ผู้ชายมาบอกให้ฟังแล้วว่าทำไมเขาถึงทิ้งแฟนสาว แน่นอนว่านี่อาจใช้ไม่ได้กับทุกคู่รัก แต่ผู้ชายส่วนใหญ่ก็มีแนวโน้มจะใช้เหตุผลเหล่านี้ในการบอกเลิกกับผู้หญิงก็แล้วกัน
1. ผู้หญิงไม่ยอมฟัง
เวลาที่ผู้ชายพูดอะไรบางอย่าง ให้โอกาสเราได้พูดบ้าง ฟังในสิ่งที่เราพูด เราไม่ได้ถูกเสมอไป แต่เราก็มีความคิดเห็น และมันก็น่าหงุดหงิดมากถ้าถูกทำให้รู้สึกว่าความคิดเห็นของเราไม่มีความหมาย ใครอยากจะอยู่กับคนแบบนี้ล่ะ ฉะนั้น วิธีการรักษาผู้ชายของคุณเอาไว้ให้ได้ก็คือการสื่อสาร
2. ผู้หญิงฟังเพื่อนสาวมากเกินไป
เราเข้าใจถึงความจำเป็นของการมีเพื่อนสาว เราสามารถรับได้กับการออกไปเที่ยวกันในหมู่เพื่อนสาว แต่เวลาที่คุณเริ่มปล่อยให้เพื่อนสาวโสด (ที่ทำให้ผู้ชายวิ่งหนีอยู่เสมอ หรือเคยออกเดทมาเป็นชาติแล้ว) เข้ามายุ่งในเรื่องชีวิตรักของคุณ ก็คือการแกว่งเท้าหาเสี้ยนจริง ๆ เราอยากให้คุณคุยกับเพื่อนสาวของคุณ ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องของเราก็เถอะ แค่ระวังในสิ่งที่คุณตัดสินใจจะเอากลับมาบ้านด้วยจากการสนทนานั้นก็พอ
3. ชีวิตคู่ไม่ใช่เรื่องของครอบครัว
เราไม่ได้พยายามที่จะพาคุณออกห่างจากครอบครัว นี่เป็นเรื่องการชีวิตคู่ ไม่ใช่การลักพาตัว แต่ถ้าเราเป็นผู้ใหญ่พอที่จะออกจากบ้าน และเก็บสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเราเอาไว้ ระหว่างเราเท่านั้น มันก็ไม่มากเกินไปใช่ไหมที่จะขอให้คุณทำแบบเดียวกัน ถ้าคุณเล่าให้แม่และน้องสาวฟังทุกครั้งที่เถียงกันแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ คุณไม่คิดเหรอว่ามันจะทำให้พวกเขาจะไม่ชอบเราเท่าไหร่นัก แล้วคุณจะสงสัยไปทำไมว่า ทำไมเราถึงไม่ค่อยชอบเจอพวกเขาเท่าไหร่นัก
4. เราไม่ได้ตัวติดกัน
เราไม่ต้องไปทุกที่ซึ่งคุณไป และเราก็ไม่คาดหวังว่าคุณจะไปทุกแห่งกับเรา นั่นคือ สิ่งที่ทำให้เวลาที่เราอยู่ด้วยกัน มันพิเศษสุด เราต่างมีสิ่งที่ชอบและไม่ชอบก่อนจะเจอกัน คุณทำสิ่งต่าง ๆ ตามลำพังหรือทำกับเพื่อนสาว ซึ่งนั่นก็ดีแล้ว อย่าพยายามลากชายหนุ่มของคุณไปกับคุณตลอด ถ้ามันไม่มีอะไรมากกว่าคุณจะไปเม้าท์กับเพื่อนสาว เราไม่อยากนั่งฟังคุณคุยกันเรื่องทรงผม แฟชั่น หรือดารา ยังเราให้ตายซะดีกว่าถ้าจะลากเราไป
5. นี่คือชีวิตคู่หรือคุกกันแน่
นักโทษติดทัณฑ์บนอาจต้องรายงานทุกอย่างกับเจ้าหน้าที่คุมประพฤติ แต่ในชีวิตคู่มันควรมีการไว้วางใจกันมากกว่านั้น ถ้าผู้ชายรู้สึกว่าเขาไม่ได้รับความไว้วางใจ และเขาไม่ได้ทำอะไรที่สมควรแก่การถูกสอบสวนแล้วละก็ อย่าหวังว่าเขาจะอยากอยู่ต่อไปเลย
6. การเป็นตัวของตัวเองเป็นเรื่องดีในจุดหนึ่ง
จะเรียกมันว่าอีโก้หรือความไม่มั่นใจของผู้ชายก็ได้ แต่เราต้องการที่จะรู้สึกว่าเรามีความหมายต่อกันมากกว่า เพียงแค่เซ็กส์ (รู้แล้วล่ะว่ามันฟังดูแปลกที่ผู้ชายจะพูดอย่างนี้ แต่มันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ) ถ้าคุณคอยแต่บอกผู้ชายว่าคุณสามารถทำอะไรก็ได้ด้วยตนเอง แล้วคุณจะต้องการเขาไปเพื่ออะไรล่ะ มันอาจฟังดูตื้นเขินมากนะ เราต้องการให้คุณสนองตอบอีโก้ของเราบ้าง
7. การพึ่งพิงมากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดีเช่นกัน
รู้แหละว่ามันฟังดูเหมือนว่า เราไม่สามารถตัดสินใจได้ระหว่างข้อ 6 กับข้อ 7 แต่มันมาคู่กันนะ มันเหมือนเราอยากได้ผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่ที่สามารถจัดการเรื่องตัวเองได้ แต่ก็ยังปล่อยให้เรารู้ว่ามันมีพื้นที่ในชีวิตของเธอที่มีแต่เราเท่านั้นที่จะเติมเต็มได้ คุณไม่ใช่เด็ก และเราไม่หวังที่จะปฏิบัติต่อคุณอย่างนั้น แต่ถ้าคุณหันไปหาผู้ชายในทุกเรื่อง และไม่อาจตัดสินใจอะไรเองได้เลย วันหนึ่งเขาก็อาจตัดสินใจที่จะไม่กลับมาหาคุณอีกก็เป็นได้
8. คุณไม่มีอะไรดี ๆ จะพูดอย่างนั้นหรือ
ใช่แล้ว เราเละตุ้มเป๊ะเป็นบางครั้ง แต่ด้านดี ๆ ล่ะมีไหม ผู้ชายของคุณไม่เคยทำอะไรถูกเลยเหรอ เราไม่ได้กำลังพูดถึงการปลอบใจแบบโง่ ๆ แต่ไม่มีใครสามารถแทนฟังคำวิจารณ์ตลอดเวลาได้หรอก
9. ไม่มีอนาคตในอดีต
เราทุกคนต่างทำผิด แต่ประเด็นก็คือเราต้องเรียนรู้จากมัน ไม่ใช่จมอยู่กับมัน ถ้าผู้ชายทำผิดและคุณตกลงที่จะให้อภัยเขาแล้ว ก็อย่าได้ยกมันขึ้นมาอีก ถ้าคุณขุดเอาอดีตขึ้นมาพูดไม่จบ ก็เตรียมที่จะพูดถึงชายหนุ่มของคุณที่กลายเป็น "อดีต" ได้เลย
10. บางทีเพื่อนของเขาจะไม่ใช่เพื่อนของคุณ
แต่อย่าได้แสดงความรังเกียจพวกเขา เขารู้จักกันก่อนที่จะรู้จักคุณ ถ้าหนึ่งในเพื่อนของเขาเป็นนักพนัน เขาก็รู้มานานแล้วล่ะ คุณไม่ต้องไปเตือนเขาหรอก ถ้าคุณเอาแต่พูดถึงพวกเขาในแง่ลบตลอด มันไม่เพียงแค่แสดงให้เห็นถึงความไม่มั่นใจของคุณ แต่ยังแสดงถึงการขาดความไว้วางใจอีกด้วย ฉะนั้น ถ้าเขาอยู่กับคุณได้ด้วยดี ก็อย่าได้ปล่อยให้การกระทำของเพื่อนของเขามามีอิทธิพลในชีวิตของคุณเลย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
Vol.14 No.38