นั่งคุยสบาย ๆ กับ ชมพู่ อารยา สาวสุดฮอตใน พ.ศ.นี้

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการวู้ดดี้เกิดมาคุย โพสต์โดยคุณ DuangAesthetic สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

        ได้คิวทองของนางเอกซูเปอร์สตาร์สุดฮอต "ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต" มาให้สัมภาษณ์ทั้งที รายการ "วู้ดดี้เกิดมาคุย" ก็เลยขอจัดเต็ม!!! กับหลากหลายคำถามที่ทุกคนอยากรู้ โดยเฉพาะเรื่อง "ความรัก" ที่เจ้าตัวไม่ค่อยจะเปิดเผยผ่านสื่อที่ไหนเท่าไหร่ รับรองว่า วันนี้ทุกคนจะได้รู้จักตัวตนของนางเอกมากความสามารถคนนี้เพิ่มขึ้นอีกแน่นอน ตามมาเลยยยย...

        งานนี้ เจ้าแม่แฟชั่นอย่าง ชมพู่ อารยา ปรากฏกายกลางสยามสแควร์ด้วยชุดสีดำ ใส่หมวกแมวเหมียว ทั้งเท่ ทั้งเปรี้ยว ทำเอา วู้ดดี้ ตกตะลึงไม่น้อย แต่ก็เข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมหลายคนจึงยกให้สาวชมเป็นหนึ่งในเซเลบฯ ดาราที่แต่งตัวจี๊ดสุด ๆ ของ พ.ศ.นี้ และมักจะมีคนนำเธอไปเปรียบเทียบกับ "อั้ม พัชราภา" อยู่บ่อย ๆ ซึ่งสาวชมก็บอกว่า...

        "อาจจะเป็นเพราะเราเป็นเจนเนอเรชั่นเดียวกันล่ะมั้ง แต่อย่าเรียกว่าเป็นเจ้าแม่เลย เพราะจะไปนึกถึงศาลอะไรซักอย่าง" สาวชมบอกอย่างมีอารมณ์ขัน ก่อนจะควงแขน วู้ดดี้ ไปยังร้านประจำในสยามฯ ที่เธอบอกว่า ร้านเหล่านี้แหละที่เนรมิตให้เธอเป็นเจ้าแม่แฟชั่น แบบว่า เป๊ะ! ทั้งเสื้อผ้าหน้าผมอย่างที่ใคร ๆ เขาพูดกัน


        ให้สาวชมพาวู้ดดี้เดินช้อปปิ้งที่สยามฯ แล้ว ก็ถึงคราวที่ "วู้ดดี้" จะได้มานั่งคุยกับแขกรับเชิญคนพิเศษแบบสบาย ๆ ริมสระว่ายน้ำกันบ้าง ซึ่งคำถามแรกที่เชื่อว่าแฟน ๆ ละครก็คงสัมผัสได้เช่นกันก็คือ หลังจาก ชมพู่ ย้ายมาอยู่ช่อง 3 เธอก็โด่งดังมีชื่อเสียงกว่าเดิมมากเลย สาวชมนั่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะบอกว่า การย้ายช่องมาก็ทำให้เธอมีชีวิตที่ดีขึ้น หลาย ๆ อย่างลงตัว

        ส่วนการที่ดาราสาวคนอื่น ๆ ย้ายช่องตาม ๆ กันมา อย่างเช่นล่าสุดก็คือ นุ่น วรนุช ภิรมย์ภักดี นั้น ก็ไม่ได้มีการปรึกษากัน เธอมองว่า คนที่คิดย้ายช่องก็อยู่ในจุดที่มีวุฒิภาวะพอสมควรแล้ว และนักแสดงที่อยู่ในเจนเนอเรชั่นเดียวกัน อย่างตัวเธอเอง หรือ นุ่น ก็ผ่านอะไรมามาก จนถึงจุดที่ตัวเองรู้แล้วว่าต้องการอะไร

        วู้ดดี้ ยิงคำถามต่อว่า การย้ายช่องของสาวชมถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องไหม? ชมพู่ บอกว่า เธอแฮปปี้ ไม่ใช่แค่ช่วง 3-4 ปีที่ย้ายช่องมา แต่ 14 ปีของชีวิตในวงการบันเทิง เธอภูมิใจกับทุก ๆ ก้าวที่เธอเดินมา และกับทุก ๆ ค่าย 

        อย่างไรก็ตาม ชมพู่ ก็บอกว่า ช่วงหนึ่งที่ยังไม่ได้เป็นนางเอกเหมือนทุกวันนี้ก็เคยน้อยใจบ้าง แต่ก็เข้าใจว่า ทุกอย่างมันคือธุรกิจ เธอก็คือสินค้าตัวหนึ่งที่อาจจะยังไม่ติดตลาดเท่าไหร่ แต่ก็ต้องแฮปปี้ที่เธอยังได้รับโอกาสมากกว่าหลาย ๆ คน และแม้ว่าเธอจะมีชื่อเสียงแล้ว ก็ไม่ได้เรื่องมาก อย่างการจะรับเล่นละครสักเรื่อง ผู้จัดละครหยิบยื่นบทอะไรให้มา เขาก็ต้องเห็นอะไรบางอย่างแล้วส่วนหนึ่ง

        "ชมเชื่อว่าถึงแม้ว่าเราจะเคยทำอะไรที่ได้รับกระแสตอบรับที่ดีขนาดนั้น มันก็ไม่ได้หมายความว่า ครั้งต่อ ๆ ไป ทุกเรื่องต้องได้เท่านั้น เพราะที่ผ่านมามันได้ขนาดนั้น เราก็ควรจะแฮปปี้กับมันแล้ว ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตเราไปถึงตรงนั้นได้ มันก็คงยากที่จะมีอะไรไปเทียบเท่ากับปรากฏการณ์ เรยา ที่เคยทำไว้" ชมพู่ บอก


        นางเอกสาวตาโต ยังบอกด้วยว่า เธอรักทุกอย่างที่เป็น "เรยา" มาก และภูมิใจในทุก ๆ อย่างที่เป็นโปรดักชั่นของมัน ทั้งผู้กำกับ ทีมงาน ละคร ที่ช่วยเคี่ยวเข็ญให้ออกมาเป็นอย่างนี้ และเพราะความรักที่มีต่อ "เรยา" ทำให้ ชมพู่ ตัดสินใจรับบท "เรยา" อีกครั้ง ในละครเวที "เรยา เดอะมิวสิคัล" ที่ ชมพู่ ต้องเล่นละครไปด้วย ร้องไปด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งบทบาทที่ท้าทายความสามารถของดาราสาวคนนี้เป็นอย่างมาก

        สาวชม เผยว่า ที่รับเล่นละครเวทีเป็นครั้งแรก เพราะอาจารย์ถ่ายเถา สุจริตกุล เจ้าของบทประพันธ์ละครเรื่องดอกส้มสีทอง ได้โทรศัพท์มาถามว่าสนใจไหม เธอก็ตอบตกลงทันที เพราะเห็นว่า เป็นโอกาสที่ดี และน่าสนใจ แต่ก็ต้องมานับหนึ่งใหม่ด้วยการเรียนร้องเพลง ซึ่งการเรียนร้องเพลงเพื่อแสดงละครเวทีมิวสิคัลนั้นยากกว่าการร้องเพลงทั่วไป เพราะต้องร้องให้ดัง ไม่เพี้ยน และสื่ออารมณ์ให้ได้

        คุยเรื่องงานกันไปแล้ว ถ้าจะไม่ถามเรื่องลับ ๆ ของหัวใจสาวชมพู่ กับหนุ่ม "น็อต วิศรุต รังษีสิงห์พิพัฒน์" ที่คบหาดูใจกันมาแล้ว 4 ปี ก็คงไม่ใช่รายการ "วู้ดดี้เกิดมาคุย" เป็นแน่ พิธีกรหนุ่มก็เลยขอแง้มหัวใจสาวชมกันสักหน่อย

        "ตกลงว่าเป็นแฟนกันใช่ไหม?" วู้ดดี้ ยิงคำถาม...ชมพู่ บอกว่า "ก็คบกันมา 4 ปีแล้ว ตอนแรกก็ไม่ได้พูดอะไรเท่าไหร่ แต่ตอนหลังมีนักข่าวไปสัมภาษณ์ฝ่ายชาย ฝ่ายชายเค้าก็บอกว่าเป็นแฟนกัน เราก็เลย อ่ะ โอเค ๆ ก็ไม่เป็นไร" ชมพู่ หัวเราะ ก่อนจะบอกด้วยว่า ฝ่ายชายเคยบอกว่า เขาไม่ใช่ดาราก็บอกไปตรง ๆ ไม่อยากตอบคำถามแบบดารา


        เมื่อถามถึงเรื่องความรักของสาวชมพู่ที่ผ่าน ๆ มา ๆ ก็ดูไม่ค่อยมีข่าวอะไรออกมาเท่าไหร่ เธอเล่าว่า จริง ๆ แล้วตัวเองเป็นคนไม่ค่อยวิ่งเข้าใส่ความสัมพันธ์ เพราะเธอเป็นคนเปิดใจยากกับทุกคนที่เข้ามา อย่างก่อนจะคุยกับ น็อต แบบจริง ๆ จัง ๆ เขาก็ป้วนเปี้ยน ๆ อยู่พักหนึ่งแล้ว แต่เราไม่ได้เปิดเลย จนวันหนึ่งรู้สึกว่า โอเค ชัวร์จริง ๆ เธอจะลองศึกษาคนนี้ดู

        "คือชมว่าการเริ่มต้นความสัมพันธ์มันง่าย แต่การเดินออกมามันยาก มันเป็นปัญหายุ่งยากที่น่าเบื่อ อีรุงตุงนัง ไปหมด กับการจะเลิกกับใครสักคนถ้ามันไม่เวิร์ก" ชมพู่ บอก พร้อมยืนยันว่า ตัวเองเป็นคนคิดเยอะในเรื่องนี้

        ถ้า "ความรัก" มันเป็นเรื่องยาก แล้วสาวชมพู่รู้สึกตอนไหนว่า คนนี้ "ใช่"?... สาวชมบอกว่า มันมาจากความรู้สึกที่เราเป็นห่วงเขา เวลาเขาทุกข์ เราก็เป็นทุกข์ด้วย อยากให้เขามีความสุข พร้อมกับยอมรับว่า เธอรักผู้ชายคนนี้

        เอ...แล้วเคยรู้สึกแวบ ๆ อยากจะแต่งงานบ้างไหมนะ นางเอกสาวตาคม บอกว่า ก็เคยมองเห็นภาพในอนาคตด้วยกัน เพราะ ณ เวลานี้ เธอคงไปนึกภาพตัวเองกับคนอื่นไม่ออก เธอย้ำด้วยว่า เธอไม่เคยทดลองกับความรัก ทุกครั้งเธอจริงจังหมด อย่างสมัยเด็ก ๆ ถ้าอกหักกับความรักแล้ว เธอก็ไม่ได้คิดว่า จะต้องเปิดตัวเอง ลองไปเรื่อย เพราะเธอไว้ใจคนยาก และไม่อยากให้ใครมาเรียนรู้ตัวเธออย่างสะเปะสะปะ

        ได้ยินสาวชมพูดแบบนี้แล้ว ยืนยันได้เลยว่า "หนุ่มน็อต" ผ่านด่านสาวชมแล้วแน่นอน ส่วนสาวชมเองก็ยังได้รับไฟเขียวจากคุณแม่ของน็อตแล้วด้วย อีกไม่นานคงมีข่าวดีแน่ ๆ เลย



        คุยเรื่องหัวใจกันไปแล้ว ก็ขอถามเรื่องคุณพ่อของชมพู่ที่ป่วยเป็นมะเร็งกันบ้าง เธอเล่าให้ฟังว่า ตอนนี้คุณพ่อป่วยเป็นมะเร็งระยะที่ 4 จากที่เจอที่ลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย ตอนนี้ก็ลามไปที่ปอดแล้ว แต่แพทย์ไม่แนะนำให้ทำคีโม หรือฉายแสง ส่วนคุณแม่ก็สู้อย่างมีความหวัง ยอมรับว่า ช่วงแรก ๆ ที่คุณพ่อป่วยแบบนี้ ก็แอบร้องไห้คนเดียวเหมือนกัน ไม่อยากให้ใครเห็น เพราะกลัวจะแย่ไปกันใหญ่ และเรื่องนี้ก็ทำให้เธอค้นพบสัจธรรมบางอย่าง

        "มันไม่มีอะไรแน่นอนเลยจริง ๆ เพราะคนเวลาที่ทรุด มันข้ามวันข้ามคืนเอง จากคนที่เคยพูดได้ อีกวันหนึ่งมันไม่ตอบสนองแล้ว เพราะฉะนั้น ถ้าใครจะทำอะไรกับพ่อแม่ก็ต้องรีบ ๆ ทำ" สาวชมพู่เริ่มมีน้ำตาเมื่อพูดถึงเรื่องครอบครัว ก่อนจบบทสนทนาในที่สุด

        ...หากใครได้ติดตามผลงานของ ชมพู่ อารยา คงจะเคยเห็นว่า เวลาที่นางเอกสาวคนนี้ขึ้นไปรับรางวัลในงานต่าง ๆ คำพูดหนึ่งที่เธอมักจะกล่าวก็คือ ขอขอบคุณ "ครอบครัว" ที่ทำให้เธอรักดี และไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใด ๆ เพราะฉะนั้น ไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไม ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต จึงประสบความสำเร็จ ขึ้นแท่นนางเอกซูเปอร์สตาร์คนหนึ่งของเมืองไทยอย่างเช่นทุกวันนี้