เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
เมื่อเราเจอใครสักคนที่รู้สึกดีด้วย เชื่อว่าต่างก็หวังให้อีกคนอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันไปนาน ๆ แต่เป็นเพราะว่าในชีวิตจริงมันไม่เหมือนนิยายหรือละคร ดังนั้น มันก็มีบ้างที่จะเจอกับความผิดหวัง ซึ่งหากเจอกับมันโดยไม่ทันตั้งตัวก็ต้องเจ็บมากเป็นธรรมดาอยู่แล้ว คงจะดีกว่าหากรู้ตัวกันตั้งแต่เนิ่น ๆ จะได้ตั้งตัวเตรียมรับกับปัญหาและความเจ็บปวดได้อย่างทันท่วงที อีกทั้งอาจจะบอบช้ำน้อยลง
1. ไม่ได้รับความสนใจ
โดยปกติแล้วแม้ว่าความสำเร็จของทุก ๆ ความสัมพันธ์ จะตั้งอยู่บนพื้นฐานของความรักที่ไม่มีเงื่อนไข แต่ทว่าความรักมันก็มากพอที่จะผลักดันให้ทั้ง 2 ฝ่าย ต่างทำเรื่องดี ๆ ให้แก่กัน ในทางกลับกันหากความสัมพันธ์มันไม่เวิร์ก ก็สังเกตไม่ยากแค่ดูจากการกระทำก็น่าจะเข้าใจ โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยใส่ใจ หรือคิดจะดูแลกันให้ต่างฝ่ายต่างมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่านี้
2. รู้สึกเหมือนโดนหลอกใช้
แม้การทำตามความต้องการ หรือพยายามสรรหาสิ่งดี ๆ ให้กับอีกฝ่ายจะเป็นเรื่องสำคัญกับความรัก แต่ก็ควรจะมาจากทั้ง 2 ฝ่าย หรือพูดง่าย ๆ ว่าหากคุณมอบสิ่งดี ๆ ไป ก็ควรได้รับสิ่งเดียวกันนี้จากอีกฝ่ายด้วย แต่ถ้าเมื่อไรก็ตามที่คุณเป็นผู้ให้อยู่ฝ่ายเดียว ก็ให้ระวังตัวเอาไว้ เพราะไม่แน่ว่าอาจจะกำลังโดนหลอกใช้อยู่ ซึ่งจะใช่หรือไม่นั้นก็ต้องดูการกระทำอื่น ๆ ประกอบกันไปด้วย
3. ไม่อยากอยู่ใกล้
ความหวังที่ต้องการจะอยู่เคียงข้างกันอาจเหลือโอกาสเพียงน้อยนิด หากมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพยายามตีตัวออกห่าง หรือความใกล้ชิดมันเริ่มเปลี่ยนแปลงไปจนคล้ายจะเป็นแค่คนรู้จักกันไปแล้ว อย่างเช่น ชวนออกไปเที่ยวก็โดนปฏิเสธกลับมาตลอด ไม่เคยมีเวลาให้เหมือนก่อน และโอกาสที่จะได้จับมือถือแขนเหมือนคู่รักอื่น ๆ ก็ไม่ค่อยมีให้เห็น เป็นต้น
4. คิดถึงคนอื่น
คงไม่มีประโยชน์ที่จะคบหากันอีกต่อไป ถ้าเห็นว่าอีกฝ่าย หรืออาจจะเป็นตัวคุณเอง ที่ไม่เห็นคนรักอยู่ในสายตาอีกแล้ว แต่กลับเป็นคนอื่นที่เข้ามาวนเวียนอยู่ในความคิดแทน อีกทั้งยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความไม่ซื่อสัตย์ และทำให้อีกฝ่ายขาดความเชื่อใจ เท่านี้ก็มากพอแล้วที่จะบอกลา แล้วออกไปหาคนที่ต้องการดีกว่า
5. ปัญหามีแนวโน้มแย่ลง
หากพวกคุณยังรักกันมากพอ ความรักก็จะทำให้ปัญหาทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นได้ แม้ในตอนแรกจะดูเหมือนเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ก็ตาม แต่ถ้าเมื่อไรที่หมดรักกันแล้ว ต่อให้เป็นปัญหาเล็กก็กลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ ส่วนปัญหาเดิมที่ค้างคามานาน ก็จะยิ่งมีความรุนแรงมากขึ้นไปอีก และหากสถานการณ์ความรักของคุณในตอนนี้เป็นแบบหลัง การเลิกราก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับทั้ง 2 คน
6. ไม่มีเวลาให้
ไม่มีเวลาให้ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า อีกฝ่ายติดงานจนไม่สามารถปลีกตัวมาหาได้อย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่หมายถึงการที่อีกฝ่ายแม้รู้ทั้งรู้ว่ามีเวลาว่าง แต่ก็ไม่สนใจหรืออยากจะใช้เวลาร่วมกัน แล้วเอาเวลาเหล่านั้นไปทำเรื่องอื่น ๆ มากกว่า อาทิ ออกไปแฮงก์เอ้าท์กับเพื่อนฝูงเป็นประจำ โทรศัพท์ไม่ค่อยได้คุยเพราะบอกว่าเป็นเวลาส่วนตัว ไม่อยากให้คุณเข้าไปยุ่งเกี่ยว เป็นต้น
7. ทำตัวให้ดูวุ่นวาย
ในทางกลับกันก็อาจจะเป็นตัวคุณเองที่ไม่อยากจะให้เข้ามายุ่งเกี่ยว ก็เลยทำตัวให้ดูวุ่นวายเข้าไว้ โดยการใส่กิจกรรมเข้าไปในตารางชีวิตประจำจนแน่นเอียด แม้แทบไม่มีเวลาพักก็ยอม จะได้ไม่มีเวลาให้กับอีกฝ่าย ขณะเดียวกันอีกฝ่ายก็ไม่สามารถเรียกร้องอะไรจากคุณได้ เพราะเห็น ๆ กันอยู่ว่ายุ่งจนไม่มีเวลาไปหา
8. ไม่เคยพาไปเจอเพื่อนและครอบครัว
ที่สำคัญ คือ หากอีกฝ่ายมีความจริงใจที่จะคบหากันจริง ๆ ก็ควรจะพาไปเจอเพื่อนและครอบครัวบ้าง อย่างน้อยสัก 1-2 ครั้งก็ยังดี แต่ในทางกลับกันหากไม่เคยทำอย่างที่ว่ามา ก็สามารถสรุปได้ 2 อย่าง คือ รอศึกษานิสัยกันให้แน่ใจแล้วค่อยพาไปพบ หรือไม่ได้คิดแบบนั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้วก็เลยไม่ทำ ซึ่งถ้าเป็นแบบหลังก็ไม่ต้องคิดมากแล้ว เลิกเลยน่าจะดีกว่า
ใช่ว่าคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตจะเป็นคนที่จะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตทั้งหมด ก็ต้องมีผิดบ้างพลาดบ้าง และเจอกับความเจ็บปวดเป็นธรรมดา แต่จะเจ็บมาก เจ็บนาน หรือเจ็บน้อย มันก็ขึ้นอยู่กับคุณเอง ที่สำคัญหากเห็นสัญญาณเหล่านี้ปรากฏอยู่รำไร ก็เตรียมหัวใจเอาไว้รับมือกับความผิดหวังบ้างก็ดี จะได้ไม่คิดสั้นหรือทำอะไรที่ทำให้ตัวเองต้องเสียใจภายหลัง เพราะอารมณ์ชั่ววูบ