หลายคนเปรียบชีวิตการแต่งงานเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ เพราะนอกจากต้องเรียนรู้และปรับเปลี่ยนตัวเองในหลาย ๆ เรื่อง เพื่อให้ชีวิตคู่ราบรื่นแล้ว ยังต้องพบเจอกับอุปสรรคอีกมากมายที่รออยู่ข้างหน้า ซึ่งบางครั้งอุปสรรคที่ว่านี้ก็มาจากคำพูดที่อาจจะเผลอพูดออกมา ทั้งที่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ ทั้งนี้มันคงจะดีกว่าหากคุณคิดไตร่ตรองคำพูดให้ดีก่อนที่คำพูดเหล่านั้นจะนำไปสู่การหย่าร้าง
1. ชีวิตแต่งงานเป็นเรื่องยากเกินไป
การใช้ชีวิตคู่มีหลากหลายเรื่องที่ไม่มีใครสามารถบอกหรือให้คำแนะนำได้จนกว่าจะเจอด้วยตัวเอง ฉะนั้นถึงแม้จะเป็นเรื่องยากแต่ทว่าทุกเรื่องต่างก็มีทางออกเสมอ ถ้าหากคุณ 2 คน ช่วยกันคิดช่วยกันทำ แต่ถ้าหากต่างฝ่ายต่างไม่ให้ความร่วมมือกันหาทางออกแล้ว สุดท้ายก็อาจจะต้องจบชีวิตการแต่งงานด้วยปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้
2. คุณเป็นแบบนี้ตลอด หรือคุณไม่เคย...เลย
ประโยคแบบนี้สามารถส่งผลได้ทั้งทางบวกและทางลบ พร้อมทั้งอาจจะไม่ใช่ประโยคที่ฟังแล้วกระทบกับความสัมพันธ์ของพวกคุณมากนัก แต่ทว่าก็เป็นประโยคที่ทำให้คนฟังรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ หรือคิดได้ว่าการกระทำของเขาไม่มีความหมายใด ๆ สำหรับคุณเลย ซึ่งประโยคเหล่านี้มักจะหลุดออกมาเมื่อคู่รักทะเลาะกันเสียเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นถ้ายังไม่อยากหย่าก็เปลี่ยนเป็นคำแนะนำหรือปรับคำพูดให้น่าฟังกว่านี้ดีกว่า
3. ฉันขอโทษ แต่...
หากคุณพูดแบบนี้ออกไป แน่นอนว่าเขาอาจจะไม่ให้อภัยคุณก็ได้ ถ้าหากคุณมีคำว่า "แต่" ตามมาหลังการขอโทษเสมอ นั่นเป็นเพราะหลังคำว่า "แต่" มักจะตามมาด้วยเหตุผลที่ถูกนำมาใช้เป็นข้ออ้างที่ถูกยกขึ้นมาใช้แก้ไขให้ตัวเองกลายเป็นถูก และสุดท้ายแล้วถึงแม้คุณจะเป็นฝ่ายพูดขอโทษ แต่เขาก็ยังกลายเป็นคนผิดอยู่ดี ไม่ว่าคุณจะเป็นคนทำผิดก็ตาม
4. ฉันขอโทษ ฉันคงไม่ดีพอสำหรับคุณ
อีกหนึ่งคำขอโทษที่ดูเหมือนไม่ใช่การขอให้เขายกโทษให้สักเท่าไร แถมยังเป็นการขอโทษที่ทำให้คนฟังรู้สึกติดลบมากขึ้นด้วย เพราะคำขอโทษประเภทนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการขอโทษแบบขอไปที แถมยังมีนัยแอบแฝงว่าปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากความผิดพลาดของตัวเอง แต่มาจากคนรักหรือคนอื่น ๆ ต่างหาก
5. เพราะเราถูกเลี้ยงดูมาไม่เหมือนกัน
ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าการเลี้ยงดูที่แตกต่างกัน จึงทำให้นิสัยของทั้ง 2 คน แตกต่างกันไปด้วย แต่ทั้งนี้ก็ไม่ควรเก็บนิสัยเก่า ๆ จากวัยเด็กหรือนิสัยที่เคยทำกับพ่อแม่มาใช้ในชีวิตแต่งงาน เพราะตอนนี้คุณทั้ง 2 คน ต้องมาอยู่ภายในบ้านหลังเดียวกัน ดังนั้นการหย่าร้างจะไม่เกิดขึ้นหากต่างฝ่ายต่างปรับเปลี่ยนหรือลบนิสัยบางอย่างทิ้งไป เพื่อให้ชีวิตแต่งงานราบรื่นยิ่งขึ้น
6. วันนี้ฉันยังไม่เห็นคุณทำงานบ้านเลยนะ
แม้ลึก ๆ แล้วคุณจะคิดอย่างที่กล่าวมา แต่ทว่าคำพูดแบบนี้มันดูรุนแรงเกินไปสำหรับคนฟัง และส่งผลกระทบทางลบกับความรู้สึกของอีกฝ่ายมากเลยทีเดียว โดยเฉพาะเวลาที่คุณระบุว่าเขายังไม่ได้ทำสิ่งใดให้คุณบ้าง ซึ่งทางออกสำหรับปัญหานี้ก็คือการปรับเปลี่ยนคำพูดให้น่าฟังขึ้น ทั้งการใช้คำและน้ำเสียง เพราะจะทำให้คนฟังรู้สึกอยากจะทำมากกว่าคำพูดที่เป็นคำสั่งหรือประชดประชัน
7. ใจเย็น ๆ ก่อน
คำพูดเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับการเอาน้ำมันไปราดกองไฟ ยิ่งคุณพยายามจะห้ามปรามหรือดับอารมณ์โกรธของเขาเท่าไร ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกมากขึ้นเท่านั้น และอาจจะพาลทำให้เรื่องราวใหญ่โตยิ่งขึ้น ฉะนั้นสิ่งที่คุณสามารถทำได้เวลาที่เขาโกรธหรือไม่พอใจก็คืองดการโต้เถียง และรับฟังคำพูดเขาด้วยท่าทีที่นิ่งสงบ แล้วค่อยพูดคุยกับเขา หลังจากที่เขาหายเป็นปกติแล้ว
8. ฉันไม่รู้ว่าจะกลับบ้านเมื่อไหร่
บ่อยครั้งที่คุณอาจจะใช้ประโยคนี้ เมื่อคนรักโทรศัพท์หรือส่งข้อความมาถามว่าจะกลับบ้านเมื่อไหร่ ? ซึ่งดูเหมือนคำตอบธรรมดาที่ไม่น่าจะส่งผลให้เกิดอะไร แต่ความจริงแล้วกลับส่งผลกับคนรักมากทีเดียว เพราะเหมือนกับการทำร้ายความรู้สึกทางอ้อม และอาจทำให้เขาต้องรอคุณจนดึกดื่น ดังนั้นถึงแม้คุณจะไม่รู้ว่าตอนนี้ยังไม่รู้เวลากลับจริง ๆ ก็บอกเวลาคร่าว ๆ ไปก่อนดีกว่า ซึ่งทำให้คุณยังเห็นความสำคัญของเขาอยู่
9. คุณรู้ไหมว่าฉันไม่ชอบเวลาที่คุณ...
ถึงแม้ตอนนี้พวกคุณจะแต่งงานกันแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าหลังแต่งงานพวกคุณจะต้องทำหรือคิดเหมือนกันเสมอไป อีกทั้งคำพูดเช่นนี้มีนัยแฝงว่าคุณมักจะยึดความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ ซึ่งสิ่งนี้เองที่อาจทำให้คนรักรู้สึกอึดอัด น้อยอกน้อยใจ และไม่มีความสำคัญสำหรับคุณ เพราะถ้าหากคุณใส่ใจคนรักมากพอก็ควรจะเข้าใจธรรมชาติของเขา พร้อมกับยอมรับข้อเสียได้
10. สัญญาณต่าง ๆ
อย่างเช่น การกลอกตา ส่ายหัว ขมวดคิ้ว หรือถอนหายใจ ก็เป็นสัญญาณอันตราย ซึ่งถ้าหากคุณแสดงให้คนรักเห็นแล้ว อาจจะทำให้เขาไม่พอใจและนำไปสู่การหย่าร้างได้เช่นเดียวกัน เพราะถึงแม้คุณจะพยายามปรับคำพูดให้รื่นหูเพียงใด แต่ทั้งสีหน้าและท่าทางของคุณก็แสดงให้เขารู้แล้วว่า ความคิดของคุณสวนทางกับคำพูดโดยสิ้นเชิง
การหย่าร้างถือเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียวสำหรับชีวิตคู่ ซึ่งคงไม่มีคู่รักใดที่อยากให้เกิดขึ้นกับคู่ของตัวเองหรอกจริงไหม ? ดังนั้นก่อนที่ชีวิตการแต่งงานของคุณจะจบลง เพราะคำพูดเพียงประโยคเดียว ก็ควรจะหาทางหลีกเลี่ยงคำพูดเหล่านี้เอาไว้ และหากเป็นไปได้ก็ควรจะคิดก่อนจะพูดทุกครั้ง หากคิดว่ามันจะทำร้ายความรู้สึกของคนรักได้เก็บคำพูดเหล่านั้นเอาไว้กับตัวเองดีกว่า เพื่อรักษาชีวิตการแต่งงานให้ราบรื่นและยังคงอยู่ไปตราบนานเท่านาน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
www.yourtango.com และ brightdrops.com