เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
แม้จะรู้ว่าเรื่องความสวยนั้นผู้หญิงไม่มีใครยอมใคร แต่ถ้าพิจารณาแล้วคงจะสวยสู้ไม่ไหวจริง ๆ สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าผู้หญิงอย่างเราก็ยังมีแผนสำรองเอาไว้ใช้สกัดดาวรุ่งไม่ให้อีกฝ่ายมาเป็นมารหัวใจ โดยอาศัยการกอสซิปนินทาและสร้างเรื่องปล่อยข่าวดิสเครดิตให้อีกฝ่ายเสียหน้า หนุ่มที่ได้หมายตาไว้จะได้ไม่ไปหลงใหลคู่แข่ง
วิธีที่ได้กล่าวไปนี้ ดูแล้วแสนจะเป็นนางร้ายอย่างกับในละครหลังข่าว แต่ยอมรับมาเถอะน่า ว่าในบางห้วงอารมณ์คุณเองก็เป็นอย่างนี้เหมือนกัน หรืออย่างน้อยก็คิดว่าอยากจะทำเหลือเกิน ติดที่ว่ายังพอมีสติยับยั้งชั่งใจได้ในนาทีสุดท้ายจึงไม่ได้ลงมือ แต่จะอย่างไรก็ดี เชื่อไหมคะว่านี่เป็นอุบายจัดการมารหัวใจที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ใช้กัน โดยส่วนหนึ่งมันถูกขับดันมาจากสัญชาตญาณดิบในการหาคู่ที่แฝงไว้ในตัวเรา ตามที่ดอกเตอร์เทรซี่ เวลแลนคอร์ท จากมหาวิทยาลัยออตตาวา ได้กล่าวไว้ในวารสาร Philosophical Transactions แห่งราชสมาคมวิทยาศาสตร์ชีวภาพ ของประเทศอังกฤษ
ใช่ว่าปฏิกิริยากำจัดศัตรูในการหาคู่นี้จะเกิดขึ้นกับเพศหญิงเท่านั้น มันเกิดขึ้นกับเพศชายเช่นเดียวกัน แต่เป็นสัดส่วนที่น้อยกว่ามาก จากการทำแบบสอบถามในกลุ่มเด็กอายุ 15 ปี ภายใต้สถานการณ์สมมุติว่า หากกำลังถูกใจเพศตรงข้ามคนหนึ่งขึ้นมา แต่เกิดมีคู่แข่งที่หล่อหรือสวยกว่าตัวเองเข้ามาร่วมด้วย จะตอบสนองอย่างไร เด็กกลุ่มที่ตอบว่าจะใช้การทำสงครามเงียบ คือการนินทา หรือกุเรื่องปล่อยข่าวบั่นทอนความน่าเชื่อถือหรือความน่าคบหาของอีกฝ่าย ในเด็กผู้ชายมี 29% ในขณะที่ฝ่ายเด็กผู้หญิงที่เลือกใช้วิธีนี้กลับมีสูงถึง 52% เลยทีเดียว
สาเหตุลึก ๆ ที่ทำให้ผู้หญิงเลือกใช้สงครามเงียบในการบ่อนทำลายศัตรู ก็เพื่อลดโอกาสที่จะบาดเจ็บหรือสูญเสียหากเกิดกะประจัญหน้าและปะทะกันตรง ๆ ซึ่งเป็นสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดสำหรับผู้หญิง ซึ่งจะต้องดำรงสถานะแม่ในเวลาต่อมาหากว่าเป็นฝ่ายชนะกำจัดศัตตรูหัวใจไปได้ และได้ผู้ชายที่หมายปองมาเป็นคู่ หรือรู้รักษาตัวรอดไว้ก่อนเพื่อรับประกันว่าจะได้มีทายาทสืบสกุลต่อไปได้อย่างปลอดภัย โดยช่วงวัยที่จะเลือกใช้กลอุบายนี้จะเป็นวันแรกสาวไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ตอนต้น อันเป็นวัยที่อยู่ในระยะเจริญพันธุ์นั่นเอง
แม้ในใจจะคิดค้านว่ามันช่างเป็นวิธีการที่ไร้อารยะจริง ๆ แต่หากลองได้ย้อนคิดไปสมัยคุณเรียนมัธยม ซึ่งเป็นวัยรุ่นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ คุณเองก็น่าจะเคยเป็นส่วนหนึ่งหรือมีส่วนได้รู้เห็นกับเหตุการณ์ในวงนินทามาบ้าง อาจจะเป็นหนึ่งในผู้รับสารที่ลือต่อ ๆ กันมา ว่าร้ายเพื่อนร่วมชั้นหน้าตาดีคนหนึ่งว่าไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ โดยมาทราบที่ตัวต้นเหตุปล่อยข่าวภายหลังว่าเป็นนักเรียนหญิงจากอีกห้องที่แอบปิ๊งผู้ชายคนเดียวกันนั่นเอง
ว่าแต่อุบายนี้ตกลงแล้วว่าจะได้ผลหรือไม่ ลองมาแชร์ประสบการณ์กันดูหน่อยไหมคะว่าคุณได้พบเห็นมาอย่างไร และบทสรุปใครคือฝ่ายชนะ หรือถ้าสามารถตัดคู่แข่งหัวใจแล้วคนที่ได้เป็นแฟนกับหนุ่มที่หมายปองคนนั้นจริง ๆ สุดท้ายแล้วคบกันได้ยืดยาวหรือไม่ เพราะบางเรื่องราวแม้จะอาศัยสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดได้ ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะได้ผลดีเสมอไปในยุคปัจจุบันนะจ๊ะ