x close

ว.วชิรเมธี ให้ข้อคิดหลักธรรมในเดือนแห่งความรัก






พระปรามภาครัฐ เลิกโหนวาเลนไทน์ (ไทยโพสต์)

          ว.วชิรเมธี ให้ข้อคิดหลักธรรมในเดือนแห่งความรัก ยกระดับความรักส่วนตัวเป็นความรักส่วนรวม มุ่งเข้าถึงหัวใจของศาสนาคริสต์และพุทธ แนะเปิดเวทีเผยแพร่คำสอนให้มากขึ้น เลิกโหนกระแสเทศกาลจัดกิจกรรมหวังผลการตลาด

          พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ ว.วชิรเมธี ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย กล่าวถึงธรรมะที่เกี่ยวเนื่องในเทศกาลวันวาเลนไทน์และวันมาฆบูชาว่า เดือนกุมภาพันธ์เป็นเดือนแห่งความรักอย่างแท้จริง เนื่องจากเป็นวันสำคัญทางศาสนา 2 ศาสนาที่เวียนมาบรรจบในเดือนเดียวกัน คือ วันวาเลนไทน์ของศาสนาคริสต์ และวันมาฆบูชาแห่งพุทธศาสนา แม้ทั้งสองศาสนาจะมีวิถีความเชื่อแตกต่างกัน แต่คำสอนมีเนื้อหาสาระเกี่ยวข้องตรงกัน คือ เรื่องความรัก หากจะมองอย่างผิวเผินก็เป็นความรักของคนหนุ่มสาว แต่ควรจะมองให้ลึกซึ้งเป็นความรักของมวลมนุษยชาติ โดยพระเยซูศาสดาของชาวคริสต์และองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่างก็มอบความรักให้มนุษย์ด้วยการให้สอนทำความดี ละเว้นความชั่ว

          ว.วชิรเมธี บอกว่า พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมโอวาทปาฏิโมกข์เป็นหัวใจของพุทธศาสนา แม้พระองค์ตรัสรู้แล้วก็ไม่ทอดทิ้งผู้คน หากยังมอบความรักให้ด้วยการมอบหมายให้เหล่าสาวกออกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้เข้าถึงมวลมนุษยชาติ ภายใต้ความคิดที่ว่า โลกทั้งผองล้วนเป็นพี่น้องกัน ซึ่งเป็นความรักที่สังคมไทยกำลังต้องการอย่างยิ่ง เวลานี้บ้านเมืองไม่มีความสงบสุข เพราะมีความรักให้แก่กันน้อยลง กลับเพิ่มความโกรธเกลียดชิงชังมากขึ้น ส่งผลให้สภาวะในสังคมไทยมีความแตกแยกกันอย่างรุนแรงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

          "ดังนั้นเมื่อวันสำคัญทั้งสองเวียนมาถึงในเดือนกุมภาพันธ์ ควรกระตุ้นให้สังคมไทยเปิดหัวใจให้กว้าง เรียนรู้และยอมรับความแตกต่าง ปรับเปลี่ยนมุมมองโลกทัศน์ คนที่มีความคิดเห็นต่างจากเราก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นคนเลวหรือเป็นคนมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์น้อยกว่าเรา แม้เป็นคนที่คิดเห็นไม่เหมือนกันเราก็มอบความรักให้กันได้ ดังเช่นพระเยซูสอนว่า ควรรักเขาเท่ารักตัวเอง ส่วนพระพุทธเจ้าสอนให้เรารักผู้อื่นเหมือนความรักที่แม่มีต่อลูก"

          ในช่วงเดือนแห่งความรัก ทุกคนต้องร่วมกันเปลี่ยนสังคมแห่งความเกลียดชังให้เป็นสังคมแห่งความรัก มีหัวใจของการแบ่งปันอย่างไร้ขีดจำกัด ความรักมี 4 ระดับ คือ 

          1. รักตัวกลัวตาย 

          2. รักใคร่ปรารถนา ซึ่งเป็นความรักที่ยังไม่ประเสริฐและอิงอยู่กับสัญชาตญาณเอาตัวรอด เราควรยกระดับจิตใจให้มีความรักที่สูงขึ้น

          3. รักเมตตาอารี

          4. รักมีแต่ให้ ซึ่งเป็นความรักที่ประเสริฐและนำพาสังคมไปสู่ความผาสุก

          พระนักวิชาการชื่อดังยังให้คำแนะนำแก่หน่วยงานหรือองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนที่เตรียมจัดกิจกรรมเนื่องในวันวาเลนไทน์ว่า ไม่ควรจัดงานแบบฟุ้งเฟ้อหรือฉาบฉวยเพื่อหวังผลการตลาดหรือกระตุ้นยอดขายสินค้าของตนเอง การที่สังคมพุ่งเป้าความสนใจไปเฉพาะดอกกุหลาบถือเป็นเรื่องตื้นเขิน ต้องคิดก้าวไปให้ไกลกว่านี้ คือ ส่งเสริมให้มีความรักจากระดับบุคคลเป็นความรักต่อส่วนรวม 

          "วันมาฆบูชาไม่ควรกระตุ้นให้คนเข้าวัดไปเวียนเทียนอย่างเดียวเท่านั้น เพราะเป็นเพียงพิธีกรรมที่ผู้คนอาจเข้าไม่ถึงแก่นแท้ในหลักธรรม แต่ควรเปิดเวทีเสวนาหรือปาฐกถาพูดคุยเรื่องเนื้อหาสาระของโอวาทปาฏิโมกข์ ซึ่งเป็นการเปิดพื้นที่ทางพุทธศาสนาของจริงแท้ให้มากขึ้น โดยไม่จมปลักอยู่กับจอมขมังเวทย์ในคราบผ้าเหลืองเช่นทุกวันนี้ สรุปว่าแก่นแท้ของวันวาเลนไทน์และหัวใจในวันมาฆบูชา คือ ความรัก ความเมตตาที่เป็นสากลของคนทั่วโลก" พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี เผย

          ส่วนกรณีที่มีการเปิดเผยผลสำรวจจากสำนักโพลล์แห่งหนึ่งว่า ว.วชิรเมธีเป็นพวกเสื้อเหลืองนั้นเป็นเรื่องไร้สาระและไม่อยากตอบโต้หรือชี้แจงใด ๆ เพราะถ้าเลือกข้างใดข้างหนึ่งตามที่โพลล์ระบุ ก็คงจะไม่ดำรงอยู่ในเพศบรรพชิต แต่หันไปเล่นการเมืองดีกว่า



ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ว.วชิรเมธี ให้ข้อคิดหลักธรรมในเดือนแห่งความรัก อัปเดตล่าสุด 1 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 16:52:32 1,985 อ่าน
TOP