พ่อกรีน
เคลลี่ ธนะพัฒน์
พ่อกรีนแฉเคลลี่ไม่เคารพยื่นคำขาดให้หมั้นก่อนแต่ง (ไอเอ็นเอ็น)
พ่อดาราสาว กรีน อัษฎาพร แฉ เคลลี่ ธนะพัฒน์ ไม่เคารพยื่นคำขาดให้หมั้นก่อนแต่ง ขณะที่ฝ่ายชายลังเล อ้างยังไม่พร้อม
ไม่รู้ว่าจะลงเอยอย่างไร สำหรับกรณีของหนุ่ม เคลลี่-ธนะพัฒน์ กับแฟนสาว กรีน-อัษฎาพร ซึ่งล่าสุด คุณพ่อของสาวกรีน ก็ได้ออกมาเปิดใจรอบ 2 ว่า หลังจากที่เหตุการณ์เกิดขึ้น มีผู้ใหญ่พยายามติดต่อให้พูดคุยกัน 3 ฝ่าย คือ ตน ผู้ใหญ่ทางช่อง และเคลลี่ แต่เมื่อถึงวันนัดปรากฏว่า เคลลี่ กลับไม่มา ...
"ก็คุยกันนะ ก็พูดถึงเหตุการณ์ ผมก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นมาอย่างไร เราก็บอกตรง ๆ ว่าที่ผมต้องออกคลิปด้วยเหตุผลว่า เคลลี่ฟ้องผมแล้วก็มากับทนาย แล้วพาลูกสาวผมไปสัมภาษณ์ด้วย ลูกสาวผมเสียหาย ผมจะออกคลิปปกป้องลูกสาวผม ไม่งั้นผมไม่ออกคลิป ถ้าสมมุติว่าเขากับทนาย 2 คน พูดกันบนเวทีแล้วก็ว่าผม ฟ้องผม ผมจะไม่ว่านะ ตรงนั้นก็คือเรื่องทางกฎหมาย ในเมื่อเขาไม่พอใจเราในเรื่องอะไรเขาก็ฟ้องมาครับ แต่เขามาพาลูกสาวเราขึ้นเวทีสัมภาษณ์ด้วย จนลูกสาวเราโดนโจมตีในโซเชียลมีเดีย"
"ผมเป็นนักธุรกิจไม่อยากไปหาเรื่องแล้วก็ฟ้องร้องกัน ไม่มีประโยชน์ ผมได้เจอกัน ผู้ใหญ่ก็บอกว่า เราก็คุยกัน ผู้ใหญ่ท่านก็ใจดีท่านก็บอกให้ผมอย่าไปถือสาอะไรมากเลยว่า เคลลี่ เขาฝรั่งจ๋าไปหน่อย ผมก็ยังว่าเขาอยู่ประเทศไทยมานาน 10 กว่าปีแล้ว เป็นดาราช่อง 7 ด้วย ที่จริง น่าจะรู้ขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมประเพณีไทยหน่อยใช่ไหม เข้ามาจีบลูกสาวเขาแล้วคุณจะมาฝรั่งจ๋า แล้วบอกลูกสาวผมว่าเขาโตแล้ว จะทำอะไรก็ได้ มันไม่ใช่ ผมเป็นพ่อคน ผมก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่ ถึงแม้ลูกสาวผมจะเรียนจบแล้วก็ดี ถ้ามีแฟนคนหนึ่งแล้วแฟนเขาคนนั้นเป็นคนดี ผมก็ยินดีด้วย คือลูกสาวเรารักใครเราก็รักตาม แต่ถ้าวันหนึ่งลูกสาวเราจะไม่รักเขาแล้ว แยกกัน แยกกันดีก็ไม่ว่ากัน แต่ถ้าผู้ชายมารังแกลูกสาวของผม ผมก็ไม่ยอมแน่ถูกไหม นั่นคือสิ่งที่เราคุยกับผู้ใหญ่ แล้วผู้ใหญ่ก็รับปากว่า เดี๋ยวจะลองจัดการดูไกล่เกลี่ยดูว่าเป็นไปได้ไหม"
"ตอนที่คุยกับผู้ใหญ่เสร็จเราก็เห็นว่าเวลามันคุยกันพอสมควร ก็คุยกันประปรายนิดหน่อยนะครับ เคลลี่ก็โทรหาแม่เขาบอกจะเข้ามาคุยที่ออฟฟิศ เราก็รอ ตกลงมาประมาณ 6 โมงกว่า ออฟฟิศก็ปิดแล้ว เสร็จแล้วพอเขามาถึง เขาน่าจะเข้ามาขอโทษเรา เข้ามาขออภัยเรา ภาพที่เราคิดก็คือภาพอย่างนั้น แต่ที่ไหนได้ เขาเข้ามาในออฟฟิศเขาก็วางฟอร์มใส่ผมเลย เขามาถึง สวัสดีคุณพ่อครับ ผมก็เลยย้อนถามไปเลยว่าใครเป็นพ่อคุณ ถ้าผมเป็นพ่อคุณ คุณก็ไม่ฟ้องผมหรอก คุณฟ้องผม ผมไม่ใช่พ่อคุณ เขาก็เลยพูดว่าถ้างั้นผมเรียกคุณแล้วกันนะ"
"จากนั้นเขาก็บอกว่า เขาขอเล่าว่าที่มาที่ไปเป็นอย่างไรถึงต้องมาฟ้องร้องกัน ผมก็ฟัง ผมก็เลยบอกว่า คุณเคลลี่ คุณไม่ต้องพูดเรื่องเก่า เพราะว่าเรื่องเก่าคุณพูดไว้ยังไงผมไม่เชื่อเครดิตคุณหรอก ผมก็พูดตรง ๆ ไม่เชื่อเครดิตคุณ เขาย้อนผมทันทีเลย เขาก็ไม่เชื่อเครดิตผม ผมก็เลยถามว่า ถ้าคุณไม่เชื่อเครดิตผมแล้วคุณเข้ามาหาผมทำไม เขาก็เลยบอก งั้นเขาจะพาแม่เข้ามาคุยกับผม ผมก็บอกว่า ดี ผู้ใหญ่มาคุยก็ดีจะได้เรื่องจบ แล้วคุณเคลลี่ก็เงียบไป คือเขามาคุยกับเรา จะมาทำอะไร จะมาขอขมา จะมาอะไรเราก็ไม่รู้ แต่เรามาทะเลาะกัน จนสุดท้ายเขาบอกผมว่า ถ้าไปเจอที่ศาล ยังไงเขาก็ชนะ ผมก็ฟังแล้วงง ผมก็เลยบอกว่า ถ้าคุณมั่นใจว่าชนะคุณมาหาผมทำไม เราไปเจอกันที่ศาลเลย ถ้าคุณคิดว่าคุณชนะก็ไปเลย แล้วผมไม่รู้จะพูดยังไง ซึ่งในอนาคตวันหนึ่งเขาจะเป็นลูกเขยผม แต่เขาทำตัวอย่างนี้ แล้วถ้าเขาอายุน้อย ๆ อย่างดาราคนอื่น ผมจะไม่ว่าเลย นี่ 40 กว่าแล้ว ยังคิดไม่ได้เลย คิดจะฟ้องก็ฟ้องเลย พอทำเสร็จแล้วค่อยมาคิดทีหลังว่าฟ้องไปแล้ว เป็นเรื่องใหญ่แล้ว ต้องกลับมาขอโทษกันมันไม่มีประโยชน์ 40 กว่าแล้วเนี่ย คุณต้องคิดก่อนทำ ไม่ใช่ทำแล้วมาคิดแก้ทีหลัง อย่างนี้มันไม่ควร"
พ่อกรีน กล่าวต่อไปว่า ตอนนี้น้องกรีนอยู่กับแม่เขาแล้วเราก็สบายใจแล้ว แม่เขาก็เข้าใจ อย่างหนึ่งที่ผมบอก ลูกสาวผมรักใคร แต่ถ้าผู้ชายคนนั้นไม่รักลูกสาวผมแล้วเนี่ย ก็คบกันเป็นเพื่อน คบกันเหมือนพี่เหมือนน้อง ผมก็ไม่ว่าเลย แต่อย่ามาทำเป็นเจ้าชู้ใส่ลูกสาวผม และครอบครองลูกสาวผม ไม่ควรทำอย่างนั้นนะ คือเขาทำอย่างนั้นเมื่อไหร่แล้ววันหนึ่งถ้าคุณทะเลาะกัน คุณเป็นผู้ชายเกิดลงมือทำร้ายลูกสาวผม ผมไม่ยอมนะ ลูกใคร ใครก็รัก จากนั้น เคลลี่เขาก็ตัดสินใจลุกขึ้นมาเดินอ้อมโต๊ะ มาคุกเข่าลงแล้วยกมือขอขมาผม แล้วก็บอกว่า ป๋าครับผมขอเรียกป๋านะครับ ผมขอโทษจริง ๆ ผมผิดเองครับ ผมขออภัยด้วย ผมขอขมา อะไรอย่างนี้ เราก็ตกใจเหมือนกัน เพราะว่าเขาคุกเข่าโดยที่ไม่ได้คุยกันเลย แล้วเขาก็ยืนขึ้นมา เราก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน อยู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนบุคลิกง่าย ตอนที่เข้ามาวางฟอร์มใส่เรา แต่ตอนนี้กลายเป็นขอขมาใส่เรา เราก็งง
"แล้วเขาก็ถามผมว่า คุณพ่อจะเอาอย่างไรต่อดี ผมก็บอกว่า ก็อย่างนี้ ถ้าให้ดีที่สุดก็คือ คุณก็พาผู้ใหญ่มา แล้วคุณก็มาหมั้นหมายลูกสาวผมไว้ก่อน สินสอดทองหมั้นเท่าไหร่ ก็ว่ากันมา แล้วลูกสาวผมเรียนจบเมื่อไหร่ ก็ค่อยแต่งงานกัน พอผมพูดอย่างนี้ไป เห็นสีหน้าเขารู้เลยว่า หน้าเขาถอดสีเลย หน้าเขาซีด แล้วเขาก็เอ่ยปาก ป๋าอย่าเพิ่งเลย ยังไม่ถึงเวลา เพราะน้องกรีนเรียนหนังสืออยู่ ยังไม่ถึงเวลา ผมก็เลยบอกหมั้นหมายกันก่อน มันยังไม่ได้แต่งงาน แต่เขาบอกเขายังไม่พร้อม หลังจากนั้นแล้วที่คุยกับเคลลี่ว่า ให้ฟังกติกานี้ไว้ เขาก็บอกว่าเขาขอนับ 1 ใหม่ เขาขอเวลาพิสูจน์ตัวเอง ผมก็ว่า โอเค ในเมื่อคุณก็เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งที่กล้าคุกเข่ามาขอโทษ ขออภัย ผมก็ให้อภัยได้อยู่แล้ว แต่คุณต้องจำไว้นะ คำพูดของคุณพูดอย่างไรไว้ คุณต้องจำไว้นะคุณเคลลี่ เราก็ต้องใช้เวลาพิสูจน์ พิสูจน์ตัวเขาด้วยและก็พิสูจน์ครอบครัวเราด้วย"