สาว ๆ จำนวนไม่น้อยที่ยอมสารภาพว่า ไม่สามารถออกจากบ้านได้โดยไม่แต่งหน้าได้ หรือแม้กระทั่งอยู่ในบ้านก็ขอให้ได้แต่งหน้าสักนิดสักหน่อยเพื่อสร้างความมั่นใจ
ซึ่งไม่อาจปฏิเสธได้ว่าการแต่งหน้านั้นทำให้ภายนอกดูดีก็จริง
แต่รู้หรือไม่ว่าการแต่งหน้าเป็นการทำร้ายร่างกายโดยที่คุณไม่รู้ตัว
ในทางกลับกันการไม่แต่งหน้ายังทำให้คุณดูดีมากกว่าเสียอีก
ถ้าอยากรู้ว่าการไม่แต่งหน้าส่งผลดีกับคุณอย่างไร ก็ตามไปดูกันเลยกับ 10 ข้อดีของการไม่แต่งหน้า ที่สาว ๆ คาดไม่ถึง
1. ช่วยฟื้นฟูสุขภาพผิว
เครื่องสำอางไม่ได้ช่วยให้สุขภาพผิวหน้าดีขึ้น เว้นเสียแต่ถ้าดูจากเฉพาะภายนอก แต่สำหรับผิวภายใน เครื่องสำอางเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ใบหน้ามีรอยเหี่ยวย่นและดูแก่กว่าวัย ฉะนั้นหากพักการแต่งหน้าไว้บ้าง นอกจากจะช่วยรักษาความชุ่มชื่นบนผิวหน้าเอาไว้ได้แล้ว ยังลดโอกาสในการเกิดรอยด่างดำ ผิวหมองคล้ำ พร้อมทั้งช่วยฟื้นบำรุงผิวหน้าให้กลับมามีสุขภาพดี เปล่งปลั่งสดใส ได้ดีกว่าเครื่องสำอางชนิดใด ๆ อีกด้วย
2. ประหยัดเวลา
การแต่งหน้ายังทำให้เสียเวลาไปมากมาย แต่ถ้าหากสามารถข้ามขั้นตอนนี้ไปได้ก็จะเหลือเวลาสำหรับสร้างความสุขให้กับชีวิตอีกมากเลยทีเดียว อีกทั้งหลังจากกลับถึงบ้านก็ยังมีเวลาพักผ่อนอีกมากเพื่อเตรียมตัวเข้านอน โดยไม่ต้องเสียเวลาสาละวนอยู่กับการล้างเครื่องสำอางเหมือนตอนที่แต่งหน้าออกจากบ้านเป็นประจำด้วย
3. สนุกกับทุกช่วงเวลาได้อย่างเต็มที่
การแต่งหน้าไม่เคยเสร็จสิ้นภายในครั้งเดียว เพราะต้องคอยเช็กความเรียบร้อยอยู่เสมอ เหมือนภาระอย่างหนึ่งที่ต้องคอยดูแลไปตลอดเวลาที่เครื่องสำอางถูกแต่งแต้มลงบนใบหน้า ไม่ว่าจะเดินทางไปไหนมาไหนก็ตาม ซึ่งสาวๆ จะรู้สึกเป็นอิสระและสนุกสนานกับกิจกรรมที่ทำได้มากกว่า เมื่อไม่ต้องคอยเช็กเครื่องสำอางเป็นประจำ
4. ช่วยเรียกความมั่นใจกลับคืนมา
การแต่งหน้าเป็นส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความไม่มั่นใจในตัวเอง ก็เลยต้องเติมแต่งเครื่องสำอางเพื่อเป็นเกราะป้องกันความสวยงามของใบหน้า ซึ่งหากทำบ่อย ๆ ความมั่นใจในตัวเองก็จะลดลงไปโดยปริยาย ในทางกลับกันหากสามารถออกจากบ้านแบบใบหน้าเปลือยเปล่า ไร้เครื่องสำอางได้ ก็จะค่อย ๆ เพิ่มและเรียกความมั่นใจให้กลับมาได้อีกครั้ง
5. เพิ่มเสน่ห์ความเป็นหญิง
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วว่าผู้ชายส่วนใหญ่ให้ความสนใจผู้หญิงที่ไม่แต่งหน้ามากกว่า อีกทั้งหากเจอกับผู้ชายที่สามารถบอกรักและสวมแหวนแต่งงานให้ได้ แม้ว่าตลอดระยะเวลาที่คบกับเขาแทบไม่ได้เห็นเครื่องสำอางเลยอยู่บนใบหน้าคุณเลยก็ตาม จึงทำให้สบายใจได้ว่า เขารักคุณจากตัวตนจริง ๆ ไม่ได้หลงรักสิ่งที่คุณเติมแต่งเพื่อความสวยงามจากภายนอก
6. ลดผลข้างเคียงที่เกิดจากสารเคมี
แม้เครื่องสำอางหลายตัวจะบอกไว้ว่าไม่เป็นอันตรายกับผิวหน้า แต่อย่างไรก็ตามเครื่องสำอางเหล่านั้นก็ยังมีส่วนผสมของเคมีอยู่ดี ไม่ว่าสารเคมีที่นำมาผสมจะมากหรือน้อย ทุกตัวก็ล้วนมีผลข้างเคียงเสมอ ซึ่งอาจไม่เห็นผลทันทีที่ใช้ แต่สามารถสังเกตความเปลี่ยนแปลงได้เมื่อใช้ไปนาน ๆ หลังจากปริมาณเคมีสะสมมากพอที่จะแสดงอาการออกมา
7. เพิ่มการสร้างวิตามินดี
สาว ๆ คงทราบกันดีอยู่แล้วว่า ผิวสามารถสังเคราะห์วิตามินดีได้จากแสงแดด แต่อาจจะลืมไปว่าเครื่องสำอางเป็นตัวการอย่างหนึ่งที่ขัดขวางการสร้างวิตามินดีให้กับร่างกาย ดังนั้นคงจะดีกว่าหากออกไปรับแสงแดดแบบไม่มีเครื่องสำอาง เพื่อเผยผิวให้รับแสงแดดได้อย่างเต็มที่ พร้อมกันนี้ยังช่วยให้กระดูกแข็งแรงด้วย
8. ลดโอกาสการเกิดภูมิแพ้
เครื่องสำอางประกอบไปด้วยส่วนผสมมากมาย ซึ่งในบรรดาส่วนผสมเหล่านั้นอาจมีบางส่วนประกอบที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ โดยเฉพาะสาว ๆ ที่มีผิวแพ้ง่าย ซึ่งสามารถเห็นได้ชัดหลังการใช้ ในขณะที่บางส่วนก็ค่อย ๆ สะสมจนกลายเป็นโรคภูมิแพ้แบบไม่ทันตั้งตัว ซึ่งคงไม่ดีเท่าไรนักหากต้องเสียเงินซื้อเครื่องสำอางแล้วยังต้องมาเสียค่ารักษาพยาบาลตัวเองอีก
9. ลดจำนวนการทรมานสัตว์
เครื่องสำอางบางชนิดแม้จะไม่ได้ถูกทดลองกับสัตว์ แต่ก็ยังมีส่วนผสมบางตัวที่นำมาจากสัตว์อยู่ดี ดังนั้นการงดใช้เครื่องสำอางจึงกลายมาเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง สำหรับคนที่อยากเป็นเพื่อนกับสัตว์ทั้งโลก และอยากให้สัตว์ทุกตัวอยู่ดีมีความสุข อีกทั้งวิธีนี้ยังเป็นการทำบุญทางอ้อมด้วย
10. เพิ่มเงินออมในธนาคาร
หากนำค่าใช้จ่ายที่เสียไปกับเครื่องสำอางมาเฉลี่ยแล้วจะตกอยู่ที่คนละ 300 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 9,000 บาทต่อปี ซึ่งเงินจำนวนนี้ก็มากพอที่จะนำไปทำอะไรได้อีกมากเลยทีเดียว อย่างน้อย ๆ ก็สามารถเดินทางไปผักผ่อนต่างจังหวัดได้สักที่สองที่ หรือใช้เงินส่วนนี้ไปเปลี่ยนชีวิตด้านอื่น ๆ ให้ดีขึ้นที่มีประโยชน์มากกว่าการแต่งหน้า
ความจริงแล้วการแต่งหน้าไม่ใช่สิ่งจำเป็นชนิดที่ขาดไม่ได้
แต่ที่หลายคนให้ความสำคัญกับมันมากก็อาจเป็นเพราะสิ่งแวดล้อม นิสัย
และความรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง
ก็เลยใช้เครื่องสำอางมาช่วยเสริมสร้างความมั่นใจนั่นเอง
หลังจากนี้ก็มีวันที่ไม่แต่งหน้าดูบ้าง ทำติดต่อกันให้นานและบ่อยที่สุด
แล้วคุณจะพบกับผลลัพธ์ที่แตกต่างกับตัวเอง
ซึ่งเชื่อว่าจะต้องพอใจกับความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้อย่างแน่นอน
1. ช่วยฟื้นฟูสุขภาพผิว
เครื่องสำอางไม่ได้ช่วยให้สุขภาพผิวหน้าดีขึ้น เว้นเสียแต่ถ้าดูจากเฉพาะภายนอก แต่สำหรับผิวภายใน เครื่องสำอางเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ใบหน้ามีรอยเหี่ยวย่นและดูแก่กว่าวัย ฉะนั้นหากพักการแต่งหน้าไว้บ้าง นอกจากจะช่วยรักษาความชุ่มชื่นบนผิวหน้าเอาไว้ได้แล้ว ยังลดโอกาสในการเกิดรอยด่างดำ ผิวหมองคล้ำ พร้อมทั้งช่วยฟื้นบำรุงผิวหน้าให้กลับมามีสุขภาพดี เปล่งปลั่งสดใส ได้ดีกว่าเครื่องสำอางชนิดใด ๆ อีกด้วย
การแต่งหน้ายังทำให้เสียเวลาไปมากมาย แต่ถ้าหากสามารถข้ามขั้นตอนนี้ไปได้ก็จะเหลือเวลาสำหรับสร้างความสุขให้กับชีวิตอีกมากเลยทีเดียว อีกทั้งหลังจากกลับถึงบ้านก็ยังมีเวลาพักผ่อนอีกมากเพื่อเตรียมตัวเข้านอน โดยไม่ต้องเสียเวลาสาละวนอยู่กับการล้างเครื่องสำอางเหมือนตอนที่แต่งหน้าออกจากบ้านเป็นประจำด้วย
การแต่งหน้าไม่เคยเสร็จสิ้นภายในครั้งเดียว เพราะต้องคอยเช็กความเรียบร้อยอยู่เสมอ เหมือนภาระอย่างหนึ่งที่ต้องคอยดูแลไปตลอดเวลาที่เครื่องสำอางถูกแต่งแต้มลงบนใบหน้า ไม่ว่าจะเดินทางไปไหนมาไหนก็ตาม ซึ่งสาวๆ จะรู้สึกเป็นอิสระและสนุกสนานกับกิจกรรมที่ทำได้มากกว่า เมื่อไม่ต้องคอยเช็กเครื่องสำอางเป็นประจำ
การแต่งหน้าเป็นส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความไม่มั่นใจในตัวเอง ก็เลยต้องเติมแต่งเครื่องสำอางเพื่อเป็นเกราะป้องกันความสวยงามของใบหน้า ซึ่งหากทำบ่อย ๆ ความมั่นใจในตัวเองก็จะลดลงไปโดยปริยาย ในทางกลับกันหากสามารถออกจากบ้านแบบใบหน้าเปลือยเปล่า ไร้เครื่องสำอางได้ ก็จะค่อย ๆ เพิ่มและเรียกความมั่นใจให้กลับมาได้อีกครั้ง
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วว่าผู้ชายส่วนใหญ่ให้ความสนใจผู้หญิงที่ไม่แต่งหน้ามากกว่า อีกทั้งหากเจอกับผู้ชายที่สามารถบอกรักและสวมแหวนแต่งงานให้ได้ แม้ว่าตลอดระยะเวลาที่คบกับเขาแทบไม่ได้เห็นเครื่องสำอางเลยอยู่บนใบหน้าคุณเลยก็ตาม จึงทำให้สบายใจได้ว่า เขารักคุณจากตัวตนจริง ๆ ไม่ได้หลงรักสิ่งที่คุณเติมแต่งเพื่อความสวยงามจากภายนอก
แม้เครื่องสำอางหลายตัวจะบอกไว้ว่าไม่เป็นอันตรายกับผิวหน้า แต่อย่างไรก็ตามเครื่องสำอางเหล่านั้นก็ยังมีส่วนผสมของเคมีอยู่ดี ไม่ว่าสารเคมีที่นำมาผสมจะมากหรือน้อย ทุกตัวก็ล้วนมีผลข้างเคียงเสมอ ซึ่งอาจไม่เห็นผลทันทีที่ใช้ แต่สามารถสังเกตความเปลี่ยนแปลงได้เมื่อใช้ไปนาน ๆ หลังจากปริมาณเคมีสะสมมากพอที่จะแสดงอาการออกมา
สาว ๆ คงทราบกันดีอยู่แล้วว่า ผิวสามารถสังเคราะห์วิตามินดีได้จากแสงแดด แต่อาจจะลืมไปว่าเครื่องสำอางเป็นตัวการอย่างหนึ่งที่ขัดขวางการสร้างวิตามินดีให้กับร่างกาย ดังนั้นคงจะดีกว่าหากออกไปรับแสงแดดแบบไม่มีเครื่องสำอาง เพื่อเผยผิวให้รับแสงแดดได้อย่างเต็มที่ พร้อมกันนี้ยังช่วยให้กระดูกแข็งแรงด้วย
เครื่องสำอางประกอบไปด้วยส่วนผสมมากมาย ซึ่งในบรรดาส่วนผสมเหล่านั้นอาจมีบางส่วนประกอบที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ โดยเฉพาะสาว ๆ ที่มีผิวแพ้ง่าย ซึ่งสามารถเห็นได้ชัดหลังการใช้ ในขณะที่บางส่วนก็ค่อย ๆ สะสมจนกลายเป็นโรคภูมิแพ้แบบไม่ทันตั้งตัว ซึ่งคงไม่ดีเท่าไรนักหากต้องเสียเงินซื้อเครื่องสำอางแล้วยังต้องมาเสียค่ารักษาพยาบาลตัวเองอีก
เครื่องสำอางบางชนิดแม้จะไม่ได้ถูกทดลองกับสัตว์ แต่ก็ยังมีส่วนผสมบางตัวที่นำมาจากสัตว์อยู่ดี ดังนั้นการงดใช้เครื่องสำอางจึงกลายมาเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง สำหรับคนที่อยากเป็นเพื่อนกับสัตว์ทั้งโลก และอยากให้สัตว์ทุกตัวอยู่ดีมีความสุข อีกทั้งวิธีนี้ยังเป็นการทำบุญทางอ้อมด้วย
หากนำค่าใช้จ่ายที่เสียไปกับเครื่องสำอางมาเฉลี่ยแล้วจะตกอยู่ที่คนละ 300 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 9,000 บาทต่อปี ซึ่งเงินจำนวนนี้ก็มากพอที่จะนำไปทำอะไรได้อีกมากเลยทีเดียว อย่างน้อย ๆ ก็สามารถเดินทางไปผักผ่อนต่างจังหวัดได้สักที่สองที่ หรือใช้เงินส่วนนี้ไปเปลี่ยนชีวิตด้านอื่น ๆ ให้ดีขึ้นที่มีประโยชน์มากกว่าการแต่งหน้า