เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3, ไทยพีบีเอส
ตัวแทนทนายจาก 2 ฝ่าย ตกลงร่วมกันปิดผนึกตู้เซฟ พร้อมลงลายมือชื่อของนายณัฐพงษ์ และนายอภิชา ระหว่างรองานบำเพ็ญกุศลศพของ ภาวนา ชนะจิต เสร็จสิ้น เพื่อป้องกันการโอนย้ายทรัพย์สินโดยไม่โปร่งใส
แม้ว่าการเสียชีวิตของนางอรัญญาภรณ์ เหล่าแสงทอง อายุ 69 ปี หรือ ภาวนา ชนะจิต จะได้ผลสรุปว่าเป็นการเสียชีวิตที่เกิดจากอาการหน้ามืด และจมน้ำ กระทั่งญาติ ๆ ได้มีการเชิญวิญญาณผู้ตายออกจากจุดเกิดเหตุแล้ว แต่ขณะนี้ก็ได้มีปัญหาเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องของทรัพย์สินผู้ตาย และความเคลือบแคลงของครอบครัว ภาวนา ชนะจิต ที่เชื่อว่า นายณัฐพงษ์ หลวงศิริกุล อายุ 55 ปี สามีที่ไม่ได้จดทะเบียนมีส่วนรู้เห็นกับการตายนั้น
ล่าสุด วานนี้ (13 กันยายน) นายอภิชา เหล่าแสงทอง อายุ 21 ปี บุตรบุญธรรมของภาวนา ชนะจิต พร้อมด้วย นายพันธ์ยศ รัชดาภรณ์วานิชย์ บิดา, นางหัทยา เหล่าแสงทอง น้องสาวภาวนา ชนะจิต และเป็นมารดาของนายอภิชา และนายชวรัชต์ ประเสริฐอดิสรณ์ อายุ 60 ปี เพื่อนสนิทของภาวนา ชนะจิต พร้อมด้วยญาติรวม 10 คน เดินทางมายังบ้านเลขที่ 44/22 ม. 1 ต.ขุนแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ซึ่งเป็นบ้านหลังที่เกิดเหตุ
ขณะที่นายอภิชา กำลังพูดคุยกับนายณัฐพงศ์ เพื่อขอเข้าตรวจสอบทรัพย์สินภายในตู้เซฟ และภายในลิ้นชักโต๊ะทำงานของแม่บุญธรรมนั้น เมื่อนายชวรัชต์ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของภาวนา ชนะจิต ได้เข้ามาในบ้าน ทำให้นายณัฐพงศ์ต้องเชิญนายชวรัชต์ ออกไปข้างนอก เพราะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทำให้ทั้งคู่เกิดการโต้เถียงกันอย่างรุนแรง กระทั่งตำรวจต้องเข้ามาระงับเหตุการณ์แล้วนำตัวนายชวรัชต์ออกไปก่อน ซึ่งต่อมา นายณัฐพงศ์ได้ขอยุติการตรวจสอบทรัพย์สินทั้งหมด ก่อนจะโทรศัพท์ติดต่อไปยัง นายเริงยศ ทรัพย์เงินทอง ทนายความส่วนตัวให้มาดำเนินการเจรจากับนายอภิชา ก่อนที่นายอภิชา จะออกมากล่าวว่า ที่มาในวันนี้ก็เพื่อขอดูทรัพย์สินภายในตู้เซฟ และโฉนดที่ดินที่แม่ได้เก็บไว้ ตลอดจนพินัยกรรมว่ามีหรือไม่ แต่ในเมื่อเกิดปัญหาขึ้น และยังไม่สามารถตรวจสอบได้ ก็จะมาใหม่ในภายหลัง
ทั้งนี้ จากการติดตามทรัพย์สินของภาวนา ชนะจิต สิ่งที่พบคือ เอกสารทะเบียนรถยนต์ 50 เล่ม ซึ่งได้มาจากการซื้อขาย แลกเปลี่ยนรถยนต์ ของนายณัฐพงษ์ ซึ่งเป็นอาชีพเดิมที่ทำมาก่อน และทำควบคู่กันระหว่างอยู่กับภาวนา ชนะจิต โดยเอกสารบางอย่างเป็นการโอนลอยมอบอำนาจ ซึ่งนายณัฐพงษ์อ้างว่าเป็นเอกสารค้ำประกัน การประกันตัวผู้ต้องหา ซึ่งเป็นรายได้เสริมของครอบครัว หักจากเปอร์เซ็นต์เงินต้น เมื่อคดีจบศาลก็จะคืนทรัพย์ซึ่งเป็นเอกสารให้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ครอบครัวของภาวนา ชนะจิต ต้องการคือ พินัยกรรม ที่ทราบว่า ภาวนา ชนะจิต ได้ทำไว้ให้นายอภิชา โดยจะมอบให้หลังจบการศึกษา ซึ่งนายณัฐพงษ์ยืนยันว่า ไม่มี
ต่อมาเวลา 14.00 น. นายเริงยศ และนายถาวร มนตรีวงศ์ ทนายความของนายอภิชา ร่วมให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ทั้งสองฝ่ายได้เจรจากันในเบื้องต้น โดยจะมีการสำรวจทรัพย์สินที่มีอยู่ของภาวนา ชนะจิต ว่ามีอะไรบ้าง ในส่วนที่เป็นเครื่องประดับ อัญมณี มอบให้นายอภิชา เป็นผู้ดูแล ในส่วนของอสังหาริมทรัพย์ก็จะพิจารณาว่าส่วนใดเป็นของนายณัฐพงษ์ และของนายอภิชา
จากนั้นทนายความทั้งสองฝ่ายได้เดินทางไปที่ธนาคารกรุงเทพ สาขานครชัยศรี เพื่อตรวจสอบทรัพย์สิน โดยไม่เปิดเผยจำนวน พร้อมทั้งนำตู้เซฟที่อยู่ในบ้าน ไปฝากที่ธนาคารด้วย แต่เจ้าหน้าที่ธนาคารแจ้งว่า ตู้เซฟมีขนาดใหญ่เกินไป ธนาคารไม่มีพื้นที่เก็บตู้เซฟดังกล่าว ทนายความของทั้งสองฝ่ายจึงตกลงกันว่า ให้ใช้เชือกผูกตู้ และติดครั่ง พร้อมลงลายมือชื่อของนายณัฐพงษ์ และนายอภิชา ระหว่างรอจัดงานบำเพ็ญกุศลศพของภาวนาแล้วเสร็จ หรือตกลงเปิดตู้เซฟร่วมกันในภายหลัง
ซึ่งนายณัฐพงษ์ ได้กล่าวว่า ยินดีให้เข้ามาดูหรือให้ตรวจสอบ แต่อย่ามากดดัน สิ่งไหนที่เป็นของนายอภิชาก็เอาไป ส่วนไหนที่เป็นของตนก็อย่ามายุ่ง ขณะเดียวกันตนได้ทำหนังสือถึง พ.ต.อ.เสริมศักดิ์ สกุลวิวรรทน์ ผู้กำกับการ สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ให้ช่วยมาดูแลความปลอดภัย เนื่องจากหลังเกิดเหตุ มีคนแปลกหน้าขับรถมาวนเวียนบริเวณบ้านพักตนบ่อยครั้ง
ด้านนายพันธ์ศักดิ์ บิดาของนายอภิชา กล่าวว่า ยังติดใจเรื่องสาเหตุการตาย เพราะมีหลายจุดน่าสงสัย ส่วนเรื่องทรัพย์สินของ ภาวนา ชนะจิต ที่มีมากถึง 2,000 ล้านบาทนั้น เนื่องจากมีที่ดินหลายแปลง พวกตนจึงต้องการขออายัด และขอยึดไว้เพื่อไม่ให้มีการยักย้ายถ่ายเท เพราะที่ผ่านมาทราบว่าได้มีการขนย้ายสิ่งของบางอย่างออกไปในเวลากลางคืน
ขณะที่นายสรัลชา ศรีชลวัฒนา เลขาธิการสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวถึงข้อกฎหมายในการยื่นคำร้องต่อศาลขอเป็นผู้จัดการมรดกของ ภาวนา ชนะจิต ว่า ผู้ที่จะมีอำนาจยื่นขอจัดการมรดกได้เป็นไปตามลำดับ คือ สามีที่จดทะเบียนสมรส โดยหากระหว่างอยู่กินฉันสามี-ภรรยาตามกฎหมาย ทรัพย์สินที่ได้มาระหว่าง สมรส จะถือเป็นสินสมรสที่จะต้องแบ่งกันคนละครึ่ง ส่วนที่เหลือสามี สามารถยื่นคำร้องขอจัดการมรดกได้
ขณะที่หากมีบุตรซึ่งเป็นสายเลือด หรือมีบุตรบุญธรรมที่ได้จดทะเบียนรับรองอย่างถูกต้องแล้ว ไม่ว่าบุตรนั้นจะอายุเท่าใดก็สามารถยื่นขอเป็นผู้จัดการมรดกได้ เพียงแต่ถ้าบุตรนั้นมีอายุยังไม่ถึง 20 ปี ก็จะต้องมีผู้แทนรับมอบอำนาจในการยื่นคำร้อง ทั้งนี้ตามลำดับความสำคัญ สามีที่จดทะเบียนสมรส จะมีความสำคัญเท่า ๆ กับบุตร
ส่วนความคืบหน้าเรื่องสาเหตุการเสียชีวิตนั้น ล่าสุด วันนี้ (14 กันยายน) พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้เปิดเผยว่า แม้ว่าการตรวจสอบทางนิติเวชจะชี้ว่า ภาวนา ชนะจิต ประสบอุบัติเหตุจมน้ำเสียชีวิต แต่แพทย์ได้ตรวจหาสารพิษตกค้าง เพื่อพิสูจน์ข้อสงสัยว่ามีอาการมึนเมา หรือมีการวางยาหรือไม่ ซึ่งจะทราบผลภายใน 1 สัปดาห์
ในเบื้องต้น จากการสำรวจบ่อน้ำพบว่าสอดรับกับข้อสันนิษฐานที่ว่าขณะที่ผู้ตายนั่งบริเวณริมขอบสระให้อาหารปลา น่าจะเกิดอาการหน้ามืด และคว่ำหน้าลงไปในบ่อ โดยจังหวะนั้นผู้ตายพยายามใช้มือทั้ง 2 ข้างจับไว้ แต่ปากเกิดไปกระแทกขอบแท่นในสระ กลายเป็นรอยแผลบริเวณเหงือก ก่อนที่ใบหน้าจะกระแทกเข้ากับไม้อัดในสระดังกล่าว ส่วนบริเวณแผลที่แก้มซ้ายที่ญาติสงสัยว่าถูกทำร้ายนั้น เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าขนาดเข้ากับวัตถุทรงกระบอกที่อยู่ข้างสระ จึงเชื่อได้ว่าผู้ตายตกไปกระแทกวัตถุดังกล่าว
ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีการทำร้ายร่างกายก่อนตกลงไปในน้ำนั้นเป็นไปได้หรือไม่ พล.ต.ท.จรัมพร กล่าวว่า จากการตรวจบาดแผลจากการชันสูตรยังไม่พบร่องรอยที่เกิดจากการถูกทำร้าย นอกจากนี้บริเวณระเบียงบ้านของผู้ตายพบรอยเท้า เนื่องจากมีฝุ่นเข้ามาเกาะอยู่ เพราะอยู่ใกล้กับถนน จึงนำรองเท้าของผู้ตายมาตรวจสอบพบว่า มีลักษณะตรงกัน โดยไม่มีร่องรอยของบุคคลอื่นอยู่ภายในบ้านด้วย อย่างไรก็ตาม ชุดสืบสวนสอบสวนจะทำการตรวจสอบประเด็นความขัดแย้งเรื่องการเสียประโยชน์ว่าจะเป็นมูลเหตุในการฆาตกรรมได้หรือไม่ โดยดูว่าบุคคลใดที่ได้ประโยชน์มากที่สุด
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
