x close

9 พฤติกรรมที่ทำแล้วนึกว่าจะสวย แต่ที่จริงไม่เลย!!

ผู้หญิง



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          ใครอยากสวยดูดีก็ต้องรู้จักดูแลตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกิน การนอน เรื่องผิวพรรณ สุขภาพ และการออกกำลังกาย แต่ที่ว่ามาทั้งหมดนี้ก็ต้องมีจุดที่พอดีของมันจริงไหมคะ บางอย่างที่มากเกินไปอาจไม่ได้นำไปสู่ผลดีทวีคูณแบบที่เราคาดไว้ก็ได้ กลับกลายว่าเป็นผลเสียให้ไม่สวยเสียนี่ และนี่เป็น 9 พฤติกรรมที่ทำแล้วอุตส่าห์คิดว่าจะต้องสวย ที่กลับให้ผลตรงกันข้ามไปซะหมด ลองมาสำรวจตัวเองดูกันสิว่ามีข้อไหนที่คุณเป็นอยู่หรือเปล่า

        1 .เจลล้างมือแบบไม่ใช้น้ำ สะอาด..แต่แฝงอันตราย

          ตั้งแต่เริ่มมีไข้หวัด 2009 ระบาด หลาย ๆ คนก็เลยติดนิสัยล้างมือบ่อย ๆ ไปโดยปริยาย โดยเฉพาะการล้างมือด้วยเจลล้างมือที่ทำความสะอาดมือได้โดยไม่ต้องล้างน้ำตามนั้นแสนสะดวกสบาย จึงเป็นที่นิยมสุด ๆ ทำให้เจลล้างมือชนิดนี้ขายดีไปด้วย แต่การล้างมือด้วยเจลล้างมือแบบนี้บ่อย ๆ ก็มีข้อเสีย ประการแรกคือทำให้มือแห้งกร้านเพราะแอลกอฮอล์ที่ระเหยออกไปพาความชุ่มชื้นจากผิวออกไปด้วย และประการที่สองซึ่งสำคัญมากคือ เจลล้างมือที่มีส่วนผสมของสาร "ไตรโคลซาน" (tricosal) สามารถทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายได้ แม้ว่าตัวไตรโคซาลเองจะมีคุณสมบัติต่อต้านเชื้อโรค แต่การศึกษาวิจัยจากต่างประเทศกลับได้พบว่า มันมีความเกี่ยวข้องกับภาวะฮอร์โมนผิดปกติ อาการหืดหอบ และทำให้เกิดการผิดปกติของเซลล์ได้ ฉะนั้นเพื่อความปลอดภัยในระยะยาวอย่าลืมอ่านฉลากเพื่อหลีกเลี่ยงเจลล้างมือที่มีส่วนผสมของไตรโคลซานกันด้วยนะคะ

        2. ชอบสุ่มใช้สกินแคร์หลาย ๆ ยี่ห้อ

          สาว ๆ หลายคนนั้นขี้เบื่อ โดยเฉพาะในเรื่องครีมบำรุงผิว ใช้มาเกือบตั้งเป็นสัปดาห์แล้วก็ยังไม่เห็นผลสักที เปลี่ยนไปใช้ตัวใหม่ที่ดีกว่านี้ดีกว่า ก็เลยกลายเป็นการฝังนิสัยสุ่มใช้เครื่องสำอางหลาย ๆ ยี่ห้อผลัดเปลี่ยนกันไปเรื่อย ๆ ยิ่งยี่ห้อไหนออกใหม่ยิ่งต่อไปซื้อมาทดลองใช้เสียให้ได้ แม้จุดประสงค์อาจจะเพื่อต้องการหาว่าอะไรเข้ากับผิวพรรณของคุณได้ดีที่สุด แต่ผลที่ได้อาจไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อมันสามารถทำให้ผิวของคุณแพ้ง่ายไปจนถึงหน้าพัง ซึ่งมักเกิดจากผิวได้สัมผัสกับสารปรุงแต่งอย่างสารกันบูด สารแต่งสี กลิ่น จากผลิตภัณฑ์ต่างประเภทกันมากเกินไป ทางที่ดีควรยึดอยู่กับผลิตภัณฑ์ที่คุณใช้แล้วรู้สึกว่าดีกับตัวเองที่สุดจะดีกว่า และผลิตภัณฑ์เพื่อบำรุงผิวเหล่านี้ โดยเฉพาะชนิดต่อต้านการเกิดริ้วรอย กระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ต้องให้เวลามันตั้งแต่ 2 สัปดาห์ ถึง 2 เดือน เลยทีเดียวกว่าจะเริ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลง

        3. ใส่แต่รองเท้าแตะ

          อุตส่าห์หนีความปวดเมื่อยเกร็งขาจนน่องปูดจากการยืนบนรองเท้าส้นสูง มาเดินแบบสบายเท้าในรองเท้าเตะ นึกว่าจะทำให้สุขภาพเท้าดีกว่าเดิม แต่ที่ไหนได้การใส่รองเท้าเตะมาก ๆ ไปก็เกิดอาการปวดเท้าได้เหมือนกัน หากคุณประสบปัญหาเช่นเดียวกันนี้ นั่นเป็นเพราะว่ารองเท้าเตะที่คุณใส่นั้นแบนราบเรียบไม่รองรับกับสรีระของเท้า ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับรองเท้าเตะแฟชั่นของสาว ๆ นั่นเอง การใส่รองเท้าเตะที่พื้นรองเท้าแบนราบเรียบ ไม่มีความโค้งนูนรับกับรูปเท้า จะทำให้เท้าเกิดความเครียดเพราะต้องรองรับน้ำหนักจากทั้งร่างกาย ทำให้เกิดอาการปวดเท้าตามมา และอาจพาไปถึงอาการบาดเจ็บถึงขั้นเอ็นกล้ามเนื้อที่เท้าอักเสบได้เลยทีเดียว

ผิวสวย

        4. แปรงฟันทุกครั้งหลังอาหาร

          การแปรงฟันหลังอาหารดูเหมือนจะเป็นเรื่องดี เพราะสามารถรักษาช่องปากให้สะอาดไร้เศษอาหารติดตามซอกฟัน แต่รู้ไหมว่าความจริงแล้วการแปรงฟันหลังรับประทานอาหารในทันทีนั้นไม่ได้ดีกับสุขภาพฟันของคุณเลย หลังกินอาหารเสร็จใหม่ ๆ เป็นเวลาที่ชั้นเคลือบฟันของคุณกำลังอ่อนแอเนื่องด้วยกรดจากอาหารที่ได้รับประทานเข้าไป หากคุณแปรงฟันในเวลานี้จะยิ่งเป็นการทำลายสารเคลือบฟันที่มีอยู่ออกไปอีก ทำให้ฟันบาง ไม่แข็งแรง และจะผุได้ง่าย เพราะฉะนั้นวิธีที่เหมาะสมก็คือการบ้วนปาก และใช้ไหมขัดฟัน ส่วนการแปรงฟันนั้นเก็บไว้ทำในเวลาเช้า-เย็นเท่านั้นก็พอแล้ว

        5. ออกกำลังกายประเภทเดิมซ้ำ ๆ 

          หลาย ๆ คนคิดว่าการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักให้ได้ผลเร็ว คือการออกกำลังกายแบบเดิมซ้ำบ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นเดินเร็ว วิ่งบนลู่ กระโดดเชือก ฯลฯ ถนัดแบบไหนก็ทำซ้ำอยู่แต่แบบนั้น จริงอยู่ที่ว่าการออกกำลังกายเช่นนี้ทำให้เลือดสูบฉีดทั่วร่างกาย หัวใจเต้นทำงานได้ดี แต่เมื่อออกกำลังกายอยู่แบบเดียวซ้ำไปนาน ๆ ร่างกายของคุณจะมีความอึดมากขึ้น รู้สึกเหนื่อยน้อยลง หรือพูดอีกทางคือร่างกายเผาผลาญพลังงาน หรือเบิร์นแคลลอรี่ได้น้อยลงกว่าเดิมนั่นเอง หากต้องการลดน้ำหนักอย่างได้ผล คุณจึงควรออกกำลังกายหลาย ๆ ประเภทสลับกันไป เช่น วิ่งลู่สลับกับการยกเวท หรือเล่นโยคะ หากทำสลับกันไปเช่นนี้ถึงจะช่วยให้คุณออกกำลังกาย รวมทั้งควบคุมน้ำหนักได้อย่างที่ต้องการ

        6. อดข้าวมื้อนี้ไปกินอาหารอร่อยมื้อหน้า

          การยอมอดเปรี้ยวไว้กินหวานน่าจะเป็นนิสัยที่หลาย ๆ คนมักทำอยู่เสมอ เพื่อเก็บท้องไว้กินอาหารมื้อใหญ่ที่อร่อยว่า อลังการกว่า เช่น บุฟเฟต์ หมูกระทะ ชาบูชาบู ฯลฯ จะได้ลิ้มรสของอร่อยให้ได้คุ้มค่าคุ้มราคา ถึงกับยอมอดข้าวกลางวัน ดื่มน้ำ หรือกินผลไม้เบา ๆ ลูบท้องรอไปจนถึงมื้อเย็น แต่สิ่งที่คุณจะได้รับเมื่อทำเช่นนี้ คือร่างกายหิวจัดจนกลายเป็นความโหย และทำให้กินเกินความพอดีในอาหารมื้อถัดไป ซึ่งนั่นหมายถึงแคลอรี่จำนวนมหาศาลเกินกว่าที่ร่างกายจะนำไปใช้ได้หมด และมันพร้อมจะแปรสภาพเป็นไขมันไปสะสมไว้ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย กลายเป็นปัญหาน้ำหนักเกินตามมาให้ปวดใจเล่นในภายหลัง

        7. ดื่มแต่น้ำขวดยี่ห้อดีการันตีความใสบริสุทธิ์

          การดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับร่างกาย เพื่อให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น ระบบต่าง ๆ ก็อยู่ในสภาวะสมดุลทำงานได้ดีมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าน้ำดื่มที่คุณเลือกคือน้ำดื่มใสบริสุทธิ์บรรจุขวดผ่านการฆ่าเชื้อสารพัด นั่นก็อาจไม่ใช้น้ำดื่มที่ดีเสียแล้วค่ะ เพราะน้ำดื่มสะอาดใสเหล่านี้มักบริสุทธิ์จนขาดสารฟลูโอไรด์ อันจะนำมาสู่ปัญหาภาวะขาดสารฟลูโอไรด์ ที่จะทำให้กระดูกเปราะ ฟันผุง่ายไม่แข็งแรง ลองเปลี่ยนมาดื่มน้ำก๊อกที่ผ่านการกรองด้วยเครื่องกรองที่มีคุณภาพ หรือรองน้ำมาต้มดื่มเองดีกว่า

ผู้หญิง

        8. ทำความสะอาดบ้านด้วยผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรค

          เอ๋ การทำความสะอาดบ้านด้วยผลิตภัณฑ์ที่สามารถฆ่าเชื่อโรคได้มันไม่ดีอย่างไรกันนะ? สิ่งที่ซุกซ่อนมากลับผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดพื้นผิวบริเวณต่าง ๆ ภายในบ้าน คือสารเคมีบางตัวที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคแต่ก็แฝงสิ่งที่เป็นภัยต่อสุขภาพมาด้วย เช่น แอมโมเนียที่ช่วยกัดกร่อนสิ่งสกปรกกลับกระตุ้นอาการหืดหอบ, 2-Butoxyethanol เป็นสารก่อมะเร็ง, Alkylphenol Ethoxylates รบกวนกระบวนการสร้างฮอร์โมน และ Ethanolamines ทำให้เกิดปัญหากับระบบทางเดินหายใจ การทำความสะอาดที่ดีไม่ใช่การหาน้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์กัดเซาะรุนแรงมาใช้ แต่เป็นการทำความสะอาดบ่อย ๆ อย่างสม่ำเสมอ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและตัวผู้ใช้ เพื่อไม่ให้คราบสกปรกฝังตัวแน่นเป็นคราบจนยากจะกำจัด เมื่อพื้นผิวนั้นอยู่ในสภาพสะอาดเอี่ยม โอกาสที่เชื้อโรคจะได้ก่อตัวขึ้นมาก็แทบไม่มีแล้วล่ะค่ะ

        9. คลั่งอาหารเสริม

          อาหารเสริม ชื่อของมันก็บอกอยู่แล้วว่า สำหรับ "เสริม" ในผู้ที่ได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน การกินอาหารเสริมสารพัดชนิดคราวละหลาย ๆ เม็ดต่อมื้อ ด้วยหวังจะให้ร่างกายได้รับสารอาหาร แร่ธาตุ และวิตามินครบถ้วนทั่วทุกหมวดหมู่กลับไม่ส่งผลดี แม้ว่าจะมีวิตามินหรือสารอาหารบางอย่างที่ร่างกายสามารถขับออกมาได้เองหากได้รับในปริมาณมากเกินไป แต่อีกหลาย ๆ ตัวนั้นก็รบกวนระบบการทำงานส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ เช่น วิตามิน A ที่มากเกินจะส่งผลให้เกิดอาการครรภ์เป็นพิษในผู้ที่ตั้งท้อง, วิตามิน C ที่เยอะเกินไปทำให้กระเพาะอาหารและลำไส้ปั่นป่วน รวมทั้งเกิดการแปรปรวนของระดับน้ำตาลในเส้นเลือด อาจทำให้เกิดอันตรายได้ในผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน, วิตามิน 6 ที่มากเกินจำเป็นจะส่งผลต่อการทำงานของเส้นประสาท เป็นต้น ทราบอย่างนี้แล้วใครที่รู้ตัวว่ากำลังรับประทานอาหารเสริมแบบสุ่มสี่สุ่มห้า รีบปรับเปลี่ยนนิสัยของตัวเองด่วน ๆ จะเลือกเสริมตัวไหนก็ควรปรึกษาแพทย์ และพยายามรับสารอาหารครบทุกหมู่จากอาหารที่คุณกินอยู่ในทุก ๆ มื้อดีกว่าค่ะ


           ใครรู้ตัวว่ากำลังมีพฤติกรรมที่คิดว่าทำแล้วสวย แต่ความจริงกลับส่งผลเสียต่อร่างกายเช่นทั้ง 9 ข้อเหล่านี้ ต้องรีบปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองโดยเร็วเลยจ้า











เรื่องที่คุณอาจสนใจ
9 พฤติกรรมที่ทำแล้วนึกว่าจะสวย แต่ที่จริงไม่เลย!! อัปเดตล่าสุด 28 มีนาคม 2556 เวลา 16:12:53 2,584 อ่าน
TOP