากมีความปลอดภัย และผลข้างเคียงต่ำ อย่างไรก็ดี ควรพบแพทย์ผิวหนังเพื่อให้คำปรึกษาก่อนตัดสินใจรับการรักษานะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
หนังสือสวยด้วยแพทย์