
ลูกผู้ชายสไตล์ พอร์ช (ภาพยนตร์บันเทิง)
เรื่อง : Little Smile
กำลังถ่ายทำละครเรื่อง "ลูกผู้ชายไม้ตะพด" อยู่ค่ะ สำหรับพระเอก หนุ่ม "พอร์ช" ศรัณย์ ศิริลักษณ์ ซึ่งละครเรื่องนี้เป็นละครบู๊ครั้งแรกของเจ้าตัว แต่หนุ่มพอร์ชก็บอกว่าได้ประสบการณ์มากมายก็เดียว โดยเฉพาะการได้ฝึกทำทางการต่อสู้ด้วยไม้ตะพด งานนี้นอกจากเม้าท์ เรื่องการทำงาน ยังแอบถามความเป็นลูกผู้ชายในแบบฉบับของหนุ่มคนนี้มาให้อ่านกันด้วยล่ะค่ะ เป็นอย่างไรบ้างนั้นติดตามดีกว่า
"สนุกครับ ละครเรื่องนี้ อย่างที่รู้คือมันเป็นละครบู๊ครั้งแรกของผมด้วย ก็เลยทำให้ได้ไปเรียนรู้อะไรหลายอย่าง ตั้งแต่ก่อนถ่ายทำก็ต้องไปเรียนการต่อสู้ คือ ท่าทางมันต้องสวย ที่ต้องไปฝึกจะมีมวย แล้วก็ต้องจับไม้ตะพดด้วย ซึ่งเวลาฝึกเนี่ยเราต้องฝึกการยั้งมือเวลาตีเพื่อไม่ให้ไปโดนคู่ซ้อม ต้องยั้งเท้าเวลาเตะแบบไม่ให้แรงเกินไป ตอนซ้อมแรก ๆ เนี่ยก็มีพลาดบ้าง ครั้งนึงคือใช้ไม้ตี ๆ กันอยู่ แล้วพอดีอาจารย์เขาเรียก พอเขาเรียกเราก็หยุดสิ แต่คู่ซ้อมผมเขาไม่ได้ยินอาจารย์เรียก เขาก็เลยฟาดเข้ามาเลย ผมเองก็เห็น ก็รีบยกไม้ของตัวเองขึ้นมากัน แต่บังเอิญว่าไม้มันอ่อน มันก็เลยตวัดตีจมูกแตก นี่คือช่วงแรกเลยที่ลองไปซ้อม แต่ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีพลาดนะครับ ไม่พลาดกับทั้งตัวเอง แล้วก็คนอื่นด้วย"
"ไม่หรอกครับ แรก ๆ ก็ยังมีกลัว ๆ เหมือนกันเนอะ (หัวเราะ) แต่ยังไงเราก็ต้องทำงาน ซึ่งนี่มันคืองานเรา สิ่งที่เราทำได้คือเราต้องมีสมาธิมากขึ้น เพื่อที่จะไม่ให้มันเกิดความผิดพลาดแบบนั้นอีก"
"มันก็เป็นอะไรที่แปลกใหม่ดีนะครับ แบบวัยรุ่นมาถือไม้ตะพด (หัวเราะ) คือแต่ในเรื่องเนี่ย มันไม่ใช่แค่ไม้ตะพดธรรมดานะครับ มันมีพลังอะไรแบบนั้น ถ้าเป็นแค่ไม้ตะพดธรรมดา คนดูคงรู้สึกแปลก ๆ แบบทำไมวัย ขนาดนี้ถึงมาเดินถือไม้ตะพด (มันควรจะเป็นไม้ทีมากกว่าใช่ปะ ?) (หัวเราะ) ครับ แต่ในเรื่องเนี่ย มันเป็นไม้ตะพดที่มีพลังแล้วก็มีแค่ 2 อันในเรื่องที่เขาอยากได้กัน"

"ในเรื่องเนี่ยเป็นลูกชายของคนขับรถทัวร์บขส.แล้วก็เป็นคนสู้คนนะ แต่ที่ผ่านมาแพ้โดนเขากระทืบมาตลอด เราก็คิดว่าเราต้องเก่งขึ้น แล้วนางเอกเขารู้ก็เลยมาสอนมวยเรา ทำให้เราเก่งขึ้น แต่จริง ๆ แล้วพ่อเราเนี่ยล่ะคือ "ลูกผู้ชายไม้ตะพด" เราก็มารู้ตอนหลังแล้วพ่อก็เป็นคนสืบทอดวิชาต่อมาให้เรา"
"สนุกนะครับ เหนื่อยดี แล้วก็เรียกว่าร้อนอย่างเดียว มันเหนื่อยกว่าปกติอยู่แล้ว คือถ้ามันเป็นฉากบู๊เนี่ยผมชอบนะ มันสนุกดี เพราะผมชอบเล่น แล้วอีกอย่างคือมันทำให้เราได้ทำอะไรแปลกใหม่ พอถ่ายเสร็จเรามาดูมอนิเตอร์ มันก็โอเค.นะ เพราะเราตั้งใจฝึกซ้อมมาเพื่อละครเรื่องนี้โดยเฉพาะ เสียอย่างเดียวคือเรื่องร้อนเพราะส่วนใหญ่เราถ่ายกลางแดด เรียกว่าเรื่องนี้ทำให้ผมได้ประสบการณ์ในการทำงานละครบู๊เยอะนะ หลังจากนี้ถ้ามีละครบู๊อีกเราก็เล่นได้ สิ่งสำคัญคือ ละครบู๊ทำให้เราได้ฝึกสมาธิ เพราะไหนจะต้องจำบทไหนจะต้องจำบล็อกกิ้งของคิวบู๊ คือถ้าเราไม่มีสมาธิมันอาจจะทำให้เราผิดคิวแล้วก็พลาดได้"
"ฉัตร น่ารักครับ เก่งด้วย เขาเตะสวยเลยนะเพราะว่าไปเรียนมาด้วย อย่างเวลาเข้าฉากด้วยกัน เรื่องบู๊เนี่ยผมไม่ได้สู้กับเขา แต่เขาจะเป็นคนสอนผม เพราะในเรื่องเนี่ยเก่ง มวยมาก อีกอย่างผมกับฉัตรรู้จักกันมาตั้งแต่ก่อนถ่ายละครแล้ว ก็เลยทำให้การทำงานง่าย แต่ในเรื่องเนี่ยทั้งกองส่วนมากจะมีแต่ผู้ชายใช่ปะ มีฉัตรเขาเป็นผู้หญิง ก็เลยทำให้เขาถูกแกล้งบ่อย ๆ (พอร์ชร่วมด้วยปะ ?) (หัวเราะ) มันก็แน่อยู่แล้วครับ คือฉัตรเขาเป็นคนกลั้นขำไม่ได้ นอกจากจะแซว บางทีเวลาถ่ายก็มีเหมือนกัน แกล้งไปยืนเต้นอยู่หลังกล้อง ฉัตรมันก็ขำแล้ว คือฉัตรเขาเป็นประเภทอารมณ์ดี หัวเราะง่ายมาก ปรากฏว่าถ่ายไม่ได้ เรียกว่ารั่วกันอยู่ในกอง (หัวเราะ)"
"มีอยู่แล้วครับ เรียกว่ามีบ้างนะเพราะในเรื่องเราต่างคนต่างชอบกัน แต่ในเรื่องเนี่ยผมต้องปากแข็ง แต่นางเอกเขาชัดเจนมาชอบเรา คือตั้งแต่ต้นเรื่องเนี่ยนางเอกจะอยู่กับเรามาตั้งแต่ต้นเรื่องเลย ก็เลยมีฉากกุ๊กกิ๊ก ถามว่าเขินไหม ไม่นะ เพราะละครเรื่องนี้ มันเป็นแบบกุ๊กกิ๊กเบา ๆ"

"ผมว่าคำ ๆ นี้ใครก็เป็นได้ ลูกผู้ชายคือขอแค่มีครบเป็นคนดี มีวินัย ซื่อสัตย์ แล้วก็รู้จักช่วยเหลือคนอื่น กับตัวผมเอง ผมว่าผมเป็นคนเทกแคร์คน เคารพทุกคน แล้วก็ดูแลคนอื่น เฟรนด์ลี่คือไม่สร้างปัญหานี่ก็เป็นลูกผู้ชายแล้วเนอะ (หัวเราะ) อย่างในเรื่องเนี่ยผมก็ประทับใจในตัวละคร ไม้ ที่ผมเล่นนะ อย่างซีนช่วยเหลือคนอื่นนะทำให้ผมชอบตัวละครตัวนี้ เขามีความเป็นลูกผู้ชาย คือเขาสู้เพื่อช่วยเหลือคนอื่นตลอด เป็นคนไม่ยอมแพ้ ฝึกตัวเองจนเก่งผมว่ามุมนี้มันดูเท่ดี"
"ต้องช่วยสิครับ แต่เราก็ต้องดูด้วยว่ามันอันตรายถึงชีวิตเราหรือเปล่า คือถ้าเราเห็นคนโดนรังแกหรืออะไรแบบนั้น เราก็คิดนิดนึงล่ะ ถ้าไม่เอาตัวเองเข้าไปก็ต้องมีพูดอะไรบ้างนิดนึงล่ะ"
"ผมมองว่าในเรื่องคือละคร แล้วตัวละครในเรื่องเนี่ยพูดไม่รู้เรื่อง ที่สำคัญคือฝ่ายที่เขารังแกคนอื่น เขาใช้กำลัง แล้วพอพูดดี ๆ ให้เขาไปก็ไม่ได้ อีกอย่างเราไม่ใช่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน เราต้องการช่วยคนอื่นที่เขาโดนรังแกอย่างฉากนึง เราเข้าไปช่วยเขา เราก็บอกเขาว่าอย่าทำแบบนี้เลย ปรากฏว่าเขาไม่ฟังเข้ามาต่อยเรา เราก็เลยต้องป้องกันตัวเอง"
"ผมว่ามันไม่เกี่ยวหรอกนะการใช้กำลังตัดสินปัญหาน่ะมันไม่ได้ทำให้เป็นลูกผู้ชายสักนิดเดียว คือผมว่าแบบนั้นเรียกว่านักเลงมากกว่า สิ่งสำคัญผมว่าควรจะใช้ความคิดก่อน เรื่องการโน้มน้าวใจคนอื่น ผมว่าใช้คำพูดดี ๆ นั่นคือ ทางออกที่ดีที่สุด ผมว่าการพูดต่างหากที่สำคัญ สติ สมาธิ การเป็นลูกผู้ชายวัดกันที่ความดีครับ"
"ฝากละครเรื่อง "ลูกผู้ชายไม้ตะพด" ด้วยครับ เพราะทุกคน ทั้งนักแสดง ทั้งทีมงานตั้งใจทำงานกันมากครับ ยังไงเชื่อว่าสนุกแน่นอน แล้วละครเรื่องนี้ก็เป้ฯครั้งแรกที่ผมมาบู๊ด้วย อยากให้ติดตามชมว่าจะสนุกแต่ไหน แล้วตัว ไม้ ในเรื่องจะเป็นคนดีแบบไหน ติดตามด้วยนะครับ หลังข่าวทางช่อง 7 สีครับ"
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก







