วัยรุ่นไทยฟังทางนี้ ดูดีได้ไม่ต้องใช้แบรนด์เนม (คมชัดลึก)
เดี๋ยวนี้มองไปทางไหนก็เห็นแต่คนใช้ของแบรนด์ดัง ๆ กันทั้งบ้านทั้งเมือง ไม่ว่าจะเป็นของจริงหรือก๊อบปี้ ที่ขอให้ได้พกได้เหน็บ ก็ดูดีขึ้นทันตา นี่อาจจะเป็นความคิดที่ดูดีสำหรับคนมีทุนทรัพย์ ทว่าผิดถนัดกับคนที่มีอาการแปรปรวนทางการเงินบ่อย ๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แบรนด์เนมจะเป็นทางออกของความสวยอย่างมีสไตล์ได้จริงหรือไม่ เหล่าเซเลบริตี้หลากอาชีพมีคำตอบมาฝาก!!
เริ่มต้นความคิดเห็นดี ๆ ด้วยหญิงสาวที่ได้ชื่อว่ามีมันสมองเป็นเลิศ "หนูดี" วนิษา เรซ ซึ่งกล่าวถึงค่านิยมการใช้ของแบรนด์เนมเฉพาะตัวว่า ในเวลานี้จะมีกฎกับตัวเองให้ใช้ของแบรนด์เนมให้น้อยที่สุด และหากจำเป็นต้องใส่จริง ๆ ก็จะพยายามไม่ให้รู้ว่าเป็นของแบรนด์เนม เนื่องจากเมื่อกลางปีที่ผ่านมาได้ไปเรียนแฟชั่นดีไซน์ที่ปารีส ในคอร์ส "อิมเมจ คอนเซาแทนท์" (Image Consultant) ซึ่งเป็นหลักสูตรที่สอนให้คนเลือกซื้อของและแต่งตัวให้ดูดีในแต่ละฤดูกาลภายใต้งบประมาณที่จำกัด เช่น มีเงินให้ 2 แสนบาท แล้วให้เนรมิตตู้เสื้อผ้าใหม่ทั้งหมด โดยคนเก่งที่สุดคือ คนที่เลือกใช้ของแบรนด์เนมน้อยที่สุด เพราะนั่นแสดงให้เห็นถึงฝีมือของนักออกแบบจริง ๆ
"อันที่จริงก็เข้าใจและเห็นใจน้อง ๆ วัยรุ่น เพราะถือเป็นวัยที่กำลังค้นหาและสร้างความเป็นตัวเอง ขณะที่การเลือกใช้ของแบรนด์เนมนั้น ถือเป็นวิธีการง่ายที่สุดที่จะทำให้ตัวเองดูดีได้ แต่สิ่งสำคัญคือ เราควรถามตัวเองเสมอว่าสังคมที่เราอยู่นั้นเหมาะสมกับตัวเองหรือไม่ หากต้องเข้าไปอยู่ในสังคมที่ใช้แต่ของแบรนด์เนมโดยที่ไม่ได้มีกำลังซื้อเหมือนคนอื่น ๆ จนทำให้รู้สึกกดดัน ก็ควรถอยออกมาแล้วมองหาสังคมที่เหมาะกับตัวเรา ก็คงทำให้มีความสุขมากกว่า เพราะคนจะประสบความสำเร็จใหญ่หลวงได้ไม่จำเป็นต้องตามกระแส" หนูดี กล่าว
ต่อด้วยอดีตนางสาวไทยจากรั้วธรรมศาสตร์ "หมิง" ชาลิสา บุญครองทรัพย์ กล่าวว่า เด็กไทยทุกวันนี้มีความต้องการอยากใช้ของแบรนด์เนมมากขึ้น ซึ่งในความเป็นจริงไม่ว่าคนรวยหรือจนไม่จำเป็นต้องใช้ของแบรนด์เนมก็ได้ เพียงแต่ต้องรู้จักคิด รู้จักใช้จ่ายอย่างพอเพียง และไม่อยากได้ในสิ่งที่ตัวเองเอื้อมไม่ถึงหรือไกลตัวเกินไป เพราะทำให้มีความสุขมากกว่าดิ้นรนไขว่คว้าให้ได้ในสิ่งที่เป็นเพียงความสุขนอกกาย
"แม้ของแบรนด์เนมนั้น มีข้อดีตรงที่สามารถใช้ได้ในระยะยาว ไม่พังหรือขาดง่าย แต่ต้องนึกถึงงบประมาณว่าเพียงพอกับเราหรือไม่ ยิ่งในปัจจุบันนี้วัยรุ่นบางคนถึงกับต้องยอมขายตัวเพื่อแลกกับการได้ใช้ของแบรนด์เนม ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะเหมือนเป็นการไม่เคารพศักดิ์ศรีของตัวเอง ทำไมเราต้องยอมทำลายความเป็นตัวตนของเราเพื่อแลกกับสิ่งของที่มันนอกกายด้วย จริงอยู่ที่กระแสสังคมตอนนี้มีแฟชั่นต่าง ๆ มากมายคอยให้วัยรุ่นวิ่งตามอยู่เสมอ แต่เราควรหันมามองย้อนดูที่ตัวเองด้วยว่าเราอยู่ในฐานะที่จะวิ่งตามมันหรือเปล่า" อดีตนางสาวไทย กล่าว
ปิดท้ายด้วยแฟชั่นนิสต์เจ้าของห้องเสื้อดัง "ไข่ บูติก" สมชาย แก้วทอง ที่ให้ความเห็นถึงความนิยมใช้ของแบรนด์เนมว่า การเลือกใช้ทั้งของจริงและของปลอมถือเป็นการบริโภคที่ไม่ผิด แต่อย่าลืมว่านิยามของแฟชั่น คือ การเข้ามาแล้วก็เปลี่ยนไป ดังนั้น การแต่งตัวให้มีสไตล์เป็นของตัวเองคือสิ่งที่สำคัญกว่า บางคนก็ดูดีทั้งเสื้อผ้าหน้าผมจนเราก็ไม่ได้สังเกตว่าเขาแต่งแบรนด์อะไร ของจริงหรือของปลอม นั่นเป็นเพราะเขามีสไตล์ที่ดูเด่นกว่าของแบรนด์เนม
"การเลือกของแบรนด์เนมอย่าเลือกตามแฟชั่นอย่างเดียว ต้องศึกษาของชิ้นนั้นว่ามีคุณค่าอะไรบ้าง เช่น มีคุณภาพ ทำด้วยมือเป็นของที่เลียนแบบไม่ได้ สมราคาหรือไม่ ในอนาคตจะมีราคามากขึ้นแค่ไหน เพราะการซื้อของพวกนี้ก็เหมือนซื้อภาพเขียนที่มีคุณค่า ส่วนคนที่ไม่มีทุนทรัพย์ก็สามารถหาทางออกด้วยแฟชั่นแนวอื่นที่ไม่ต้องพึ่งของแพง แต่หากสามารถแต่งตัวให้เป็นตัวของตัวเองได้ ไม่ว่าจะซื้อเสื้อผ้าก๊อบปี้ตัวละ 199 บาทมาใส่ ก็สามารถดูดีได้เหมือนกับคนใส่เสื้อตัวเป็นแสน ๆ" เจ้าของห้องเสื้อดัง กล่าว
เป็นอันว่าแค่เลือกของที่ใช่แล้วดูสวยสบายทั้งตัวและกระเป๋าตังค์ ก็สามารถดูดีได้ทั้งภายในและภายนอกแบบไม่รู้ตัวเลยทีเดียว
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
