ชายไทยให้เกียรติภรรยา (ไทยโพสต์)
ผลสำรวจชายส่วนใหญ่ยอมรับความเท่าเทียมของสตรีเพศ สามีพร้อมร่วมรับผิดชอบครอบครัวมากขึ้น พ.ต.ท.ผู้ชายต้นแบบชี้เลิกได้แล้วคติช้างเท้าหน้า
มูลนิธิเพื่อนหญิง ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดกิจกรรมในเดือนรณรงค์ยุติความรุนแรง 2553 ที่บริเวณลานวิคตอรี่พอยท์ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ วันที่ 4 พฤศจิกายนนี้ มีการเสวนา "แค่เลิกคิดว่าชายเป็นใหญ่ สิ่งดีๆ ก็เกิดขึ้นได้-จริงหรือ?"
นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อนหญิง กล่าวว่า ปัจจุบันสังคมส่วนใหญ่มองว่าผู้ชายต้องเป็นใหญ่ในครอบครัว แต่เมื่อมูลนิธิเพื่อนหญิงได้ทำแบบสำรวจทัศนคติและความคิดเห็นของผู้ชาย หัวข้อ "แค่เลิกคิดว่าชายเป็นใหญ่ สิ่งดีๆ ก็เกิดขึ้นได้-จริงหรือ?" โดยเป็นกลุ่มตัวอย่างเป็นเพศชายทั้งหมด 1,139 คน จาก 9 จังหวัด รวมทั้งกรุงเทพฯ พบว่าทัศนคติของผู้ชายดีขึ้นกว่าอดีตมาก อาทิ ผู้ชายสวนใหญ่ร้อยละ 89.60 เห็นว่าการแสดงออกถึงความเป็นชาย คือการรักและรับผิดชอบครอบครัว ไม่ใช่การดื่มเหล้า
เมื่อถามว่า ผู้ชายเป็นได้ทั้งผู้นำและผู้ตามในบ้าน ควรรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นหรือไม่ พบว่ามีผู้ชายที่เห็นด้วยและเห็นด้วยอย่างยิ่งรวมสูงถึงร้อยละ 91.90 ส่วนประเด็นผู้ชายที่ช่วยทำงานบ้านเป็นการช่วยกันแบ่งเบาภาระของผู้หญิง และถือเป็นงานของครอบครัว พบว่าผู้ชายที่เห็นด้วยและเห็นด้วยอย่างยิ่งรวมกว่าร้อยละ 89.80 อีกทั้งประเด็นผู้ชายรักเดียวใจเดียว ซื่อสัตย์กับภรรยาน่ายกย่อง มีผู้ชายมากถึงร้อยละ 86.90 ที่เห็นด้วยและเห็นด้วยอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ ผู้ชายส่วนใหญ่ยังเห็นว่าสามีจำต้องให้เกียรติภรรยา ไม่ดุด่าทุบตี บังคับหลับนอน อีกทั้งผู้ชายต้องเข้ามามีส่วนเลี้ยงดูลูก ไม่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้หญิงฝ่ายเดียว ส่วนประเด็นการยอมรับความสามารถของผู้หญิง ผู้ชายก็เห็นว่าผู้หญิงมีความสามารถไม่ด้อยไปกว่าชาย
"ในวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ มูลนิธิและแกนนำผู้ชายเลิกเหล้า ยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็ก จะเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อนำเสนอเรื่องความเสมอภาคหญิงชายในมิติของการศึกษา และในวันที่ 12 พฤศจิกายน จะเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมด้วย" นายจะเด็จกล่าว
พันตำรวจโทพิเชียร สุวพิศ ตำรวจสถานีตำรวจภูธรสลุย จังหวัดชุมพร ในฐานะผู้ชายต้นแบบที่ทำหน้าที่แทนภรรยาได้ กล่าวว่า ตนเข้าใจจิตใจของผู้หญิง โดยคิดว่าผู้หญิงซื่อสัตย์มากกว่าผู้ชาย มีความรับผิดชอบสูง มีศีลธรรมมากกว่า และไม่ค่อยมีอบายมุขเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่สังคมกลับคิดว่าผู้หญิงมีความสามารถไม่มากเหมือนผู้ชาย จึงไม่ให้โอกาสผู้หญิง ทั้งที่ควรเปิดโอกาสให้ผู้หญิงมากกว่านี้ เพราะทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน จึงไม่ควรยึดติดคำว่าช้างเท้าหน้า ช้างเท้าหลัง โดยเฉพาะกรณีที่ผู้หญิงตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ชายต้องเห็นใจและควรใส่ใจดูแล
"สมัยนี้คนเราอารมณ์รุนแรงขึ้น เห็นได้จากการมาแจ้งความเรื่องการทะเลาะตบตีกัน เพราะขาดสติจากการเมา การพนัน ยาเสพติด มีเพิ่มมากขึ้น" พันตำรวจโทพิเชียรกล่าว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก