x close

ส้นเท้าแตก ทำอย่างไรดี จบปัญหากวนใจด้วยวิธีรักษาแบบง่าย ๆ แต่ได้ผลเร็ว

          ส้นเท้าแตก ทำอย่างไรดี ปัญหาสุดเซ็งสำหรับใครหลายคน โดยเฉพาะคุณสาว ๆ ที่มีปัญหาส้นเท้าแตกแห้งเป็นลายแทงทั้งหลาย รีบมารักษากันดีกว่าค่ะ อย่าปล่อยไว้จนลุกลาม เพราะจะทำให้คุณเสียบุคลิกอย่างมาก

ส้นเท้าแตก

          เท้าเป็นอวัยวะที่ถูกใช้งานตลอดแทบทั้งวัน ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงหลีกเลี่ยงปัญหาส้นเท้าแตกได้ยาก ซึ่งปัญหาส้นเท้าแตกนั้นมักจะพบบ่อยกับคนอ้วนเนื่องจากมีน้ำหนักตัวเยอะ หรือกับคนที่ชอบเดินเท้าเปล่าบนพื้นปูน หรือพื้นแข็ง ๆ และยังอาจเกิดได้จากกรรมพันธุ์ คนที่มีฝ่าเท้าหนา และขาดความชุ่มชื่น นอกจากนี้การใส่รองเท้าเปิดส้น หรือรองเท้าที่ไม่มีคุณภาพก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ส้นเท้าแตกได้เช่นเดียวกัน อย่างเช่น ส้นรองเท้าแข็งจนเกินไป หรือรองเท้าบีบรัดส้นเท้าจนเกินไป โดยระยะแรกของอาการส้นเท้าแตกจะเริ่มจากการบวมแดงหรืออักเสบ หากปล่อยทิ้งไว้จะเริ่มหนาแล้วก็แตกเป็นรอยเล็ก ๆ นานไปจะกลายเป็นหนังกำพร้า และมีร่องลึกเป็นเส้นที่บริเวณส้นเท้า หนักกว่านั้นคือส้นเท้าจะแตกเป็นรอยเลือดและมีอาการเจ็บแสบจนแทบเดินไม่ได้กันเลยทีเดียว

          ทั้งนี้สำหรับสาว ๆ คนไหนที่กำลังมีปัญหาส้นเท้าแตกอยู่อย่าปล่อยทิ้งไว้นานจนกลายเป็นปัญหาลุกลามใหญ่โตนะคะ ควรรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ จะดีกว่า วันนี้กระปุกดอทคอมจึงได้นำวิธีรักษาส้นเท้าแตกแบบง่าย ๆ แต่ได้ผลเร็วมาฝากกัน งานนี้ใครอยากมีส้นเท้าเรียบเนียนไม่ควรพลาด !

วิธีรักษาส้นเท้าแตก สามารถทำได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

1. น้ำยาบ้วนปาก+น้ำส้มสายชู+น้ำ

          นำน้ำยาบ้วนปาก และน้ำส้มสายชูอย่างละ 1 ถ้วยตรวง เทผสมลงในน้ำสะอาดที่เตรียมไว้ในอ่างแช่เท้า แช่เท้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จากนั้นขัดผิวบริเวณส้นเท้าด้วยหินสำหรับขัดเท้าเพื่อกำจัดผิวที่ตายแล้วให้หลุดออก ขั้นตอนสุดท้ายล้างออกด้วยน้ำสะอาด แล้วเช็ดเท้าให้แห้ง โดยไธมอลและแอลกอฮอร์ในน้ำยาบ้วนปากจะช่วยกำจัดเชื้อรา พร้อมรักษาอาการส้นเท้าแตก ส่วนน้ำส้มสายชู มีคุณสมบัติทำให้เซลล์ผิวเก่าที่แห้งแข็งอ่อนนุ่มลง ซึ่งง่ายต่อการขัดให้หลุดออก

2. เปลือกกล้วยหอม


          นำเปลือกกล้วยหอมมาถูตรงบริเวณส้นเท้าที่แตก โดยให้ถูไปมา แล้วทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที และล้างออกด้วยน้ำสะอาด เสร็จแล้ว เช็ดให้แห้งพร้อมกับทาครีมบำรุงส้นเท้า วิธีนี้ควรจะทำอย่างน้อยอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง เพราะกรดผลไม้และสารอาหารในเปลือกกล้วยจะช่วยลอกผิวและสมานส้นเท้าที่แตกได้เป็นอย่างดี

3. น้ำผึ้ง


          วิธีนี้ง่ายเหมือนปลอกกล้วเข้าปาก เพียงแค่นำน้ำผึ่ง 1 ถ้วยตรวง เทลงในอ่างน้ำอุ่น จากนั้นนำเท้าลงไปแค่ พร้อมนวดเบา ๆ ประมาณ 20 นาที แล้วขัดด้วยหินสำหรับขัดเท้า ขั้นตอนสุดท้ายเช็ดเท้าให้แห้ง ตามด้วยโบกมอยเจอร์ไรเซอร์หนา ๆ สามารถทำได้ทุกวัน โดยเฉพาะตอนก่อนเข้านอน เพื่อให้ผิวได้รับการบำรุงอย่างเต็มที่ วิธีนี้จะช่วยให้เท้าของสาว ๆ เนียนนุ่มขึ้นอย่าเห็นได้ชัด !

ส้นเท้าแตก

4. เจลว่านหางจระเข้

          ขั้นตอนแรกเริ่มจากแช่เท้าในน้ำอุ่น ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที จากนั้นขัดด้วยหินสำหรับขัดเท้า เช็ดเท้าให้แห้ง แล้วทาเท้าด้วยเจลว่านหางจระเข้ ตามด้วยสวมถุงเท้านุ่ม ๆ ก่อนเข้านอน เจลว่านหางจระเข้จะช่วยให้เท้าของสาว ๆ นุ่มชุ่มชื่นขึ้น หมดปัญหาส้นเท้าแห้งแตกกวนใจ

5. เบกกิ้งโซดา

          เรียกได้ว่าเป็นวิธีที่ครอบคลุมทุกปัญหาเกี่ยวกับเท้าเลยก็ว่าได้ เพราะเบกกิ้งโซดานอกจากจะช่วยพลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออกและทำให้เท้าของสาว ๆ นุ่มขึ้นแล้ว ยังกำจัดกลิ่นอับชื่นของเท้าได้เป็นอย่างดี ด้วยขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก เริ่มจากเติมเบกกิ้งโซดา 3 ช้อนโต๊ะ ลงในอ่างน้ำอุ่น คนให้เบกกิ้งโซดาละลาย จากนั้นแช่เท้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จึงขัดด้วยหินสำหรับขัดเท้า แล้วเช็ดเท้าให้แห้ง แนะนำให้ทำอย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์

วิธีป้องกันส้นเท้าแตก


          - ทาครีมบำรุงเท้าเป็นประจำก่อนนอน แล้วสวมถุงเท้านุ่ม ๆ เพื่อล็อกความชุ่มชื่น

          - เลือกรองเท้าให้มีขนาดพอดีกับเท้า มีคุณภาพ ใส่แล้วไม่คับ และพื้นไม่แข็งจนเกินไป

          - ใช้แผ่นซิลิโคนรองส้นเท้าเพื่อช่วยรับแรงกระแทกขณะเดิน ลดอาการส้นเท้าแตก ปวดส้นเท้าและหลัง

          - ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อให้ผิวชุ่มชื่นขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดอาการส้นเท้าแตกได้อีกด้วย

          - ให้หินสำหรับขัดเท้าขัดผิวบริเวณส้นเท้าอย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อป้องกันไม่ให้ส้นเท้าด้าน ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดปัญหาส้นเท้าแตกตามมา

ส้นเท้าแตก

          - สำหรับใครที่มีอาการส้นเท้าแตก บำรุงด้วยวิธีไหนก็ไม่หาย แนะนำให้พบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยโรคในทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคเบาหวาน

          - เมื่ออยู่ในบ้าน ควรใส่รองเท้าสำหรับเดินในบ้านเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เท้าเย็นจนขาดความชุ่มชื้น และช่วยลดไม่ให้ส้นเท้ากระแทกกับพื้นแรงจนเกินไป หากต้องเดินเท้าเปล่าบนพื้นเย็น ๆ ควรทาครีม วาสลีน หรือมอยส์เจอไรเซอร์ที่ส้นเท้าเสียก่อน

          - ในกรณีคนอ้วน ควรลดน้ำหนักลง เพราะนอกจากจะช่วยแก้ปัญหาส้นเท้าแตกแล้ว ยังจะมีข้อดีอื่น ๆ ตามมาอีกมากมาย เช่น กลับมามีรูปร่างดี และลดอัตราการเกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ อันเกิดจากสาเหตุโรคอ้วน เป็นต้น

          เมื่อรู้สาเหตุและวิธีรักษาส้นเท้าแตกให้กลับมาเนียนนุ่มกันไปแล้ว สาว ๆ ควรป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นได้อีกนะคะ เพราะหากหน้าสวยแต่ส้นเท้าแตกดูแล้วเสียบุคลิกแย่เลย ทางที่ดีควรป้องกันไว้ก่อนจะดีกว่า

ขอบคุณข้อมูลจาก : brightside.me, healthline.com

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ส้นเท้าแตก ทำอย่างไรดี จบปัญหากวนใจด้วยวิธีรักษาแบบง่าย ๆ แต่ได้ผลเร็ว อัปเดตล่าสุด 13 สิงหาคม 2563 เวลา 15:30:59 55,866 อ่าน
TOP