การใช้ครีมกันแดด อย่างถูกวิธี เชื่อว่าสาว ๆ บางคนอาจจะยังไม่เคยรู้ คิดว่าครีมกันแดดแบบไหนก็กันแดดได้เหมือนกัน หรือทาครีมกันแดดแค่ตอนเช้าก็อยู่ได้ทั้งวันแล้ว ซึ่งความคิดเหล่านี้บอกเลยว่าผิด ! หากใครที่ยังเข้าใจแบบนี้อยู่ รีบมาทำความเข้าใจใหม่กันเลย
การใช้ครีมกันแดด ถือเป็นกิจวัตรประจำวันของสาว ๆ ทุกคนอยู่แล้ว แต่ทว่าในช่วงซัมเมอร์ที่รังสียูวีทำงานหนักแบบนี้ แค่หยิบครีมกันแดดมาชโลมทาลงไปบนผิวแบบลวก ๆ ก็ใช่ว่าจะเอาอยู่ ! วันนี้กระปุกดอทคอมเลยอยากจะชวนคุณสาว ๆ ที่รักผิวมาดูแลใส่ใจผิวกันอีกสักนิด ด้วยเคล็ดลับการใช้ครีมกันแดด อย่างถูกวิธีและมีประสิทธิภาพ ซึ่งควรจะใช้อย่างไร หรือเลือกครีมกันแดดแบบไหนดี ว่าแล้วก็ลองมาดูกันเลยดีกว่าว่าจะมีข้อไหนที่คุณยังขาดตกบกพร่องหรือยังไม่รู้กันบ้าง
1. เลือกครีมกันแดดอย่างไรให้เหมาะกับสภาพผิว
วิธีการเลือกใช้ครีมกันแดด สิ่งแรกเลยคือควรคำถึงถึงสภาพผิวของแต่ละคนด้วย อย่างสาว ๆ ที่มีผิวมัน และผิวแพ้ง่าย ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีเนื้อบางเบาในรูปแบบของเจล หรือเซรั่ม เพื่อไม่ให้ผิวเกิดการอุดตันและระคายเคืองผิวได้ง่าย ส่วนสาว ๆ ที่มีผิวแห้ง หรือผิวผสม จะเหมาะกับครีมกันแดดชนิดโลชั่นหรือครีมมากกว่า เพราะมีความเข้มข้นและช่วยให้ผิวดูชุ่มชื่นไม่แห้งกร้านนั่นเอง
2. ครีมกันแดดสำหรับผิวหน้า ทาตอนไหน ?
มีสาว ๆ หลายคนยังสับสนว่าการทาครีมกันแดดควรทาก่อนครีมบำรุง หรือหลังบำรุงกันแน่ ? คำตอบก็คือจริง ๆ แล้วคุณควรทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเสียก่อน จากนั้นรอจนครีมซึมลงสู่ผิวสักพัก แล้วจึงค่อยทาครีมกันแดดเป็นลำดับต่อไป โดยใช้ปริมาณครีมกันแดดให้เหมาะสมกับใบหน้า หรือประมาณ 2 ข้อของปลายนิ้วกลาง ทาให้ทั่วใบหน้าและลำคอ จึงจะช่วยป้องกันแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. เลือกค่า SPF (Sun Protection Factor) อย่างไร
เป็นข้อถกเถียงกันอยู่เสมอ สำหรับการเลือกใช้ค่า SPF ในครีมกันแดดว่า ควรเลือก SPF ในระดับไหนให้เหมาะสม จริง ๆ แล้วอาจกล่าวได้ว่าขึ้นอยู่กับกิจกรรมในแต่ละวันเสียมากกว่า เช่น คนที่นั่งทำงานในออฟฟิศ หรืออยู่บ้านที่ไม่โดนแดดสักเท่าไร อาจเลือกใช้ครีมกันแดด SPF 15-30 ก็ถือว่าเพียงพอ โดยจะช่วยป้องกันรังสี UVB ได้ถึง 93% แต่ในขณะเดียวกันหากใครที่ต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือเจอแดดเปรี้ยงตลอดวันให้เลือกใช้ค่า SPF 30-50 ซึ่งจะช่วยป้องกันแสงแดดได้มากถึง 98% เลยทีเดียว
4. ทาครีมกันแดดซ้ำอย่างน้อย 2 ครั้ง/วัน ถึงจะเอาอยู่ !
บ้านเราแดดเปรี้ยงขนาดนี้ เห็นทีว่าทาครีมกันแดดตอนเช้ารอบเดียวแล้วยิงยาวตั้งแต่เช้าจรดค่ำคงจะไม่ไหว ยิ่งใครที่ต้องเจอแดดปะทะผิวตลอดทั้งวัน ยิ่งจำเป็นต้องพกครีมกันแดดสำหรับไว้ทาซ้ำลงไปบนผิวบ่อย ๆ ทุก 1-2 ชั่วโมง เพื่อช่วยปกป้องผิวไม่ให้รังสียูวีทำร้ายผิวให้คล้ำเสียได้ง่ายนั่นเอง
5. Sunscreen, Sunblock และ Suntan เหมือนกันไหม ?
เชื่อว่าหลายคนต้องมีอาการงงอยู่บ้าง สำหรับข้อความบนครีมกันแดดที่เขียนว่า Sunscreen, Sunblock หรือ Suntan ว่าเหมือนหรือต่างกันอย่างไร โดยความหมายของครีมกันแดดที่ระบุ Sunscreen หรือ Sunblock นั้นก็คือ ผลิตภัณฑ์ที่ผสมสารกันแดด โดยมีคุณสมบัติป้องกันไม่ให้รังสียูวีทำร้ายผิวหนัง แต่ทว่า Suntan บางยี่ห้ออาจมีส่วนผสมของสาร DHA (Dihydroxyacetone) และสารกันแดดเล็กน้อย เพื่อกระตุ้นให้ผิวเข้มหรือมีสีแทนขึ้นเมื่อโดนแสงแดดนั่นเอง
6. จริงไหม ? ครีมกันแดด อย่าโดนแดด !
หลายคนอาจตกใจ เอ๊ะ... ยังไง ครีมกันแดดไม่ให้โดนแดด !? จริง ๆ แล้วไม่ได้หมายถึงตัวครีมเสียทีเดียว แต่หมายถึงการเก็บรักษาขวดครีมกันแดดเสียมากกว่า เพราะหลายคนใช้เสร็จแล้วมักวางทิ้งไว้ริมหาดบ้าง เก็บไว้ทาในรถบ้าง รู้ไหมว่าการเก็บครีมหรือโลชั่นกันแดดไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิความร้อนสูงเป็นเวลานาน จะทำให้ประสิทธิภาพของครีมกันแดดลดลง หรือหมดอายุเร็วขึ้นกว่าเดิม รู้อย่างนี้แล้วครั้งหน้าอย่าลืมเก็บครีมกันแดดไว้ในกระเป๋าให้มิดชิด หรือเก็บในที่ที่แสงแดดส่องไม่ถึงจะดีกว่านะคะสาว ๆ
คราวนี้ไม่ว่าสาว ๆ จะต้องเผชิญแดดจ้าอีกกี่หน้าร้อน ก็ไม่ต้องกังวลว่าผิวจะหมองคล้ำอีกต่อไปแล้ว แค่ทำตามเคล็ดลับการใช้ครีมกันแดดที่เรานำมาฝากกันนี้ รับประกันว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของครีมกันแดดได้อีกเยอะเลยทีเดียว
1. เลือกครีมกันแดดอย่างไรให้เหมาะกับสภาพผิว
วิธีการเลือกใช้ครีมกันแดด สิ่งแรกเลยคือควรคำถึงถึงสภาพผิวของแต่ละคนด้วย อย่างสาว ๆ ที่มีผิวมัน และผิวแพ้ง่าย ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีเนื้อบางเบาในรูปแบบของเจล หรือเซรั่ม เพื่อไม่ให้ผิวเกิดการอุดตันและระคายเคืองผิวได้ง่าย ส่วนสาว ๆ ที่มีผิวแห้ง หรือผิวผสม จะเหมาะกับครีมกันแดดชนิดโลชั่นหรือครีมมากกว่า เพราะมีความเข้มข้นและช่วยให้ผิวดูชุ่มชื่นไม่แห้งกร้านนั่นเอง
2. ครีมกันแดดสำหรับผิวหน้า ทาตอนไหน ?
มีสาว ๆ หลายคนยังสับสนว่าการทาครีมกันแดดควรทาก่อนครีมบำรุง หรือหลังบำรุงกันแน่ ? คำตอบก็คือจริง ๆ แล้วคุณควรทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเสียก่อน จากนั้นรอจนครีมซึมลงสู่ผิวสักพัก แล้วจึงค่อยทาครีมกันแดดเป็นลำดับต่อไป โดยใช้ปริมาณครีมกันแดดให้เหมาะสมกับใบหน้า หรือประมาณ 2 ข้อของปลายนิ้วกลาง ทาให้ทั่วใบหน้าและลำคอ จึงจะช่วยป้องกันแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เป็นข้อถกเถียงกันอยู่เสมอ สำหรับการเลือกใช้ค่า SPF ในครีมกันแดดว่า ควรเลือก SPF ในระดับไหนให้เหมาะสม จริง ๆ แล้วอาจกล่าวได้ว่าขึ้นอยู่กับกิจกรรมในแต่ละวันเสียมากกว่า เช่น คนที่นั่งทำงานในออฟฟิศ หรืออยู่บ้านที่ไม่โดนแดดสักเท่าไร อาจเลือกใช้ครีมกันแดด SPF 15-30 ก็ถือว่าเพียงพอ โดยจะช่วยป้องกันรังสี UVB ได้ถึง 93% แต่ในขณะเดียวกันหากใครที่ต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือเจอแดดเปรี้ยงตลอดวันให้เลือกใช้ค่า SPF 30-50 ซึ่งจะช่วยป้องกันแสงแดดได้มากถึง 98% เลยทีเดียว
บ้านเราแดดเปรี้ยงขนาดนี้ เห็นทีว่าทาครีมกันแดดตอนเช้ารอบเดียวแล้วยิงยาวตั้งแต่เช้าจรดค่ำคงจะไม่ไหว ยิ่งใครที่ต้องเจอแดดปะทะผิวตลอดทั้งวัน ยิ่งจำเป็นต้องพกครีมกันแดดสำหรับไว้ทาซ้ำลงไปบนผิวบ่อย ๆ ทุก 1-2 ชั่วโมง เพื่อช่วยปกป้องผิวไม่ให้รังสียูวีทำร้ายผิวให้คล้ำเสียได้ง่ายนั่นเอง
5. Sunscreen, Sunblock และ Suntan เหมือนกันไหม ?
เชื่อว่าหลายคนต้องมีอาการงงอยู่บ้าง สำหรับข้อความบนครีมกันแดดที่เขียนว่า Sunscreen, Sunblock หรือ Suntan ว่าเหมือนหรือต่างกันอย่างไร โดยความหมายของครีมกันแดดที่ระบุ Sunscreen หรือ Sunblock นั้นก็คือ ผลิตภัณฑ์ที่ผสมสารกันแดด โดยมีคุณสมบัติป้องกันไม่ให้รังสียูวีทำร้ายผิวหนัง แต่ทว่า Suntan บางยี่ห้ออาจมีส่วนผสมของสาร DHA (Dihydroxyacetone) และสารกันแดดเล็กน้อย เพื่อกระตุ้นให้ผิวเข้มหรือมีสีแทนขึ้นเมื่อโดนแสงแดดนั่นเอง
6. จริงไหม ? ครีมกันแดด อย่าโดนแดด !
หลายคนอาจตกใจ เอ๊ะ... ยังไง ครีมกันแดดไม่ให้โดนแดด !? จริง ๆ แล้วไม่ได้หมายถึงตัวครีมเสียทีเดียว แต่หมายถึงการเก็บรักษาขวดครีมกันแดดเสียมากกว่า เพราะหลายคนใช้เสร็จแล้วมักวางทิ้งไว้ริมหาดบ้าง เก็บไว้ทาในรถบ้าง รู้ไหมว่าการเก็บครีมหรือโลชั่นกันแดดไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิความร้อนสูงเป็นเวลานาน จะทำให้ประสิทธิภาพของครีมกันแดดลดลง หรือหมดอายุเร็วขึ้นกว่าเดิม รู้อย่างนี้แล้วครั้งหน้าอย่าลืมเก็บครีมกันแดดไว้ในกระเป๋าให้มิดชิด หรือเก็บในที่ที่แสงแดดส่องไม่ถึงจะดีกว่านะคะสาว ๆ
คราวนี้ไม่ว่าสาว ๆ จะต้องเผชิญแดดจ้าอีกกี่หน้าร้อน ก็ไม่ต้องกังวลว่าผิวจะหมองคล้ำอีกต่อไปแล้ว แค่ทำตามเคล็ดลับการใช้ครีมกันแดดที่เรานำมาฝากกันนี้ รับประกันว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของครีมกันแดดได้อีกเยอะเลยทีเดียว