แตงโม ภัทรธิดา เปิดใจ หลังมรสุมความรัก แตงโม โตโน่ เผยทำใจได้บ้างแล้ว รับคุยกันบ้างแต่ก็ไม่ได้เจอกัน ส่วนข้าวของฝ่ายชายเอามอเตอร์ไซค์ไปแล้ว แต่ข้าวของอื่น ๆ ยังอยู่ รับเข็ดความรักขอปิดตายหัวใจ ยินดีรับสถานะเพื่อน สงสัยทำไมโตโน่ไม่ลบรอยสัก ส่วนเธอนั้นไม่ลบแน่นอน
โดนมรสุมความรักถาโถมลูกเบ้อเริ่ม สำหรับนักแสดงสาวอย่าง แตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หลังจากเกิดเหตุกินยาเกินขนาดหวังฆ่าตัวตาย เนื่องจากทำใจไม่ได้ ที่ต้องเลิกรากับอดีตสามีอย่าง โตโน่ ภาคิน ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามล่าสุด (18 กรกฎาคม 2558) ผ่านมาได้เกือบสองสัปดาห์ สาวแตงโม ก็ได้ออกอีเว้นท์เป็นครั้งแรก พร้อมกับเผยถึงสภาพจิตใจ ณ ตอนนี้ว่า.. ตอนนี้สุขภาพกายและใจดีขึ้นมาก เพราะได้กำลังใจจากครอบครัวและแฟนคลับ ส่วนเรื่องที่โดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างกินยานอนหลับเกินขนาดเพราะต้องการเป็นข่าวนั้น เธอมองว่า หากไม่ให้กำลังใจกันก็อย่าพูดเรื่องไม่ดีเลย
วันนี้ดูสดชื่นขึ้น
แตงโม ภัทรธิดา : เป็นเพราะแต่งหน้ามากกว่าค่ะ สภาพจิตใจตอนนี้ก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับค่ะ ทุกอย่างก็อยู่กับกำลังใจคนรอบข้างหลาย ๆ คนที่ได้ให้กำลังใจ ก็ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ อยู่ที่เวลาด้วย เวลามันก็ผ่านไปแล้ว การที่เรามีสติแล้วเนี่ยอะไร ๆ มันก็ดี ถามว่าทุกวันนี้ทำใจได้หรือยัง ในเรื่องของการทำใจโมว่ามันเลยจุดนั้นมาแล้ว มันเป็นเรื่องของการให้กำลังใจกันและกันมากกว่า มันเป็นความรักที่เราเห็นเขาทำอะไรแล้วประสบความสำเร็จสนับสนุนในจุดนั้นมากกว่า ตอนนี้ก็มีคุยกันบ้างค่ะ ก็คุยกันสัพเพเหระค่ะ ทำงานสู้ ๆ ถามว่ายังคิดถึงไหม คนเคยรักกันอะค่ะยังไงก็ไม่มีวันตัดขาดกันอยู่ดี
พอเปลี่ยนสถานะกันแล้วโอเคขึ้นไหม
แตงโม ภัทรธิดา : ถามว่าสถานะใหม่เป็นเพื่อนกันก็ดีค่ะ ดีกว่าเดิมด้วย ดีกว่าตอนที่เราใกล้ชิดกันมากกว่านี้ ตอนที่เราใกล้ชิดกันเกินไป ด้วยความที่เราไม่ลงตัวกันมากนักในเรื่องรายละเอียดอะไรต่าง ๆ มันน่าจะดีขึ้น อย่างที่เขาบอกว่าคือกลับมาได้แต่ก็ไม่สามารถกลับมาในฐานะเดิมได้ เราสบายใจกันมากที่จะอยู่ในสถานะแบบนี้ สถานะที่คงที่แบบนี้ แต่ถามว่าในอนาคตจะเป็นสถานะเดิมได้ไหม มันก็คงจะเป็นสถานะเดิมไม่ได้แต่อาจจะเป็นสถานะใหม่ที่อาจจะมั่นคงกว่าเดิมก็ได้ เราก็ยังไม่รู้เหมือนกัน
ตอนนี้รับสถานะเพื่อนได้หรือยัง
แตงโม ภัทรธิดา : ไม่ใช่ว่ารับไม่ได้ เราไม่เคยรับไม่ได้
ตอนนี้เวลาคุณพ่อโพสต์อะไรก็ยังแท็กหาโตโน่อยู่
แตงโม ภัทรธิดา : ใช่ค่ะ คือโตโน่เป็นคนในครอบครัวของเราคนหนึ่งนะคะ เมื่อเวลาไม่ได้อยู่ในสถานะเดิมเราไม่จำเป็นว่าจะต้องตัดพ่อตัดลูกกัน ทางบ้านเราก็ยังรู้สึกกับเขาว่ายังเป็นคนในครอบครัว อาจจะหลงเหลือเป็นพี่น้อง เป็นเพื่อนกัน หรืออาจจะเป็นสถานะใดก็ตาม แต่ว่าความรักอย่างที่บอก ตามที่ทุกคนก็เห็นว่าเราสองคนรักกันมากขนาดไหน เพราะฉะนั้นวันหนึ่งถ้าเราจะเปลี่ยนสถานะไป ไม่ได้หมายความว่าความรักของเราจะหายไปด้วย
ได้เจอกับโตโน่บ้างหรือเปล่า
แตงโม ภัทรธิดา : โมยังไม่ได้เจอค่ะ มีแต่คุณพ่อที่เจอ คุณพ่อจะเจอบ่อยกว่า เรื่องที่คุณพ่อเอาดอกไม้ไปให้โน่โมก็ยังสงสัยว่าคุณพ่อรู้ได้ยังไงว่าโน่ชอบดอกไม้อะไร แสดงว่าคุณพ่อก็ใส่ใจรายละเอียดเหมือนกัน คุณพ่อเจอแต่โมไม่ได้เจอค่ะ ถามว่าคุณพ่อเป็นกาวใจไหม คุณพ่อโมและคุณแม่ของโน่ไม่ได้ยุ่งเรื่องการตัดสินใจค่ะ แต่ว่าเขาก็จะอยู่ในสถานะของพ่อลูกของเขาอะค่ะไม่เกี่ยวกัน
ณ วันนี้ยังเศร้าอยู่ไหม
แตงโม ภัทรธิดา : ไม่แล้วค่ะไม่เศร้าแล้ว เราไม่ได้โทรคุยกันค่ะเป็นพิมพ์คุยมากกว่า
ตอนนี้โตโน่ไปเอาของที่บ้านออกมาหรือยัง
แตงโม ภัทรธิดา : เราก็บอกเขาไปแล้วว่าวันนี้ ๆ เราอาจจะไม่อยู่บ้านให้เขาเข้ามาเอาของได้ เขาก็เข้ามาเอามอเตอร์ไซค์ไปแล้ว แต่ของข้างในก็ยังอยู่เหมือนเดิม ถามว่ายังไม่พร้อมเจอหน้ากันไหม คือเขาเคยบอกว่าถ้าเขาจะมาเก็บของเขาไม่อยากเจอโมอะไรแบบนี้ค่ะ เขาอาจจะยังไม่พร้อม โมก็โอเคเดี๋ยวโมจะบอกว่าวันไหนต้องออกไปถ่ายละครให้เขาเข้าไปเก็บ
ทางเราก็โอเคที่เขาจะเอาของออกไปจากบ้าน
แตงโม ภัทรธิดา : โมไม่เคยไม่โอเคนะคะ
ทางเขาบอกว่าเรายังทำใจไม่ได้
แตงโม ภัทรธิดา : เขาก็บอกเหมือนกันว่าเขาจะมาเอาของเขาก็ไม่อยากเห็นโมอยู่ในบ้านเหมือนกัน เราก็ยินดีที่เขาจะเอาของไปตลอด แต่เขาก็เอาไปแค่มอเตอร์ไซค์อย่างเดียว อย่างอื่นก็ยังอยู่ครบเหมือนเดิมทุกอย่างเลย ที่ไม่อยู่ก็คือแหวนแต่งงาน
ก่อนหน้านี้มีคนวิจารณ์ว่าเราจัดฉากเพื่อสร้างกระแส
แตงโม ภัทรธิดา : อันนี้ไม่ขอให้ความสำคัญดีกว่าค่ะ ไม่ขอให้ราคากับสิ่งที่จับต้องไม่ได้ที่ไม่มีตัวตนดีกว่า ถามว่าน้อยใจไหม ไม่เลยค่ะ ไม่รู้สึกเลย เพราะว่าคนที่เขาคิดได้แบบนั้น โมว่านอกจากจะไม่ช่วยแก้ปัญหาแล้วก็อยู่เฉย ๆ ดีกว่า
เพราะเรามีงานเยอะขึ้นด้วยคนเลยมองว่าเรียกกระแส
แตงโม ภัทรธิดา : โมว่ามันเป็นทุกคู่นะคะ พอเราคืนกันและกันให้สังคม มันก็เป็นปกติที่มีคนอยากรู้เรื่องของเราในมุมส่วนตัว ทางเขาก็งานเยอะทางเราก็งานเยอะ ก็ขอบคุณผู้ใหญ่ทุกคน ก็มีคนติดต่อเข้ามาค่อนข้างเยอะเหมือนกันค่ะ ตอนนี้ก็แข็งแรงมากเลยค่ะ เป็นปกติเหมือนเดิมทุกอย่าง
เรียกว่าว่าจบด้วยดีเป็นเพื่อนกันได้
แตงโม ภัทรธิดา : โมก็ไม่รู้ว่ามันจบหรือเปล่านะแต่ว่าตอนนี้โอเค
โดนมรสุมความรักถาโถมลูกเบ้อเริ่ม สำหรับนักแสดงสาวอย่าง แตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หลังจากเกิดเหตุกินยาเกินขนาดหวังฆ่าตัวตาย เนื่องจากทำใจไม่ได้ ที่ต้องเลิกรากับอดีตสามีอย่าง โตโน่ ภาคิน ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามล่าสุด (18 กรกฎาคม 2558) ผ่านมาได้เกือบสองสัปดาห์ สาวแตงโม ก็ได้ออกอีเว้นท์เป็นครั้งแรก พร้อมกับเผยถึงสภาพจิตใจ ณ ตอนนี้ว่า.. ตอนนี้สุขภาพกายและใจดีขึ้นมาก เพราะได้กำลังใจจากครอบครัวและแฟนคลับ ส่วนเรื่องที่โดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างกินยานอนหลับเกินขนาดเพราะต้องการเป็นข่าวนั้น เธอมองว่า หากไม่ให้กำลังใจกันก็อย่าพูดเรื่องไม่ดีเลย
วันนี้ดูสดชื่นขึ้น
แตงโม ภัทรธิดา : เป็นเพราะแต่งหน้ามากกว่าค่ะ สภาพจิตใจตอนนี้ก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับค่ะ ทุกอย่างก็อยู่กับกำลังใจคนรอบข้างหลาย ๆ คนที่ได้ให้กำลังใจ ก็ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ อยู่ที่เวลาด้วย เวลามันก็ผ่านไปแล้ว การที่เรามีสติแล้วเนี่ยอะไร ๆ มันก็ดี ถามว่าทุกวันนี้ทำใจได้หรือยัง ในเรื่องของการทำใจโมว่ามันเลยจุดนั้นมาแล้ว มันเป็นเรื่องของการให้กำลังใจกันและกันมากกว่า มันเป็นความรักที่เราเห็นเขาทำอะไรแล้วประสบความสำเร็จสนับสนุนในจุดนั้นมากกว่า ตอนนี้ก็มีคุยกันบ้างค่ะ ก็คุยกันสัพเพเหระค่ะ ทำงานสู้ ๆ ถามว่ายังคิดถึงไหม คนเคยรักกันอะค่ะยังไงก็ไม่มีวันตัดขาดกันอยู่ดี
พอเปลี่ยนสถานะกันแล้วโอเคขึ้นไหม
แตงโม ภัทรธิดา : ถามว่าสถานะใหม่เป็นเพื่อนกันก็ดีค่ะ ดีกว่าเดิมด้วย ดีกว่าตอนที่เราใกล้ชิดกันมากกว่านี้ ตอนที่เราใกล้ชิดกันเกินไป ด้วยความที่เราไม่ลงตัวกันมากนักในเรื่องรายละเอียดอะไรต่าง ๆ มันน่าจะดีขึ้น อย่างที่เขาบอกว่าคือกลับมาได้แต่ก็ไม่สามารถกลับมาในฐานะเดิมได้ เราสบายใจกันมากที่จะอยู่ในสถานะแบบนี้ สถานะที่คงที่แบบนี้ แต่ถามว่าในอนาคตจะเป็นสถานะเดิมได้ไหม มันก็คงจะเป็นสถานะเดิมไม่ได้แต่อาจจะเป็นสถานะใหม่ที่อาจจะมั่นคงกว่าเดิมก็ได้ เราก็ยังไม่รู้เหมือนกัน
ตอนนี้รับสถานะเพื่อนได้หรือยัง
แตงโม ภัทรธิดา : ไม่ใช่ว่ารับไม่ได้ เราไม่เคยรับไม่ได้
ตอนนี้เวลาคุณพ่อโพสต์อะไรก็ยังแท็กหาโตโน่อยู่
แตงโม ภัทรธิดา : ใช่ค่ะ คือโตโน่เป็นคนในครอบครัวของเราคนหนึ่งนะคะ เมื่อเวลาไม่ได้อยู่ในสถานะเดิมเราไม่จำเป็นว่าจะต้องตัดพ่อตัดลูกกัน ทางบ้านเราก็ยังรู้สึกกับเขาว่ายังเป็นคนในครอบครัว อาจจะหลงเหลือเป็นพี่น้อง เป็นเพื่อนกัน หรืออาจจะเป็นสถานะใดก็ตาม แต่ว่าความรักอย่างที่บอก ตามที่ทุกคนก็เห็นว่าเราสองคนรักกันมากขนาดไหน เพราะฉะนั้นวันหนึ่งถ้าเราจะเปลี่ยนสถานะไป ไม่ได้หมายความว่าความรักของเราจะหายไปด้วย
ได้เจอกับโตโน่บ้างหรือเปล่า
แตงโม ภัทรธิดา : โมยังไม่ได้เจอค่ะ มีแต่คุณพ่อที่เจอ คุณพ่อจะเจอบ่อยกว่า เรื่องที่คุณพ่อเอาดอกไม้ไปให้โน่โมก็ยังสงสัยว่าคุณพ่อรู้ได้ยังไงว่าโน่ชอบดอกไม้อะไร แสดงว่าคุณพ่อก็ใส่ใจรายละเอียดเหมือนกัน คุณพ่อเจอแต่โมไม่ได้เจอค่ะ ถามว่าคุณพ่อเป็นกาวใจไหม คุณพ่อโมและคุณแม่ของโน่ไม่ได้ยุ่งเรื่องการตัดสินใจค่ะ แต่ว่าเขาก็จะอยู่ในสถานะของพ่อลูกของเขาอะค่ะไม่เกี่ยวกัน
ณ วันนี้ยังเศร้าอยู่ไหม
แตงโม ภัทรธิดา : ไม่แล้วค่ะไม่เศร้าแล้ว เราไม่ได้โทรคุยกันค่ะเป็นพิมพ์คุยมากกว่า
ตอนนี้โตโน่ไปเอาของที่บ้านออกมาหรือยัง
แตงโม ภัทรธิดา : เราก็บอกเขาไปแล้วว่าวันนี้ ๆ เราอาจจะไม่อยู่บ้านให้เขาเข้ามาเอาของได้ เขาก็เข้ามาเอามอเตอร์ไซค์ไปแล้ว แต่ของข้างในก็ยังอยู่เหมือนเดิม ถามว่ายังไม่พร้อมเจอหน้ากันไหม คือเขาเคยบอกว่าถ้าเขาจะมาเก็บของเขาไม่อยากเจอโมอะไรแบบนี้ค่ะ เขาอาจจะยังไม่พร้อม โมก็โอเคเดี๋ยวโมจะบอกว่าวันไหนต้องออกไปถ่ายละครให้เขาเข้าไปเก็บ
ทางเราก็โอเคที่เขาจะเอาของออกไปจากบ้าน
แตงโม ภัทรธิดา : โมไม่เคยไม่โอเคนะคะ
ทางเขาบอกว่าเรายังทำใจไม่ได้
แตงโม ภัทรธิดา : เขาก็บอกเหมือนกันว่าเขาจะมาเอาของเขาก็ไม่อยากเห็นโมอยู่ในบ้านเหมือนกัน เราก็ยินดีที่เขาจะเอาของไปตลอด แต่เขาก็เอาไปแค่มอเตอร์ไซค์อย่างเดียว อย่างอื่นก็ยังอยู่ครบเหมือนเดิมทุกอย่างเลย ที่ไม่อยู่ก็คือแหวนแต่งงาน
ก่อนหน้านี้มีคนวิจารณ์ว่าเราจัดฉากเพื่อสร้างกระแส
แตงโม ภัทรธิดา : อันนี้ไม่ขอให้ความสำคัญดีกว่าค่ะ ไม่ขอให้ราคากับสิ่งที่จับต้องไม่ได้ที่ไม่มีตัวตนดีกว่า ถามว่าน้อยใจไหม ไม่เลยค่ะ ไม่รู้สึกเลย เพราะว่าคนที่เขาคิดได้แบบนั้น โมว่านอกจากจะไม่ช่วยแก้ปัญหาแล้วก็อยู่เฉย ๆ ดีกว่า
เพราะเรามีงานเยอะขึ้นด้วยคนเลยมองว่าเรียกกระแส
แตงโม ภัทรธิดา : โมว่ามันเป็นทุกคู่นะคะ พอเราคืนกันและกันให้สังคม มันก็เป็นปกติที่มีคนอยากรู้เรื่องของเราในมุมส่วนตัว ทางเขาก็งานเยอะทางเราก็งานเยอะ ก็ขอบคุณผู้ใหญ่ทุกคน ก็มีคนติดต่อเข้ามาค่อนข้างเยอะเหมือนกันค่ะ ตอนนี้ก็แข็งแรงมากเลยค่ะ เป็นปกติเหมือนเดิมทุกอย่าง
เรียกว่าว่าจบด้วยดีเป็นเพื่อนกันได้
แตงโม ภัทรธิดา : โมก็ไม่รู้ว่ามันจบหรือเปล่านะแต่ว่าตอนนี้โอเค
มุมมองเรื่องความรักเปลี่ยนไปเลยไหม
แตงโม ภัทรธิดา : เปลี่ยนค่ะ จากเมื่อก่อนที่เราคิดว่ายึดมั่นกับคำสัญญา ตอนนี้โมก็เพิ่งรู้จักกับคำว่ารักโดยไม่หวังผลตอบแทนมันเป็นยังไง คือมันเป็นแบบนี้นี่เอง เราไม่เคยคิดว่าเราจะทำได้เลยในชีวิตนี้
ในอนาคตถ้ามีคนเข้ามาจะพร้อมเปิดใจให้ไหม
แตงโม ภัทรธิดา : ไม่เปิดค่ะ ขอปิดค่ะ ปิดตายเลยค่ะ ไม่คิดจะมีแฟนแล้ว จะใช้ชีวิตโสดไปตลอดไหม ก็ ณ ช่วงนี้นะคะ แต่ถ้าในอนาคตอีก 5 ปี ก็อยากให้มาถามใหม่อีกทีค่ะ ตอนนี้ขอปิดค่ะ โมไม่พร้อมค่ะ ผู้หญิงได้รักใครแล้วอะเนอะ ถามว่าเข็ดกับความรักไหม เข็ดค่ะ
เรื่องรอยสัก โตโน่เขาก็บอกว่าจะไม่ลบแล้วฝั่งเราว่าไง
แตงโม ภัทรธิดา : โมก็ไม่คิดจะเอาออกเหมือนเขาเลยค่ะ เราก็เคยคุยกัน เราไม่เคยคิดจะเอารอยสักออก นี่ไง โมก็เลยไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วมันจบหรือเปล่า ส่วนจะอยากให้เขาเอาออกไหม เราก็ไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งกับการตัดสินใจกับบอดี้ของเขาหรอก แต่เขาก็เคยบอกว่าจะไม่เอาออก โมก็บอกว่าโมไม่เคยคิดจะเอาออกเหมือนกัน แต่โมก็แอบสมน้ำหน้าเขา ก็บอกเขาไปว่า นี่ฉันสมน้ำหน้าเธอมากเพราะชื่อฉันมันยาวมากเลย
สุขภาพตอนนี้เป็นยังไงบ้าง
แตงโม ภัทรธิดา : โอเคค่ะ ปกติดีค่ะ
ล่าสุด น้าหงา คาราวาน โพสต์ถึงเราด้วย
แตงโม ภัทรธิดา : ใช่ก็ขอบคุณน้าหงามากเลยนะคะ คุณพ่อเล่าให้ฟังว่าน้าแต่งกลอนให้ แต่โมไม่ได้เห็นรายละเอียด แต่ว่าโมท่องไม่ได้ ก็ขอบคุณน้าหงามาก ๆ เลยที่ให้กำลังใจ จริง ๆ ก็ต้องขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ หลาย ๆ คนที่ส่งดอกไม้มาให้
แตงโม ภัทรธิดา : เปลี่ยนค่ะ จากเมื่อก่อนที่เราคิดว่ายึดมั่นกับคำสัญญา ตอนนี้โมก็เพิ่งรู้จักกับคำว่ารักโดยไม่หวังผลตอบแทนมันเป็นยังไง คือมันเป็นแบบนี้นี่เอง เราไม่เคยคิดว่าเราจะทำได้เลยในชีวิตนี้
ในอนาคตถ้ามีคนเข้ามาจะพร้อมเปิดใจให้ไหม
แตงโม ภัทรธิดา : ไม่เปิดค่ะ ขอปิดค่ะ ปิดตายเลยค่ะ ไม่คิดจะมีแฟนแล้ว จะใช้ชีวิตโสดไปตลอดไหม ก็ ณ ช่วงนี้นะคะ แต่ถ้าในอนาคตอีก 5 ปี ก็อยากให้มาถามใหม่อีกทีค่ะ ตอนนี้ขอปิดค่ะ โมไม่พร้อมค่ะ ผู้หญิงได้รักใครแล้วอะเนอะ ถามว่าเข็ดกับความรักไหม เข็ดค่ะ
เรื่องรอยสัก โตโน่เขาก็บอกว่าจะไม่ลบแล้วฝั่งเราว่าไง
แตงโม ภัทรธิดา : โมก็ไม่คิดจะเอาออกเหมือนเขาเลยค่ะ เราก็เคยคุยกัน เราไม่เคยคิดจะเอารอยสักออก นี่ไง โมก็เลยไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วมันจบหรือเปล่า ส่วนจะอยากให้เขาเอาออกไหม เราก็ไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งกับการตัดสินใจกับบอดี้ของเขาหรอก แต่เขาก็เคยบอกว่าจะไม่เอาออก โมก็บอกว่าโมไม่เคยคิดจะเอาออกเหมือนกัน แต่โมก็แอบสมน้ำหน้าเขา ก็บอกเขาไปว่า นี่ฉันสมน้ำหน้าเธอมากเพราะชื่อฉันมันยาวมากเลย
สุขภาพตอนนี้เป็นยังไงบ้าง
แตงโม ภัทรธิดา : โอเคค่ะ ปกติดีค่ะ
ล่าสุด น้าหงา คาราวาน โพสต์ถึงเราด้วย
แตงโม ภัทรธิดา : ใช่ก็ขอบคุณน้าหงามากเลยนะคะ คุณพ่อเล่าให้ฟังว่าน้าแต่งกลอนให้ แต่โมไม่ได้เห็นรายละเอียด แต่ว่าโมท่องไม่ได้ ก็ขอบคุณน้าหงามาก ๆ เลยที่ให้กำลังใจ จริง ๆ ก็ต้องขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ หลาย ๆ คนที่ส่งดอกไม้มาให้