การทำร้ายผมด้วยผลิตภัณฑ์ยืดผม (มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค)
การคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่ทำให้เส้นผมเหยียดตรงนั้นเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1910 (หรือ พ.ศ. 2453) จากชาวนิโกร ซึ่งมีเส้นผมหยิกและหนาแน่น เป็นขอดติดหนังศีรษะ เป็นการค้นพบโดยบังเอิญ ด้วยการใช้สารเคมี คือ ด่างโซเดียม ไฮดรอกไซด์ ซึ่งมีความเป็นด่างสูง มีพีเอชประมาณ 10-14 ไปถูกขนสัตว์ที่หยิก มีผลทำให้เส้นใยยืดออก
จากนั้นเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ชาวนิโกรและชาวอัฟริกัน อเมริกัน จะนิยมใช้ด่างโซเดียมไฮดรอกไซด์ในการยืดผมที่หยิกและฟู ให้เส้นผมเหยียดตรงและเรียบ หากเข้าไปดูในเว็บไซต์ของสินค้าเหล่านี้ จะพบสื่อโฆษณาเป็นผู้หญิงและผู้ชายผิวดำเป็นนางแบบและนายแบบ ปัจจุบันกลายเป็นแฟชั่นในสังคมไทยที่ต้องการเส้นผมเหยียดตรง แม้ว่าเส้นผมคนไทยส่วนใหญ่จะไม่มีลักษณะหยิกเลยก็ตาม
รู้จักธรรมชาติ "ผม" ก่อนคุณคิดทำร้าย
คนที่มีเส้นผมดำโดยกำเนิด มักจะมีเส้นผมหนาและหยาบ อาจหยักโสกเล็กน้อย ความเงางามจะน้อยกว่าคนที่มีผมเส้นเล็กและบาง ทำให้หวีผมและสางผมยาก เส้นผมมักจะแห้งและแตกปลายง่าย
ตามธรรมชาติแล้วเส้นผมคนเราจะมีพีเอชเป็นกรดอ่อนๆ ประมาณ 4.4-6.0 มีความเงางาม เนื่องจากมีเซลคล้ายไขหรือแวกซ์เคลือบเพื่อห่อหุ้มโครงสร้างภาย ในไว้ ซึ่งโครงสร้างภายในของเส้นผมนั้นจะเป็นโปรตีนชนิดเคราติน หากชั้นไขภายนอกเส้นผมถูกทำลายไป เส้นผมจะแห้งกรอบและแตกปลาย เพราะความชุ่มชื้นของชั้นโปรตีนจะสูญเสียสู่บรรยากาศโดยรอบได้ง่าย และหากเส้นผมได้รับความรุนแรงต่างๆ เช่น ความร้อน รังสีดวงอาทิตย์ รวมทั้งสารเคมีที่มีความเป็นกรดด่างสูงมากๆ ชั้นโปรตีนก็จะถูกทำลายเช่นกัน
ความรุนแรงของผลิตภัณฑ์ยืดผม
น้ำยาที่มีจำหน่ายทั่วไป จะมีองค์ประกอบเคมีหลักๆ อยู่ 2 ชนิด คือ ด่างโซเดียมไฮดรอกไซด์ พีเอชประมาณ 10-14 เหมาะสำหรับผู้ที่มีผมหยิกเป็นขอด อาจจะเกิดจากการดัดผมหรือมาจากกรรมพันธุ์ น้ำยาชนิดนี้มีความรุนแรงสูง หากใช้ไม่เป็นไม่ถูกต้อง จะทำให้หนังศีรษะอักเสบ หลุดลอกเป็นแผลได้
อีกชนิดหนึ่งซึ่งผู้ผลิตได้พยายามลดความรุนแรงลงโดยการใช้ ด่างแคลเซี่ยม ไฮดรอกไซด์ เป็นส่วนผสมร่วมกับ กัวนิดีน คาร์บอเนท (Guanidine carbonate) หรือ แอมโมเนี่ยม ไทโอไกรโคเลท (Ammonium thioglycolate) น้ำยาชนิดหลังนี้จะมีความเป็นด่างลดลงเล็กน้อย โดยมีพีเอชประมาณ 9.0-9.5 ซึ่งมีความรุนแรงต่อเส้นผมลดลง แต่ก็ยังจัดว่ารุนแรงต่อเส้นผมและหนังศีรษะไม่แตกต่างกับชนิดแรกมากนัก
เส้นผมที่ได้รับน้ำยาด่างเหล่านี้แล้ว จะไม่คืนสภาพเดิมอีก เพราะโครงสร้างภายในเส้นผมถูกทำลายไปหมดแล้ว คงต้องรอให้เส้นผมงอกยาวขึ้นใหม่เท่านั้น เส้นผมที่ผ่านการยืดผม จะแห้งกรอบ แตกปลาย เบาไร้น้ำหนัก
การใช้ผลิตภัณฑ์ยืดผมอย่างถูกต้องและปลอดภัย
การเลือกใช้ชนิดของน้ำยา ควรพิจารณาถึงธรรมชาติเส้นผมของเราเองก่อนว่า หยิกมากน้อยแค่ไหน สำหรับคนไทย หรือ คนเอเชีย ส่วนใหญ่จะหยักโสกเพียงเล็กน้อย บางคนเพียงแค่เส้นผมใหญ่ หนาและหยาบเท่านั้น ไม่ถึงกับหยิกเป็นขอดเหมือนชาวอัฟริกัน ผิวดำ ดังนั้นจึงควรเลือกใช้ชนิดที่อ่อนที่สุด ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้จะขายเป็นชุดๆ ละ 2 ขวด คือ น้ำยา 1 ขวด และ แชมพู อีก 1 ขวด ต้องใช้ทั้งสองขวด
น้ำยาขวดแรกคือด่าง ใช้เพื่อให้ไปทำลายโครงสร้างเส้นผม ทำให้แวกซ์ที่เคลือบอยู่รอบเส้นผมหลุดออกไป และไปสลายโครงสร้างภายใน เส้นผมจึงจะเหยียดตรง เมื่อใช้น้ำยาด่างแล้วต้องใช้แชมพูที่ให้มาตามไปด้วย โดยแชมพูที่ให้มานี้จะไปล้างความเป็นด่างของเส้นผมและหนังศีรษะออกให้มีความ เป็นกลาง อย่างไรก็ตามภายหลังจากสระด้วยแชมพูแล้ว ปฏิกิริยาทางเคมีระหว่างน้ำยาและเส้นผมก็จะยังคงอยู่อีกถึง 48 ชั่งโมง จึงแนะนำว่าไม่ควรสระผมภายหลังจากที่ยืดผมอย่างน้อย 48 ชั่วโมง
นอกจากนั้น ยังไม่ควรไปโกรกสีผม หรือ ดัดผมอีกอย่างน้อย 4-6 สัปดาห์ เพราะสารเคมีจากน้ำยาโกรกและน้ำยาดัดผมจะไปเพิ่มความรุนแรงต่อเส้นผมมากขึ้นไปกว่าเดิมอีกเป็นหลายเท่าตัว การที่จะใส่น้ำยายืดผมซ้ำอีกครั้ง ต้องเว้นระยะห่างอย่างน้อย 4-6 สัปดาห์ เช่นกัน
ที่สำคัญก่อนทำการยืดเส้นผม ควรสำรวจสุขภาพหนังศีรษะตนเองก่อน หนังศีรษะต้องไม่มีแผล ไม่มีอาการอักเสบ เพราะความรุนแรงของน้ำยาจะทำให้แผลอักเสบขยายได้ แม้ว่าหนังศีรษะจะไม่มีอาการ แต่เพื่อความปลอดภัย นักวิชาการแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทขี้ผึ้ง (Petrolatum ointment) หรือครีมทาผิว ทาหนาๆ ให้ทั่วหนังศีรษะ เพื่อป้องกันน้ำยาไปกัดหนังศีรษะได้ หรือมิฉะนั้นก็ควรเลือกร้านทำผมที่มีความชำนาญ จะปลอดภัยกว่าทำเอง
โปรดระวังผลิตภัณฑ์บางชนิดจะเขียนบนฉลากว่า ปราศจากด่างโซเดียม ไฮดรอกไซด์ แต่เป็นส่วมผสมจากธรรมชาติ ซึ่งความจริงแล้วองค์ประกอบสำคัญของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ก็ยังเป็นเคมีรุนแรง ของ แคลเซี่ยม ไฮดรอกไซด์ ผสมกับ กัวนิดีน คาร์บอเนท บางผลิตภัณฑ์จะผลิตสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ก็จะใส่สารเคมีดังกล่าวในความเข้มข้นต่ำลงมาเท่านั้น
แนวโน้มความต้องการทรงผมที่มองดูเหมือนธรรมชาติคือเส้นผมเหยียดตรง กำลังเป็นแฟชั่นมาแรงในต่างประเทศ และกำลังระบาดในสังคมเอเชีย แต่หากเราทราบประวัติความเป็นมาของน้ำยาที่รุนแรงเหล่านี้ จะพบว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้ผลิตขึ้นเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะกลุ่มคนที่มีปัญหาผมหยิกเป็นขอดติดหนังศีรษะของคนผิวดำเท่านั้น คนเอเชียที่มีผมดกดำ ยาว สลวย น่าจะยินดีกับธรรมชาติที่สวยงามของตนเอง หากหยักโสกเล็กน้อย ก็ดูมีเสน่ห์ ยิ่งเป็นกำไรด้วยซ้ำไป ไม่ควรจะไปยืดให้เหยียดตรงด้วยน้ำยาที่รุนแรงเหล่านั้น สำหรับคนที่มีผมยาวและฟู สามารถแก้ปัญหาโดยการใช้ครีมนวดผม ภายหลังจากการสระผมทุกครั้ง เส้นผมก็จะไม่ฟูและไม่พันกัน หวีและสางง่ายด้วยค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก