ทรงผมที่ทำร้ายเส้นผมมีมากกว่าที่คิด ทั้งรวบตึง หนีบ ดัด หรือฟอก ล้วนส่งผลให้ผมร่วง แห้งเสีย และแตกปลายได้ง่าย มาดูวิธีแก้และบำรุงให้ผมสุขภาพดีกันเถอะ เคยรู้สึกไหมว่าแม้จะบำรุงผมแค่ไหน ผมก็ยังแห้ง ชี้ฟู หรือหลุดร่วงอยู่ดี บางทีสาเหตุอาจไม่ได้มาจากแชมพูหรือทรีตเมนต์ที่ใช้ แต่เกิดจากทรงผมที่เราทำอยู่ทุกวันโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะเป็นการมัดผมรวบตึง หนีบผมด้วยความร้อน หรือฟอกสีผม ล้วนส่งผลเสียต่อสุขภาพเส้นผมทั้งนั้น วันนี้กระปุกดอทคอมจึงขอพาไปดูว่าทรงผมแบบไหนที่ควรระวัง พร้อมแนะนำวิธีดูแลเส้นผมให้ผมกลับมาสวยและสุขภาพดีอีกครั้ง หลายคนชอบทำผมตามแฟชั่น โดยไม่รู้ว่าทรงผมบางทรงอาจทำร้ายเส้นผม ทำให้ผมเสีย แตกปลาย หรือผมขาดหลุดร่วงง่ายกว่าปกติ ตามมาดูกันเลยว่าทรงผมที่ควรหลีกเลี่ยงมีอะไรบ้าง ทำผมแน่นจนเกินไป เช่น มัดรวบตึง มัดหางม้าสูง ๆ โดนัทบัน หรือถักเปียแน่น ๆ จะดึงรั้งหนังศีรษะและรากผม อาจทำให้หนังศีรษะอักเสบ และผมขาดหลุดร่วงบริเวณไรผมได้ การมัดผมตอนเปียกเป็นพฤติกรรมที่ทำร้ายเส้นผมโดยไม่รู้ตัว เพราะขณะผมเปียกจะอ่อนแอกว่าปกติ เสี่ยงต่อการขาดหลุดร่วงง่าย รวมถึงหนังศีรษะที่อับชื้นอาจเกิดการอักเสบและเกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้ ทรงผมที่ถักแน่นมาก ๆ จะดึงเส้นผมมากเกินไป ส่งผลให้เจ็บหนังศีรษะ รากผมอ่อนแอ จนเกิดผมบางตรงราก ความร้อนจากการหนีบ ยืด หรือดัดผม จะทำลายเคราตินในเส้นผม ทำให้ผมแห้ง แตกปลาย และชี้ฟูง่าย การใช้สารเคมีกับเส้นผมบ่อย ๆ เช่น การย้อมสี ฟอกสี อาจทำลายชั้นป้องกันผม ทำให้ผมแห้งกรอบ สีซีดจาง และขาดง่าย เลือกทำทรงผมที่ไม่ทำร้ายเส้นผม เช่น เปลี่ยนไปมัดผมหลวม ๆ แทนการรวบตึง ลดการใช้ความร้อนขณะหนีบ ยืด ดัด หรือใช้สเปรย์ป้องกันความร้อนก่อนจัดแต่งทรง หลีกเลี่ยงการย้อมหรือฟอกสีผม โดยเว้นระยะห่างให้เส้นผมได้ฟื้นฟู เล็มปลายผมที่แห้งเสีย ทุก 6-8 สัปดาห์ เพื่อป้องกันผมแตกปลาย ช่วยให้เส้นผมดูสุขภาพดีขึ้น ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม เช่น เซรั่ม ทรีตเมนต์ หรือครีมบำรุงผม ลดปัญหาผมร่วงและชี้ฟู แม้ทรงผมจะช่วยเสริมบุคลิกให้ดูดี แต่สุขภาพของผมก็สำคัญไม่แพ้กัน ดังนั้น สาว ๆ ควรเลือกดูแลผมอย่างเหมาะสม เพื่อช่วยป้องกันผมเสียและทำให้เส้นผมดูสวยอย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย 8 วิธีดูแลเส้นผม เคล็ดลับเพื่อผมตรงสวย ไม่ชี้ฟู ดูสุขภาพดี วิธีบำรุงเส้นผม 12 วิธีสุดเบสิก ทำง่าย ประหยัดเงิน แต่ได้ผมสวยสุขภาพดี วิธีสระผมที่ถูกต้อง ของเส้นผมแต่ละประเภท ควรสระบ่อยแค่ไหนถึงจะไม่ทำร้ายเส้นผม ขอบคุณข้อมูลจาก : aad.org, lifehack.org, brightside.me
แสดงความคิดเห็น