x close

อีกมุมชีวิตของ แจ๊ค แฟนฉัน กับความกตัญญูที่มีเกินร้อย!


อีกมุมชีวิตของ แจ็ค แฟนฉัน กับความกตัญญูที่มีเกินร้อย!

           "อ้วนดำ อ้วนดำ" วลีเด็ดจากภาพยนตร์เรื่อง แฟนฉัน และแน่นอนเมื่อได้ยินคำนี้ทีไรก็จะต้องนึกถึงเด็กอ้วน ๆ ผิวสีคล้ำ หน้าตากวน ๆ อย่าง "แจ๊ค แฟนฉัน" แน่ ๆ เลย... หลาย ๆ คนอาจจะติดภาพลักษณ์ความน่ารักอารมณ์ดี บวกกับความกวนโอ๊ยนิด ๆ ของเขา แต่ใครเลยจะรู้ว่า เส้นทางชีวิตของแจ๊ค แฟนฉัน ไม่ได้ราบรื่นและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะสักเท่าไรนัก ... 

           วันนี้เรามีเรื่องราวชีวิตของเด็กหนุ่มสุดกตัญญูวัย 22 ปี อย่าง เฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์ หรือ แจ๊ค แฟนฉัน ที่จะมาเปิดเผยเรื่องราวตั้งแต่วัยเยาว์ พร้อมทั้งจุดมุ่งหมายในชีวิตของเขา ... ขอบอกว่า ถ้าเพื่อน ๆ ได้รับรู้เรื่องราวของเขา จะต้องหลงรักเขาขึ้นเป็นกองเลยล่ะค่ะ เอาล่ะถ้าพร้อมแล้ว เราไปฟังเรื่องราวของ "แจ๊ค แฟนฉัน" กันเลย 

อีกมุมชีวิตของ แจ็ค แฟนฉัน กับความกตัญญูที่มีเกินร้อย!

           ในค่ำคืนของวานนี้ (15 มกราคม) รายการที่นี่หมอชิต ได้พาเพื่อน ๆ เดินทางไปยัง จ.สระบุรี บ้านเกิดของแจ๊ค ซึ่งเมื่อไปถึงก็พบกับญาติ ๆ และเพื่อนบ้านทั้งหลายมานั่งรอต้อนรับอย่างอบอุ่น จากนั้นแจ๊คก็พาพิธีกรไปเยี่ยมชมรอบ ๆ บ้าน ซึ่งแจ๊คกล่าวว่า ตอนแรกก็อายอยู่ ไม่กล้าจะพารายการไหนมาเที่ยวบ้าน เพราะบ้านหลังเล็ก ไม่สวยเหมือนบ้านใคร ๆ เขา แต่พอตนคิดอีกที ก็พบว่า ไม่เห็นมีอะไรที่ต้องอาย เพราะบ้านหลังนี้เป็นบ้านที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของตน เป็นความภาคภูมิใจที่สุด ถึงแม้ว่าไม่ได้ใหญ่อะไรมากมาย แต่บ้านหลังนี้ใหญ่ในความรู้สึกของตนมาก ๆ 

           แจ๊ค เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับวัยเด็กให้ฟังว่า... ตอนเด็ก ๆ ตนยังไม่ใช่เด็กอ้วน จนกระทั่งประสบอุบัติเหตุรถชนเลือดคั่งในสมอง จึงไปโดนเส้นประสาทเส้นหนึ่ง หรือที่แม่บอกกับตนว่าเป็นเส้นอ้วน เลยทำให้ตนอ้วนมาตั้งแต่ตอนนั้น (หัวเราะ) จากนั้นใครหลาย ๆ คนก็มองว่าตนเหมือนโดราเอม่อนบ้าง เหมือนไจแอนท์บ้าง ซึ่งตนก็คิดว่าตนเหมือนจริง ๆ ส่วนชีวิตในวัยเด็กก็เหมือนเด็กธรรมดาทั่วไป จะแตกต่างตรงที่ตนเป็นเด็กที่เรียนไม่เก่งเลย อีกทั้งยังชอบเล่นเกมส์ แถมยังเป็นหัวโจกของแก๊งด้วย ออกแนวซ่านิด ๆ 

อีกมุมชีวิตของ แจ็ค แฟนฉัน กับความกตัญญูที่มีเกินร้อย!

           จากนั้นแจ๊ค ได้เล่าถึงจุดเปลี่ยนชีวิต จุดที่ทำให้ใครหลาย ๆ คนรู้จัก ด.ช.แจ๊ค ธรรมดา ในฐานะ "แจ๊ค แฟนฉัน" ก็คือ วันนั้นตนออกมาจากร้านเกม แล้วเจอผู้ชายใส่แว่นนั่งกินกาแฟอยู่ พร้อมจ้องหน้าตน ตนจึงหันไปจ้องคืน พร้อมพูดคำว่า "มอง__อะไรไอ้แว่น" พอพูดจบตนก็กลัวเขาเดินมาตบหัว แต่กลับกันเขาเดินเข้ามาถามตนว่า มาเล่นหนังให้หน่อยสิ ซึ่งตอนนั้นตนไม่รู้ว่า เขาคือใคร มารู้ทีหลังว่าเขาชื่อ บอล วิทยา ทองอยู่ยง เป็นคนทำหนังสั้น 

           "พอผมได้ยินเขาชวนไป ผมก็บอกว่า เอามา 5 บาทก่อนดิ เขาก็ยื่นมาให้ 5 บาท ผมก็ถือเงินเดินไปหาเพื่อนบอกว่า เฮ้ยเดี๋ยวกูเลี้ยงวินนิ่งมึงเอง พอเล่นจบเกมประมาณครึ่งชั่วโมง ผมก็อยากเล่นต่อ จึงเดินไปหาพี่เขา แล้วบอกว่าให้เอามาอีก 10 บาท ซึ่งพอผมเล่นวินนิ่งเสร็จ ผมก็ยอมไปเล่นหนังสั้นกับเขานะ ชื่อเรื่องว่า ทำไมต้องเป็นตลก สรุปหนังเรื่องนี้ไปชนะการประกวดอันดับ 1 แล้วเขาก็ส่งเงินให้ผมอีก 5,000 บาท เพื่อเป็นค่าตัว พอผมได้เงินก็เอาไปให้แม่หมดเลย (ยิ้ม) และหลังจากนั้นพี่บอลก็ติดต่อให้ตนเล่นหนังเรื่องแฟนฉัน" แจ๊ค แฟนฉัน กล่าว

           จากนั้น แจ๊ค ก็เริ่มเล่าเรื่องราวถึงที่มาที่ไปของบ้านหลังนี้ว่า เดิมทีบ้านของตนจนมาก พ่อเป็นทหารชั้นผู้น้อย ส่วนแม่เป็นแม่ค้าขายลูกชิ้นทอดแผงลอย ตนเห็นที่บ้านลำบากมาตลอด แม่ก็สุขภาพไม่ค่อยดี น้ำมันกระเด็นใส่แขน หน้ามัน หน้าโทรมมาก ๆ แต่พอตนได้เล่นหนังเรื่องแฟนฉัน ถึงแม้ว่าค่าตัวจะได้ไม่มากมาย แต่ตนก็ค่อย ๆ เก็บทีละนิด รวมกับเงินที่ได้จากการโชว์ตัว ทำให้หนังเรื่องนี้สามารถช่วยตนซื้อบ้านได้หนึ่งหลัง ราคา 1 ล้านสองพันบาท (หัวเราะ) ด้วยเงินสด เพราะตอนนั้นตนไม่รู้วิธีเก็บเงินว่าต้องเก็บในธนาคาร มีเท่าไรก็ฝากที่แม่จนหมด แต่ก็ดีที่ซื้อเงินสด เพราะตนจะได้ไม่มีหนี้ 

           ทั้งนี้ ดูเหมือนว่า เส้นทางชีวิตของแจ๊ค แฟนฉัน จะค่อย ๆ ก้าวเดินไปอย่างมั่นคง และมีความสุข แต่ใครจะรู้เลยว่า ในใจลึก ๆ ของเขานั้น มีบางสิ่งที่ติดอยู่ ถึงกับอัดอั้นร้องไห้ออกมากลางรายการ 

           แจ๊ค แฟนฉัน กล่าวว่า มีเรื่องเรื่องหนึ่ง ตนอยากบอกออกอากาศเลย เพราะส่วนมากพ่อชอบมีข้ออ้างเยอะแยะ และไม่ยอมให้สัมภาษณ์ อีกทั้งตนก็ไม่ค่อยกล้าพูดเท่าไร นั่นก็คือเรื่องทะเลาะกับแม่ ถึงแม้ว่าตอนนี้ตนจะต้องเช่าหออยู่กับเพื่อนที่กรุงเทพฯ แต่ตนก็คอยสืบข่าวคราวจากน้า คอยซักถามว่า แม่กับพ่อยังทะเลาะกันหรือเปล่า ซึ่งคำตอบของน้าก็คือ ยังทะเลาะกันอยู่ จริง ๆ แล้วตนก็ค่อนข้างชิน เพราะว่า ตอนตนเด็ก ๆ พ่อชอบเมาแล้วมาทะเลาะกับแม่ บางทีก็เมาเดินมาทุบตน แต่ตอนนี้โตแล้ว ตนไม่อยากให้พ่อกับแม่ทะเลาะกัน ไม่อยากเห็นแม่โดนตีอีก 

           แจ๊ค แฟนฉัน กล่าวอีกว่า ไม่กล้าพูดเรื่องนี้ต่อหน้าพ่อ เพราะกลัวพ่อด่าว่าเรื่องของผู้ใหญ่เด็กอย่ามาสอน  แต่ตอนนี้ตนไม่ยุ่งก็ไม่ได้ เพราะทุกอย่างตนไม่ได้ทำเพื่อตนเอง ตนทำเพื่อพ่อแม่ อยากตอบแทนพระคุณท่าน อีกอย่างตนเป็นลูกคนเดียว ตอนเด็ก ๆ ถึงบ้านเราจะไม่รวย ถึงพ่อจะตีตนบ้าง แต่ตอนนั้นที่ตนถูกรถชน พ่อก็อุ้มตนวิ่งไปโรงพยาบาล ส่วนแม่พอเห็นเด็กบ้านคนอื่นมีคอมพิวเตอร์ แต่บ้านตนไม่มีเงินซื้อ ก็เลยพยายามจะซื้อนู้นซื้อนี่มาให้ตนเล่น เพื่อไม่ให้ตนรู้สึกว่าขาดอะไรไป 

           "พอพูดเรื่องนี้ทีไรน้ำตาก็จะไหลทุกที ผมไม่กล้าพูดกับพ่อต่อหน้า เพราะกลัวพ่อ แต่ผมต้องพูด ผมไม่อยากให้พ่อทำร้ายแม่อีก แม่เขารักพ่อมาก ผมรู้ว่าจริง ๆ แล้วพ่อไม่ใช่คนไม่ดี รู้ว่าทำอะไรลงไปนั้นเป็นเพราะเหล้า ผมเลยอยากให้พ่อเลิกเหล้า เลิกพนันบอล ถึงพ่อจะบอกว่าเล่นคลายเครียด แต่ถ้าเสียเยอะก็จะกลายเป็นติด เงินที่ผมหามาได้มันก็จะหมดไป ผมไม่อยากให้เรากลับมาจนเหมือนแต่ก่อน ถึงแม้ว่าตอนนี้เราจะไม่ได้รวยอะไรมาก ถึงแม้บ้านหลังนี้ที่ผมสร้างมา มันจะไม่ใหญ่โตอะไร แต่ผมว่า มันใหญ่มากเพราะความรักของเราทั้งสามคน" แจ๊ค แฟนฉัน กล่าวพร้อมเช็ดน้ำตา

อีกมุมชีวิตของ แจ็ค แฟนฉัน กับความกตัญญูที่มีเกินร้อย!

           จากนั้นพิธีกรก็ได้เชิญคุณพ่อ-คุณแม่ของ แจ๊ค แฟนฉัน มาพูดคุยในรายการด้วย โดยแจ๊ค ได้แอบกระซิบกับพิธีกรว่า อย่าบอกพ่อนะว่าผมร้องไห้ (หัวเราะ) ทางด้านคุณพ่อของแจ๊คกล่าวว่า ตนภูมิใจในตัวแจ๊คมากที่หาเงินเลี้ยงครอบครัวได้ตั้งแต่ยังน้อย พอแจ๊คมีเงินก็บอกให้ตนออกจากทหาร เพราะกลัวว่าตนจะถูกส่งไปยะลาอีก ช่วงนั้นตนไม่ค่อยได้กลับบ้านเนื่องจากต้องไปประจำที่ยะลา 2 ปี จากนั้นพอกลับมาประจำที่ปราจีนบุรีก็ทะเลาะกับภรรยาบ่อย ๆ สาเหตุสำคัญที่ทำให้ทะเลาะกันนั้นก็คือ "เหล้า"

           ด้านคุณแม่ของแจ๊ค กล่าวว่า แจ๊คเป็นลูกที่น่ารัก เป็นความภาคภูมิใจของตน แต่เรื่องที่ห่วงเขาตอนนี้ก็คือเรื่องแฟน เพราะก่อนหน้านี้เขาติดโทรศัพท์ คุยโทรศัพท์เดี๋ยวรักเดี๋ยวเลิก (แจ็คมีแฟนมากี่คนแล้ว?) มีทั้งหมด 3 คน แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ตนก็สบายใจ อยากให้เอาเรื่องงานเป็นหลักก่อน จะได้ไม่ต้องพะวงเรื่องอื่นให้เสียงาน 

           ส่วนแจ๊ค แฟนฉัน ก็กล่าวว่า ตนเลิกสนใจเรื่องแฟนไปแล้ว เพราะกลัวมีแล้วทะเลาะกันเหมือนพ่อกับแม่ .... หลังจากที่แจ๊ค แฟนฉัน พูดจบ คุณพ่อก็ทำหน้าอึ้ง ๆ แล้วตอบกลับแจ๊คไปว่า แต่ก่อนมันก็อาจจะมีบ้าง ซึ่งตอนนี้มันไม่มีแล้ว อาจจะมีเถียงกันนิด ๆ หน่อย ๆ แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร อีกอย่างตนก็เลิกเหล้ามา 2 ปีแล้ว จากนี้ไปไม่มีทำร้ายแม่ของแจ๊คแน่นอน ...ทางด้านแจ๊คเสริมว่า เรื่องการพนันด้วยไม่อยากให้พ่อเล่นเพราะกลัวติด ซึ่งพ่อของแจ๊ค กล่าวว่า การพูดว่าเลิกมันพูดง่าย ๆ ตนไม่อยากพูดเพียงเพราะให้ลูกสบายใจ แต่เอาเป็นว่า ตนจะพยายามเลิกมันละกัน 

           นอกจากนี้ แจ๊ค ยังเล่าให้ฟังว่า ตอนเด็ก ๆ โกรธพวกทหารเพื่อนพ่อที่ชวนพ่อไปกินเหล้ามาก ๆ ถึงขนาดปั่นจักรยาน แล้วไสจักรยานเข้าไปกลางวงเหล้าพร้อมกล่าวว่า "ใครชวนพ่อกูแ_กเหล้าวะ" ตอนนั้นตนอายุประมาณ ป. 4 ซึ่งความรู้สึกขณะนั้นคือมันแค้นใจมาก ๆ เพราะแม่ทอดลูกชิ้นหน้ามัน แล้วพวกเพื่อนพ่อเป็นใคร ถึงมาชวนพ่อตนกินเหล้า ซึ่งตนมารู้ที่หลังว่า เพื่อนของพ่อเป็นผู้กอง (หัวเราะ)

           สุดท้ายนี้ แจ๊ค แฟนฉัน กล่าวสารภาพทุกอย่างที่อยู่ในใจให้พ่อแม่ฟังว่า ตนอยากบอกกับพ่อแม่ว่า ตนรักพ่อกับแม่มาก ไม่ได้รักใครไปมากกว่ากันเลย บางทีดูเหมือนว่าตนจะรักแม่มากกว่า แต่พ่อเป็นผู้ชาย ตนก็เป็นผู้ชาย เรื่องแบบนี้มันพูดลำบาก ตนอยากให้พ่อกับแม่รักกันมาก ๆ ไม่อยากให้ทะเลาะกัน แล้วตนจะสัญญาว่า ตนจะเป็นคนดีเหมือนที่พ่อและแม่ตนขอไว้ เรื่องเหล้า ยา บุหรี่ การพนัน ตนจะไม่มีวันไปแตะมันแน่นอน

           ภาพลักษณ์ภายนอกของ "แจ๊ค แฟนฉัน" อาจจะดูเหมือนเขาเป็นวัยรุ่นที่อารมณ์ดี มีเอกลักษณ์ที่น่ารัก และสามารถสร้างเสียงรอยยิ้ม และเรียกเสียงหัวเราะได้ตลอดเวลา  แต่ใครจะรู้ว่า ทุกรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะของเขานั้น เขาทำเพื่อครอบครัว ... ครอบครัวที่เป็นทุกสิ่งสำหรับเขาจริง ๆ ได้รู้แบบนี้แล้วก็ต้องขอปรบมือชื่นชมถึงความกตัญญูและความรักของ "แจ๊ค แฟนฉัน" ที่มีให้กับครอบครัว และเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่สังคมด้วยนะคะ นายแน่มากจริง ๆ ^ ^



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
อีกมุมชีวิตของ แจ๊ค แฟนฉัน กับความกตัญญูที่มีเกินร้อย! อัปเดตล่าสุด 7 สิงหาคม 2556 เวลา 15:29:41 4,101 อ่าน
TOP