กิ๊ฟซ่า ปิยา ย้อนความลับ Girly Berry รับผู้หญิงอยู่ด้วยกันก็มีทะเลาะกันบ่อย มีชอตกรี๊ดแตก เหวี่ยงกันทั้งวง แย้มเรื่องหัวใจคบแฟนมา 13 ปี ในยุค 90 ไม่มีใครที่ไม่รู้จัก 4 สาวสุดเซ็กซี่ วง Girly Berry ที่นับว่าเป็นอีกวงที่ดังเป็นพลุแตกในยุคนั้นเลยก็ว่าได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปยุคสมัยก็ต้องเปลี่ยนแปลง ถึงทั้ง 4 สาวจะแยกวงวางไมค์ไปแล้วแต่ความผูกพันที่มีให้กันยังคงอยู่ ซึ่ง 1 ใน 4 สาว Girly Berry กิ๊ฟซ่า ปิยา ที่มาเยือนรายการ ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561 ได้เผยถึงที่มาที่ไปของชื่อ กิ๊ฟซ่า กิ๊บซี่ ที่ทำไมต้องใช้ชื่อนี้ พร้อมทั้งยังเปิดความลับยอมรับว่าในช่วงที่เป็นวง Girly Berry มีปัญหาทะเลาะกันบ่อย พร้อมแง้มเรื่องหัวใจและคำตอบเรื่องแต่งงาน กิ๊ฟซ่า : คือตอนแรกนะคะ ที่ตั้งวงคือมีกิ๊ฟ 2 คน ตอนที่เราเป็นศิลปินฝึกหัดเราก็เริ่มคุยกันแล้วว่าชื่อซ้ำกัน 2 คน ออกเทปไป (เพราะสมัยก่อนเป็นเทป) เขาจะเรียกจะจำเรายังไง ตอนแรกก็จะให้เรียกว่า กิ๊ฟ กิ๊ฟ คือไม่ได้ ทางค่ายก็เลยจะไปคิดให้ แล้ววันที่ถ่ายปกทุกอย่างแล้วเขาก็บอกเราว่าเธอคนนี้คือ กิ๊บซี่ และคนนี้คือ กิ๊ฟซ่า ซึ่งตอนแรกเราไม่ชินเลยเพราะเราเขิน เวลามีคนเรียกเราก็ไม่ชินก็เขิน อย่างเวลาที่เราไปมหาวิทยาลัยเพื่อน ๆ จะเรียกเราว่า กิ๊ฟ ปิยา พอรู้ว่าเราชื่อนี้ก็จะบอกเราว่า กิ๊ฟซ่า เหรอ !! ซ่ามากไหม ถามว่าถ้าย้อนกลับไปในตอนนั้นเราซ่ามากไหม เราไม่ซ่า แต่เราห้าว ๆ เพราะด้วยความที่เราเรียนโรงเรียนหญิงมาก็จะเป็นสังคมผู้หญิง และด้วยความที่เป็นผู้หญิงหมดเลยเราก็เลยรู้สึกว่าเราต้องสตรอง เราก็เลยทำตัวห้าวที่สุด แบบไม่ยอมใคร เพราะฉันไม่ใช่สายหวาน กิ๊ฟซ่า : สมัยที่เป็นศิลปินฝึกหัดมาแรก ๆ ตอนแรก ๆ ก็เหมือนมีมิตรไมตรีต่อกัน แต่พอเริ่มอยู่ด้วยกันไปนาน ๆ ทำงานด้วยกัน คือส่วนใหญ่จะมาเจอกันตอนที่ทำงานเท่านั้น ตอนทำงานแรก ๆ ก็โอเค จนพอเริ่มมีชื่อเสียงอันนี้ยาก เพราะว่าแต่ละคนก็จะมีจุดของตัวเอง มีอารมณ์ของตัวเอง ก็จะทะเลาะกันเรื่องงานบ่อย บางทีก็งอนกัน แต่แค่เรื่องงานนะคะ เพราะว่าพอจบเรื่องงานแล้วเป็นเรื่องส่วนตัวเราก็จะไม่ทะเลาะกัน แล้วเราก็จะเป็นเพื่อน แล้วตอนที่เรามีค่ายเราก็มีคนตรงกลางคอยสรุปให้ ซึ่งเรื่องที่ทะเลาะกันไม่มีอะไรเลย แค่เรื่องจะร้องเพลงอะไร แล้วก็จะใส่ชุดอะไร คือ 4 คนจะมีอยู่ 1 คน คือ กิ๊บซี่ เพราะว่าเขาเป็นคนที่ชัดเจน ใช่คือใช่ ไม่คือไม่ เอาคือเอา ไม่เอาคือไม่เอา ส่วนตัวเราจะโอเค ดูภาพรวมเอาที่ทุกคนเหมาะสมแล้วดูดี ส่วนเบลล์ กับแนนซี่ เขาเป็นคนที่ยังไงก็ได้ แต่แนนซี่จะเป็นคนที่อยากร้องเพลงที่ตัวเองอยากจะร้อง เราก็จะสะกิดแล้วมีเหตุผลให้เขาว่าเราเป็นสายเต้น แล้วถ้าเราไปร้องเพลง หมอกและควัน เราจะไปเต้นยังไง ส่วนอย่างเรื่องชุด แต่ละคนก็อยากจะใส่ไม่เหมือนกัน กิ๊ฟซ่า : ใช่ค่ะ !! กรี๊ด …แล้วบอกว่าจบแค่นี้แหละ แล้วก็จบค่ะ ทุกครั้ง ซึ่งก็ไม่ได้กรี๊ดคนเดียวนะคะ ก็จะเวียนกันไป แต่อย่างแนนนี่ เขาจะไม่ค่อยพูด แต่จะเหวี่ยงด้วยท่าทาง แต่กิ๊บซี่จะเป็นคนที่กรี๊ดเยอะ กิ๊ฟซ่า : พอหลังจากที่เราหมดสัญญาแล้ว เราก็พยายามที่จะเข้ามาทางสายละคร เราก็พยายามที่จะหาจุดของตัวเองในการแสดง ซึ่งก็ใช้เวลานานอยู่เหมือนกัน ตั้ง 4 ปี ถึงจะอยู่ตัว ซึ่งตอนแรกต้องบอกว่าเราเคว้งมาก เพราะว่าตอนที่เราอยู่อาร์เอส เราเคยเล่นละครกับพี่บุ๋ม ตอนนั้นเราก็มีความรู้สึกว่าก็สนุกดี แต่ด้วยความที่เราไม่รู้ไง เพราะว่าเราก็รู้สึกว่าเราก็เรียนการแสดงมา แต่การแสดงที่เราเรียนมาคือละครเวที มันจะไม่เหมือนกับการแสดงในจอทีวี พอมีผู้ใหญ่มาว่ามาติทำให้เราค่อนข้างจุก เพราะเป็นผู้ใหญ่ที่เราค่อนข้างสนิท ตอนนั้นเราก็ตั้งใจมาก แล้วเราก็อยากทำให้มันดี เราก็พยายามทำการบ้าน แต่เราอาจจะทำไม่ถูกจุดหรือเราอาจจะตั้งใจมากเกินไป บวกกับที่เราเป็นนักร้องมานานแล้วมันก็ทำให้เราห่างจากการที่เราเรียนการแสดงมานาน แล้วบวกกับที่เราไม่ได้เวิร์กช้อป แล้วเรานั่งอยู่ในกองเราก็พูดกับพี่ผู้กำกับว่าถ้ามีอะไรติหนูได้เลยนะ คือบางทีหนูอาจจะห่างหายจากการแสดงมานานแล้วอาจจะเคาะสนิมหน่อย แล้วพี่เจี๊ยบ โสภิตนภา เขาเป็นผู้จัดแล้ว เขาก็พูดว่าต้องเคาะเยอะแหละ ด้วยความที่ปกติเรากับพี่เจี๊ยบก็สนิทกันอยู่แล้ว พี่เขาก็ติเพื่อให้เราปรับปรุง ให้เราได้รู้ว่าละครแต่ละเรื่องคาแรกเตอร์ของตัวละครมันต่างกันนะ และในส่วนของมุมกล้องเราก็ไม่ได้ชำนาญ หน้าเราไปบังคนอื่นที่เข้าฉากด้วยบ้างมันก็เป็นเรื่องเทคนิคในการแสดง แล้วในละครแต่ละเรื่องก็จะมีจังหวะเป็นของแต่ละเรื่องนั้น ถ้าเราเล่นแต่จังหวะของตัวเองไม่สนใจคนอื่น แต่ละครเขาเป็นอีกจังหวะหนึ่งมันไม่ใช่ พอเรามาไล่ดูก็เริ่มเข้าใจ เราก็ไปเวิร์กช้อปมากขึ้น พอเราจะไปเล่นกับผู้กำกับท่านไหนเราก็จะศึกษางานของเขาก่อน บทที่ได้มาเราก็พยายามทำการบ้านก่อน แล้วก็เอาไปขายเขาว่าเราเล่นประมาณนี้ได้ไหม ซึ่งพอหลังจากที่เราออกมาจากอาร์เอสก็ใช้เวลาอยู่หลายปีกว่าจะลงตัว มีผู้ใหญ่ให้โอกาสและเชื่อในความตั้งใจของเรา เราก็ต้องขอบคุณคำพูดของพี่เจี๊ยบในวันนั้นมาก ๆ เพราะไม่งั้นเราก็จะไม่ได้สำรวจตัวเองเลย เราก็จะคิดไปเองว่าทำได้ เพราะเราก็เป็นคนที่ตั้งใจทำจริงทุกอย่างในเรื่องของงาน แต่จะมีข้อเสียในตัวคือ จะคิดว่าไม่เห็นยากเลยฉันทำได้ หลังจากคำพูดนั้นเราก็ไม่มีความประมาทนั้นเลย เพราะเมื่อเราทำงานแล้วมันผ่านไปแล้วมันจะแก้ไขไม่ได้ กิ๊ฟซ่า : มีแฟน ๆ ค่ะ คนนี้คบกันมา 13 ปีแล้วค่ะ แต่ถามว่ามีคุยเรื่องการแต่งงานกันไหม ก็มีคุยกันบ้างค่ะ เราก็มีตอนแรก ๆ ช่วงที่คบกันมา 6-7 ปี เราก็คิดว่าเราจะแต่งช่วง 32 พอใกล้ ๆ ถึงเราก็คิดว่าหรือจะ 34 พอผ่าน 34 เราก็ยังไม่ได้คิดเลย แต่กิ๊ฟว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม แฟนเราเขารู้สึกมั่นคงเพียงพอแล้ว น่าจะมีข่าวดีค่ะ กิ๊ฟซ่า : เป็นสถานที่ออกกำลังกายของ เอมมี่ มรกต ค่ะ กิ๊ฟก็จะเป็นเทรนนิ่งที่นี่ค่ะ
แสดงความคิดเห็น