เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
เมื่อคน 2 คน ตกลงที่จะแต่งงานกัน พวกเขามักจะมองว่าการแต่งงานจะทำให้ความรักดีขึ้น มีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกว่าเดิม พร้อมทั้งมีชีวิตที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน และรอคอยมันอย่างตื่นเต้น ในความจริงแล้วชีวิตหลังแต่งงานจะเป็นอย่างที่คาดหวังไว้หรือไม่นั้น มันก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของตัวเอง หากพบว่าชีวิตคู่ไม่ราบรื่นหรือไม่มีความสุขอย่างที่ฝัน ก็เป็นไปได้ว่าคุณอาจจะกำลังเห็นแก่ตัวอยู่ก็เป็นได้ โดยสังเกตได้จากการกระทำต่อไปนี้
1. โยนปัญหาให้สามีรับผิดชอบ
สามีก็มีวันที่ทำให้เขาต้องเผชิญกับปัญหา เหนื่อยล้า ขี้เกียจ และเครียดบ้างเป็นบางวันเหมือนกับคุณ ฉะนั้น ไม่ควรโยนปัญหาไปให้เขาแก้ไขทั้งหมด เรื่องไหนที่สามารถแก้ไขได้เองก็ควรทำด้วยตัวเองแล้วปล่อยให้เขาได้พักผ่อน หรือเป็นฝ่ายที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจบ้าง อย่าเห็นแก่ตัวโดยการทำตัวอ่อนแอ ร้องขอความช่วยเหลือจากเขาฝ่ายเดียว
2. รับแต่ไม่เคยคิดจะให้
เมื่อเริ่มเดินทางเข้าสู่ชีวิตคู่นอกจากการเป็นผู้รับแล้ว ก็ควรทำตัวเป็นผู้ให้ด้วย ซึ่งการให้ในที่นี่ไม่ใช่แค่สิ่งของเท่านั้น แต่รวมไปถึงความรู้สึก ความเข้าใจ ความเอาใจใส่ และอื่น ๆ ที่สำคัญกับชีวิตคู่ ไม่ใช่ทำตัวเป็นผู้รับอยู่ฝ่ายเดียว เพราะไม่อย่างนั้นคุณจะกลายเป็นคนที่เห็นแก่ตัวในทันที พร้อมกันนี้ยังทำให้ชีวิตคู่ไม่เป็นอย่างที่หวังด้วย
3. ไม่ฟังข้อเรียกร้องของสามี
เราทุกคนต่างก็อยากให้สิ่งที่เราต้องการกลายเป็นความจริง แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ต้องใช้ชีวิตร่วมกับสามีก็ควรจะรับฟังและทำตามข้อเรียกร้องจากเขาบ้าง หรือไม่ก็หาข้อสรุปที่เหมาะสมกับทั้ง 2 ฝ่าย เพราะหากคุณเอาแต่ใจ คิดจะให้เขาทำตามความต้องการคุณฝ่ายเดียว และยึดมั่นถือมั่นในความคิดของตัวเองเกินไป เชื่อว่าความเห็นแก่ตัวของคุณจะทำให้ชีวิตคู่อยู่ไม่เป็นสุขอย่างแน่นอน
4. คิดถึงสิทธิของตัวเองก่อนเสมอ
เมื่อไรก็ตามที่คุณคิดถึงสิทธิของตัวเองควรจะได้รับก่อนสามี แทนที่จะคิดถึงสิทธิความเท่าเทียมกัน ก็ไม่ต่างอะไรจากคนเห็นแก่ตัว หากไม่อยากโดนกล่าวหาว่าเป็นคนเช่นนั้น ก็ควรยกสิทธิส่วนตัวไว้เป็นเรื่องรอง แล้วหันไปสนใจสิทธิที่ทั้ง 2 คน จะได้รับร่วมกันดีกว่า ซึ่งนอกจากจะไม่มีใครเสียเปรียบได้เปรียบแล้ว ยังทำให้ชีวิตคู่มีความสุขขึ้นมากกว่าเดิมด้วย
5. ตัวเองทำได้แต่สามีห้ามทำ
อีกหนึ่งปัญหาที่หลายคนเจอเลย ก็คือ อีกฝ่ายหนึ่งทำได้แต่กลับห้ามไม่ให้อีกฝ่ายทำ อย่างเช่น ตัวเองสามารถออกไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ ได้ แต่ไม่ยอมให้อีกฝ่ายทำ หรือหากทำก็ต้องมีเงื่อนไขมากะเกณฑ์ การทำแบบนี้นอกจากจะไม่ยุติธรรมกับสามีแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงความเห็นแก่ตัวของคุณด้วย ควรหยุดนิสัยแบบนี้เสียหากไม่อยากให้ชีวิตคู่มีปัญหา
6. ข่มขู่เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ
หลังจากที่มีปากมีเสียงกัน ผู้หญิงหลายคนมักจะนำข้อผิดพลาดของสามีมาเป็นข้ออ้าง พร้อมบังคับให้ทำตามที่ตัวเองต้องการ แล้วข่มขู่ว่าจะทำอย่างโน้นอย่างนี้หากไม่ได้อย่างใจ อย่างเช่น หากไม่กลับบ้านภายในเวลาที่กำหนดจะขอหย่า ซึ่งสำหรับคุณแล้วอาจเห็นเป็นเรื่องดี ทั้งที่จริงกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความเห็นแก่ตัวของคุณด้วย
7. ไม่เคยเข้าใจความรู้สึกกันเลย
ชีวิตหลังแต่งงานจะกลายเป็นเรื่องยากและหาความสุขไม่ได้อีกเลย ถ้าหากคุณไม่คิดจะทำความเข้าใจ ไม่ใส่ใจ หรือดูถูกความคิดความรู้สึกของสามี หวังแต่เพียงว่าเมื่อคุณพูดอะไรออกไปแล้วต้องการให้สามีเข้าใจความคิดความรู้สึกของตัวเองอยู่ฝ่ายเดียว ซึ่งยังไม่สายไปนักหากสามียังให้โอกาสคุณในการทำความเข้าใจความคิดความรู้สึกของเขาบ้าง
8. สนใจแต่เรื่องของตัวเอง
หากคุณมีสิ่งที่สนใจและรักมันมาก ๆ อีกทั้งสามีก็ยังรู้สึกยินดี มีความสุข พร้อมร่วมตื่นเต้นไปกับคุณทุกครั้ง ในกรณีแบบนี้คุณก็ควรจะเรียนรู้การเคารพสิทธิและร่วมสนุกไปกับสิ่งที่สามีให้ความสนใจด้วยเช่นเดียวกัน ไม่ใช่เอาแต่สนใจเรื่องของตัวเอง พอเป็นเรื่องของสามีบ้างก็หาว่าไร้สาระ มองข้ามไป หรือไม่ใส่ใจ เพราะการกระทำเหล่านี้ถือว่าเป็นการกระทำของคนที่เห็นแก่ตัวอย่างมาก
9. ใช้จ่ายเงินโดยไม่ยั้งคิด
คุณประหยัดเงินทุกบาททุกสตางค์ที่หามาได้ และใช้มันอย่างระมัดระวังก็ไม่ใช่เรื่องผิดแปลก เพราะทุกคนก็รู้กันดีกันอยู่แล้วว่า เงินทองเป็นสิ่งหายาก ค่อนข้างลำบากกว่าจะได้มาสักบาทสักสตางค์ แต่คุณจะกลายเป็นคนที่เห็นแก่ตัวทันทีหากใช้จ่ายเงินที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของสามีอย่างฟุ่มเฟือย โดยเฉพาะคนที่จ่ายเพื่อความสุขของตัวเองเพียงฝ่ายเดียว
ความเห็นแก่ตัว...เป็นอุปสรรคใหญ่สำหรับชีวิตแต่งงานมากเลยทีเดียว เพราะนอกจากจะทำให้ไม่มีความสุขแล้ว ยังนำความสัมพันธ์ไปสู่อนาคตที่มืดหม่นและเปราะบางด้วย ซึ่งถ้าหากสามารถกำจัดความเห็นแก่ตัวได้ จะพบกับเรื่องเซอร์ไพรส์อย่างที่คาดไม่ถึงเชียวล่ะ อีกทั้งยังพาเรื่องดี ๆ มาสู่ชีวิตคู่อย่างที่คาดไม่ถึงด้วย