จิ๊บ ปกฉัตร ร่ำไห้ขอรับผิด ยันไม่มีคนเตือน

จิ๊บ ปกฉัตร



จิ๊บ ปกฉัตร



จิ๊บ ปกฉัตร

 

สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยรัฐ, Pantip.com โดยคุณ >> นี่ ห รื อ ม นุ ษ ย์ ? <<

          หลังกลายเป็นประเด็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ เมื่อดาราสาว จิ๊บ ปกฉัตร เทียมชัย ถูกชาวเน็ตโพสต์ข้อความโจมตี กรณีมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ประสานมิตร เมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา ด้วยการทำทรงผม "โมฮอว์ก" สีทอง เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผิดไปจากระเบียบของบัณฑิตที่จะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร

          ล่าสุด เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม จิ๊บ ปกฉัตร ได้ออกมาเปิดใจโดยกล่าวทั้งน้ำตานองหน้าว่า ในตอนแรกตนไม่ได้เห็นข่าว แต่ก็มีคนโทร.มาบอกว่า ในอินเทอร์เน็ตมีคนเข้าไปโพสต์ข้อความด่าว่า ในวันรับปริญญาทำตัวไม่เหมาะสม ทรงผมก็เป็นโมฮอว์ก ตนจึงเข้าไปดูปรากฏว่าพอเห็นข้อความก็รู้สึกว่าเสียใจ เพราะตนรู้สึกว่ามันแรงไปกับข้อความที่เขาโพสต์ในนั้น เขาโพสต์เหมือนกับตนไปกระทำความผิดฆ่าคนตาย หรือไปขายยาเสพติด

          โดย จิ๊บ ปกฉัตร อธิบายถึงสาเหตุที่ทำทรงผมสีทอง โมฮอว์ก ว่า อยากจะขอบอกก่อนว่า ทำไมทรงผมถึงได้เป็นแบบนั้นคือ เนื่องจากตัวเองเป็นคนทรงผมฟู ๆ ยาว ๆ ในวันที่เราจะต้องเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ถือว่าเป็นวันที่สำคัญที่สุดวันหนึ่งของชีวิต เพราะเหนื่อยมาก ลำบากมากกว่าจะเรียนจบ เป็นความภาคภูมิใจของพี่น้องวงศ์ตระกูลด้วย อีกอย่างได้รับพระราชทานจากพระหัตถ์ของสมเด็จพระเทพฯ จึงพยายามที่จะดูแลตัวเองให้เหมาะสม ทรงผมก็เลยพยายามที่จะม้วนเก็บให้ดูเรียบร้อย ไม่รกรุงรัง ไม่ให้ผมสักเส้นโผล่ออกมา เพราะจะดูเหมือนว่าไม่เกรงใจพระองค์ท่าน ไม่ให้เกียรติพิธี และสถานที่จัดงาน ด้านข้างก็จะใช้เจลใส่เพื่อให้อยู่ตัวไม่ตกลงมารุงรัง

          "ส่วนสีผมที่ออกแดง ๆ ก็เพราะว่าโดยปกติผมของตัวเองก็จะไม่ค่อยดำอยู่แล้ว ยิ่งถ้าอยู่กลางแดดก็จะเห็นชัด แต่พออยู่ในหอประชุมก็แทบจะไม่รู้สึก และปลายผมยังเสีย จึงดูเป็นสีทอง ซึ่งไม่มีทางทำให้ดำได้ สำหรับทรงผมที่ทำในวันนั้น ไม่ได้คิดไปไกลขนาดว่าจะต้องเป็นทรงโมฮอว์ก เอาแค่ว่าให้ดูเรียบร้อยและก็ไม่อยากจะให้ตัวเองดูแก่ เพราะรูปนี้จะต้องติดฝาบ้านไปอีกนาน จึงทำผมให้ด้านข้างเรียบตึงที่สุด" จิ๊บ ปกฉัตร ชี้แจง
 
          โดย จิ๊บ ปกฉัตร กล่าวต่อว่า ผมด้านหลังไม่อยากมวยผมให้ดูแก่ จึงมวยผมเป็นรูปทรงกล้วยหอม เป็นก้อนตรงกลาง ยอมรับว่าทรงผมที่ทำดูแปลก และไม่เคยมีดาราคนไหนทำทรงผมลักษณะนี้ ยอมรับว่าผิดจริงในการทำทรงผม แต่ทรงนี้เกิดหลังจากรับปริญญาแล้ว อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวขอตั้งข้อสังเกตว่าทำไมก่อนรับปริญญา ไม่มีใครบอกว่าทรงผมไม่เหมาะสม ซึ่งตนยินดีพร้อมที่จะเปลี่ยนอยู่แล้ว แต่กลับมาบอกในวันที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว
 
          "ในวันนั้นก็ไม่มีใครมาว่าอะไร ถ้าหากว่าหนูทำในสิ่งที่ไม่เหมาะ ในวันนั้นก็คงจะถูกเตือน หรือไม่ก็คงไม่ได้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรแล้ว เพราะงานนี้เป็นงานที่เป็นทางการ เราจะไปทำไม่เหมาะไม่ควรก็ไม่ได้ และถ้าในวันนั้นมีคนมาบอกสักนิดว่า มันไม่เหมาะ หนูก็พร้อมที่จะแก้ไข วันรับปริญญาเมื่อได้รับควรเป็นวันที่น่าดีใจ แต่ทำไมต้องได้รับเสียงรุมประณามทั้งตัวเอง พ่อแม่ และครูอาจารย์ รวมถึงมหาวิทยาลัย แค่วันนั้นทุกคนพูดมาคำเดียวเรื่องนี้ก็จบ" จิ๊บ ปกฉัตร กล่าว
 
          ดาราสาว จิ๊บ ปกฉัตร อธิบายต่อว่า วันที่ซ้อมพิธีฯ ตนทำทรงผมอีกทรงหนึ่ง และเป็นทรงที่ทำเอง แต่ไม่แตกต่างจากวันจริงมากนัก ส่วนวันจริงอาจารย์ที่ควบคุมบัณฑิต ก็พยายามคอยเตือนไม่ให้ลืมขั้นตอนการขึ้นรับ และไม่ให้มีพฤติกรรมเปิ่นออกมาในระหว่างพิธี แต่กับทรงผมไม่มีใครมาเตือนเลย เพราะนอกจากอาจารย์แล้ว ยังมีเจ้าหน้าที่กรรมการฝ่ายต่าง ๆ รวมทั้งเจ้าหน้าที่จากสำนักพระราชวัง ต้องไม่ให้ผ่าน แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี
 
          ทั้งนี้ จิ๊บ ปกฉัตร ยังกล่าวต่อถึงประเด็นที่มีชาวเน็ตระบุว่า จิ๊บ ปกฉัตร ได้ทำพฤติกรรมไม่เหมาะสมในตอนเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร โดยระบุว่า จิ๊บ ปกฉัตร เดินเหมือนเดินบนแคตวอร์ก ซึ่ง จิ๊บ ปกฉัตร ก็ได้ชี้แจงว่า พิธีรับพระราชทานปริญญาบัตร ไม่ใช่พิธีเล่น ๆ สนุกสนานที่เราจะมาทำอะไรตามใจก็ได้ ตนเองแม้จะโก๊ะ ๆ แต่ก็รู้ว่างานอะไรควรไม่ควร วันจริง ๆ ไม่มีเรื่องแบบนี้แน่นอน แต่ในวันที่ซ้อมยอมรับว่ามีพลาดจนถูกอาจารย์ด่ามาแล้ว คือ ส่วนตัวจะเป็นคนที่จะตื่นเต้นกับเรื่องแบบนี้ วันซ้อมท่องไว้เลยว่า ตอนที่จะขึ้นรับพระราชทานปริญญาบัตรจะต้องทำอะไร ก่อน-หลัง ตั้งแต่เดินขึ้นเวที ยื่นมือรับใบปริญญา ประกอบกับการต้องทำเวลาให้ทันกับชื่อบัณฑิต แต่พอขึ้นไปรับจริงกลับจำไม่ได้ จึงทำผิด และอีกอย่างตนจะเป็นคนแรกของสาขาวิชาการแสดงฯ ซึ่งจังหวะของการอ่านชื่อสาขามันยาว จังหวะของการก้าวขาก็เลยไม่ตรง ทำให้ผิดและทำคนอื่นหัวเราะ ไม่ใช่มีการทำมาเดินเล่น ๆ อย่างที่เขียนกันไป

          แต่ว่าสุดท้ายก็มีพลาด คือลืมถอนสายบัวก่อนนั่ง พอรู้ตัวว่าพลาดก็เลยรีบลุกขึ้นแล้วถอนสายบัวก่อนนั่งลงอีกครั้ง ส่วนภาพการนั่งไขว่ห้างนั้น เป็นวันซ้อมใหญ่ วันจริงไม่ได้ทำ เรื่องราวที่ถูกด่าในอินเทอร์เน็ตก็อาจจะเป็นไปได้ว่า น่าจะมีคนหมั่นไส้ ไม่ชอบตนอยู่แล้วหรือเปล่า ก็เลยจับเอาเรื่องราวของ 2 วันมารวมกัน จนกลายเป็นประเด็น
 
          "การที่คนคนหนึ่งตื่นเต้นมากที่ได้รับปริญญาใบแรก และเป็นครั้งแรกที่ได้เจอพระองค์ท่านต่อหน้าพระพักตร์ จนทำอะไรผิดพลาดแบบนี้ มีความผิดมากมายถึงกับอ่านในกระทู้ มีคนเสนอให้ทำเรื่องถอดถอนใบปริญญา หรือถอนชื่อบัณฑิตออก รวมถึงว่าไปถึงสถาบันการศึกษา พ่อแม่ ครูอาจารย์ เลยหรือ เรื่องที่เกิดขึ้น อยากจะขอโทษทุกคนที่คิดว่าจิ๊บทำไม่ควร ยอมรับทุกการกระทำ วันนั้นถ้ามีคนมาบอกมาเตือนหนูสักนิด เรื่องแบบนี้ก็คงจะไม่เกิด เพราะว่าหนูก็พร้อมที่จะแก้ไข เรื่องที่ว่าทำตัวเหมือนอยากเด่นอย่างดังก็ไม่ใช่ ถ้ามาทำแบบนี้มันจะมีแต่ดับ ถ้าจะดังแบบนี้ไม่ขอดังดีกว่า"

          "เรื่องที่เกิดขึ้นหนูขอรับผิดคนเดียว ขอความกรุณาอย่างไปต่อว่าอาจารย์ และไปต่อว่าครอบครัวของหนูอีกเลย คนอื่น ๆ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ต้องขอโทษคุณพ่อคุณแม่ อาจารย์ และเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัย เพื่อนนิสิต มศว และบัณฑิตที่เข้าพิธีทุกคนที่ได้รับความอับอาย รวมทั้งทางมหาวิทยาลัยที่เสื่อมเสียชื่อเสียง และหลังจากที่เกิดเรื่องก็ได้พูดคุยกับพ่อแม่ ที่บ้านก็เสียใจกับข่าว ส่วนกับทางอาจารย์ก็โทร.คุยกัน ท่านก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นซึ่งท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร และก็ไม่ได้ซีเรียสกับเรื่องที่เกิดขึ้น" จิ๊บ ปกฉัตร กล่าวในที่สุด
 
          ขณะที่ นายวิรุณ ตั้งเจริญ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เปิดเผยว่า มศว มีกฎระเบียบ กฎกติกามารยาท และข้อบังคับ ให้บัณฑิตทุกคนปฏิบัติอยู่แล้ว แต่ยอมรับว่าบางกฎระเบียบต้องผ่อนปรน เช่น การย้อมสีผม หากมหาวิทยาลัยเข้มงวดมากรับรองว่าบัณฑิตทุกคนก็จะผิดหมด เพราะทุกวันนี้คนทำสีผมกันเต็มบ้านเต็มเมือง แต่สิ่งที่ มศว ย้ำเสมอคือต้องไม่น่าเกลียดและควรจะปฏิบัติให้ถูกกาลเทศะ ทรงผมก็ควรจะทำผมให้สุภาพ บัณฑิตทุกคนควรจะมีจิตสำนึก คิดได้เองว่าอะไรเหมาะหรือไม่เหมาะ โดยเฉพาะการทำผมให้เปิดเห็นหน้าชัดเจน สีผมก็ไม่ควรจะฉูดฉาดจนเกินเลยหรือผิดธรรมชาติ
 
          อย่างไรก็ตามจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้เรียกผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาหารือและสอบถาม โดยเฉพาะคณะศิลปกรรมศาสตร์ เนื่องจาก จิ๊บ ปกฉัตร สำเร็จการศึกษาจากคณะดังกล่าว จะต้องชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งได้กำชับให้คณะศิลปกรรมศาสตร์ระมัดระวัง ดูแลเอาใจใส่ เข้มงวดในเรื่องนี้ให้มากกว่าเดิม ในนามของมหาวิทยาลัยขออภัยต่อสังคมด้วยที่เกิดข่าวในลักษณะนี้ขึ้น
 
          "เมื่อมีข่าวและมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสังคม มศว จะมีการประชุม เพื่อประเมินการจัดงานพิธีพระราชทานปริญญาบัตร เพื่อตรวจสอบหาความจริง หาข้อบกพร่องและดูว่าที่ผ่านมาเรามีข้อผิดพลาดตรงไหนอย่างไร จากนั้นต้องสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริง ไม่ว่าจะเป็นข้อวิพากษ์วิจารณ์กรณีที่ จิ๊บ ปกฉัตร นักแสดงคนดังกล่าวได้รับสิทธิพิเศษมากกว่าบัณฑิตคนอื่น ๆ หรือไม่ อย่างไรก็ตามยืนยันว่า มศว ไม่ได้ให้สิทธิพิเศษแก่นักแสดงคนใด" นายวิรุณ กล่าว


ขอขอบคุณข้อมูลจาก