x close

เสริมหน้าอก กับ 14 เรื่องน่ารู้ก่อนคิดเสริมอึ๋ม ที่คุณอาจยังไม่เคยรู้

          ศัลยกรรมหน้าอก ที่กำลังได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน มาดูกันว่าก่อนเสริมหน้าอกต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง พร้อมเผยเรื่องที่สาว ๆ ควรรู้ก่อนตัดสินใจเสริมหน้าอก เพราะบางเรื่องคุณก็อาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อน

ศัลยกรรมหน้าอก

          ทุกวันนี้การทำ "ศัลยกรรมหน้าอก" ดูจะเป็นเรื่องธรรมดามากในปัจจุบัน จนเรียกได้ว่าเป็นศัลยกรรมยอดฮิตอันดับต้น ๆ ของผู้หญิงสมัยนี้เลยก็ว่าได้ เพราะการอัปไซซ์หน้าอก นอกจากจะช่วยอัปลุคให้ดูเซ็กซี่ขึ้นแล้ว ยังทำให้ใส่เสื้อผ้าได้สวยขึ้นด้วย และถ้าคุณกำลังจะเป็นอีกหนึ่งคนที่วางแผนจะเก็บตังค์ไปทำศัลยกรรมหน้าอกเหมือนกับคนอื่น ๆ อยู่ละก็ ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าการศึกษา ทำความเข้าใจข้อมูลเกี่ยวกับการทำศัลยกรรมก่อนนั้นถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อที่สาว ๆ จะได้เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ให้พร้อมยังไงล่ะคะ และถ้าใครที่คิดว่าตัวเองศึกษาหาข้อมูลมาเยอะแล้ว ลองมาดูกันหน่อยสิว่า 14 เรื่องจริงที่คุณต้องเจอเกี่ยวกับการเสริมหน้าอกต่อไปนี้ คุณรู้ครบทุกข้อแล้วหรือยัง ?

          1. ควรทำศัลยกรรมหน้าอกหลังจากที่ร่างกายเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว นั่นก็หมายความว่าช่วงเวลาที่สาว ๆ เหมาะจะทำศัลยกรรมหน้าอกก็คือ อายุประมาณ 20-22 ปีขึ้นไปแล้วนั่นเอง

          2. ศึกษาวัสดุและเลือกรูปทรงหน้าอกที่จะทำให้ดี จะได้ไม่ต้องมานั่งเปลี่ยนใหม่หรือแก้ไขทีหลัง เพราะปัจจุบันมีวัสดุเสริมหน้าอกมากมายให้สาว ๆ ได้เลือกใส่ ซึ่งแต่ละอย่างก็จะมีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป รวมไปถึงรูปทรงและราคาที่ต่างกันด้วย ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สาว ๆ ควรจะเลือกและตัดสินใจให้ดีเสียก่อน แต่ทั้งนี้ถ้ายังเลือกไม่ถูกก็สามารถขอคำแนะนำจากศัลยแพทย์ก่อนได้ค่ะ

          3. ปัจจุบันการผ่าตัดเสริมหน้าอกมีหลายแบบด้วยกัน ได้แก่ การผ่าตัดที่ตำแหน่งรักแร้ ใต้ราวนม และรอบปานนม ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกันออกไป เช่น

                           - การผ่าตัดที่ตำแหน่งรักแร้ ข้อดี คือ แผลผ่าตัดจะซ่อนอยู่ใต้รักแร้ ไม่มีแผลตามร่างกาย แต่ข้อเสียคือ จะเจ็บประมาณ 1 อาทิตย์

                           - การผ่าตัดที่ใต้ราวนม ข้อดี คือ ฟื้นตัวเร็ว บวมน้อย สามารถหยุดเลือดได้ง่าย แต่ข้อเสียคือจะมีแผลเป็นตลอดชีวิต

                           - การผ่าตัดที่รอบปานนม ข้อดี คือ แผลผ่าตัดเข้าถึงเต้านมได้โดยตรง และเจ็บน้อย แต่ข้อเสียคือ มีรอยแผลที่รอบปานนม และอาจมีอาการชาที่หัวนม

ศัลยกรรมหน้าอก

          4. วัสดุเสริมหน้าอกในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 2 แบบ โดยสามารถเลือกทำแบบใดแบบหนึ่ง หรือทำร่วมกันทั้ง 2 แบบในครั้งเดียวกันก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเทคนิคของศัลยแพทย์แต่ละคน

          - การเสริมหน้าอกด้วยเต้านมเทียม (Breast Implant Augmentation) ถือเป็นประเภทที่ได้รับความนิยมมากที่สุดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คือ Silicone-filled implant หรือ ถุงซิลิโคนเจล เพราะมีความทนทาน และนิ่มกว่าวัสดุชนิดอื่น โดยแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ ทรงกลม (Round) และทรงหยดน้ำ (Teardrop) นอกจากนี้ยังสามารถแบ่งประเภทตามผิวสัมผัสภายนอกได้ 2 แบบ คือ ผิวภายนอกซิลิโคนชนิดหยาบหรือผิวทราย (Textured) และผิวภายนอกซิลิโคนแบบผิวเรียบ (Smooth)

          - การเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง (Fat Transfer Augmentation) ในปัจจุบันได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากเป็นการใช้เนื้อเยื่อของตัวเอง ไม่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกาย และมีความเป็นธรรมชาติสูง

          5. เสริมหน้าอก เหนือกล้ามเนื้อ VS ใต้กล้ามเนื้อ ต่างกันตรงไหน ?

                        - การเสริมหน้าอกแบบเหนือกล้ามเนื้อ การผ่าตัดจะสามารถทำได้ง่าย เหมาะกับสาว ๆ ที่มีเนื้อและไขมันบริเวณเต้านมเดิมมากพอประมาณ เพียงพอที่จะยึดเกาะกับซิลิโคน และป้องกันไม่ให้ถุงเต้านมเทียมไปชนเข้ากับผิวหนังหน้าอกได้

                        - การเสริมหน้าอกแบบใต้กล้ามเนื้อ เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่เนื้อหน้าอกเดิมน้อย การวางซิลิโคนใต้กล้ามเนื้อจะช่วยเสริมให้หน้าอกดูอวบอิ่มขึ้น โดยไม่ทำให้ถุงเต้านมหย่อนคล้อยลงมา โดยการผ่าตัดจะค่อนข้างยาก และมีความละเอียดอ่อน ด้วยเหตุนี้จึงต้องให้ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นคนลงมือผ่าตัดเท่านั้น

          6. สำหรับการเตรียมตัวก่อนเสริมหน้าอก ก็เหมือนกับการเตรียมตัวผ่าตัดใหญ่ทั่วไป ก่อนเข้าห้องผ่าตัดจะต้องงดน้ำและอาหาร อย่างน้อย 24 ชั่วโมง ต่ำสุดคือ 6 ชั่วโมง นอกจากนี้จะต้องหยุดรับประทานยาที่จะมีผลทำให้เลือดออกง่ายหยุดยากด้วย อย่างเช่น ยาแอสไพริน เป็นต้น และนอกจากนี้สำหรับสาว ๆ ที่กลัวการผ่าตัดก็ไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะก่อนการผ่าตัดแพทย์จะให้ดมยาสลบก่อน เรียกได้ว่านอนหลับตื่นขึ้นมาก็ดูม ๆ สมใจกันเลย

          7. เสริมหน้าอกเจ็บเหมือนโดนรถสิบล้อทับ ? ในปัจจุบันการศัลยกรรมหน้าอกไม่ได้น่ากลัว และเจ็บอย่างที่คิด เพราะด้วยเทคนิคของศัลยแพทย์ และเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น ทำให้แผลผ่าตัดค่อนข้างเล็ก เจ็บน้อย และฟื้นตัวเร็ว แต่จะบอกว่าไม่เจ็บเลยก็คงจะเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากเป็นการผ่าตัดใหญ่ หลังทำคนไข้อาจมีอาการปวดตึง ๆ และอึดอัดที่บริเวณหน้าอก ซึ่งเป็นความเจ็บที่สามารถทนได้ และไม่น่ากลัวอย่างที่คิด

          8. ในวันที่จะผ่าตัดให้เตรียมเสื้อชั้นในแบบเปิดกระดุมด้านหน้าไปด้วย เพราะหลังจากผ่าตัดหรือวันที่ออกจากโรงพยาบาลคุณจะยกแขนใส่เสื้อชั้นในไม่ได้แน่ ๆ เนื่องจากจะปวดแผลบริเวณรักแร้มาก ๆ ดังนั้นอย่าลืมเตรียมไปให้พร้อมเชียวล่ะ สำคัญมากนะคะสาว ๆ

แ

          9. เสริมหน้าอกต้องลางานอย่างน้อย 3-4 วัน สำหรับสาวออฟฟิศที่ไม่ต้องลุกเดิน หรือยกของหนัก ส่วนอาชีพที่ต้องใช้กำลัง เคลื่อนไหวบ่อย ๆ หรือยกของหนัก เช่น แอร์โฮสเตส, แม่ค้า หรือแม่ครัว ต้องลางานอย่างน้อย 2-3 อาทิตย์หลังเสริมหน้าอก

          10. ได้เวลาซื้อเสื้อชั้นในใหม่ ก็แน่นอนอยู่แล้วว่าหลังทำหน้าอกให้ใหญ่ขึ้นก็ต้องเปลี่ยนไซซ์เสื้อชั้นในเป็นธรรมดา แต่ทั้งนี้สำหรับคุณสาว ๆ ที่ทำศัลยกรรมหน้าอกมาแล้วรู้ไหมคะว่าแรก ๆ นั้นไม่ควรที่จะใส่เสื้อชั้นแบบมีโครง เพราะมันจะทำให้รัดหน้าอก และเมื่อหน้าอกบวมแต่เสื้อชั้นในไม่ขยายตามก็จะกลายเป็นพังผืดเกาะเอาได้ง่าย ๆ ดังนั้นหลังทำศัลยกรรมช่วงแรก ๆ จึงควรเปลี่ยนมาใส่เสื้อชั้นในแบบที่มีเนื้อผ้ายืดหยุ่นได้ดี และไม่รัดหน้าอกแน่นจนเกินไป อย่างพวก สปอร์ตบรา หรือบราสำหรับผู้ที่เสริมหน้าอก เป็นต้น

          11. ทำใจรับรอยแผลเป็นที่จะเกิดขึ้น แน่นอนอยู่แล้วว่าหลังผ่าตัดย่อมจะมีรอยแผลเป็นเกิดขึ้นแน่ ๆ แต่จะมากหรือน้อย อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับฝีมือของศัลยแพทย์และการดูแลของตัวคุณเอง ซึ่งวิธีดูแลเบื้องต้นอาจจะใช้ครีมลดรอยแผลเป็นเข้ามาช่วยทา อาจจะทำให้แผลเป็นลดลงได้บ้าง

          12. หลังจากทำศัลยกรรมหน้าอกแล้วจะต้องทำเอ็มอาร์ไอสแกนเป็นประจำ ซึ่งสาเหตุที่ต้องทำก็เพื่อเป็นการตรวจสอบวัสดุที่ใช้เสริมหน้าอกว่ายังมีสภาพดีอยู่หรือไม่ ดังนั้นสาว ๆ คนไหนที่คิดอยากจะทำหน้าอกอย่าลืมคำนึงถึงค่าใช้จ่ายส่วนนี้เอาไว้ด้วยนะคะ

ศัลยกรรมหน้าอก


          13. หลังเสริมหน้าอก สาว ๆ สามารถให้นมลูกได้ตามปกติ เพราะการเสริมหน้าอกนิยมเปิดแผลผ่าตัดใต้รักแร้หรือใต้ราวนม เพื่อใส่ถุงซิลิโคนเข้าไปใต้หรือเหนือกล้ามเนื้อเต้านม โดยไม่มีการตัดท่อน้ำนมหรือตกแต่งบริเวณหัวนม จึงสามารถให้นมลูกได้ตามปกติ และไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ ตามมา

          14. ซิลิโคนเสริมหน้าอกอยู่ได้กี่ปี ทำหน้าอกแล้วอยู่ได้ตลอดชีวิตไหม ? คำตอบคือได้ค่ะ เพราะจากที่เมื่อก่อนซิลิโคนเสริมหน้าอกควรเปลี่ยนใหม่ทุก ๆ 10 ปี เนื่องจากซิลิโคนจะเริ่มเสื่อมลง แต่ปัจจุบันซิลิโคนที่ใช้เสริมหน้าอกมีมาตรฐานมากขึ้นและมีใบการันตี สามารถมีอายุการใช้งานได้แบบไม่มีหมดอายุ ซึ่งหากไม่มีปัญหาอะไรก็สามารถอยู่ได้ตลอดชีวิตเลย

          รู้อย่างนี้แล้ว สำหรับคุณสาว ๆ ที่กำลังคิดจะเสริมหน้าอกก็เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ให้พร้อมกันได้เลย เพราะทั้งหมดที่กล่าวมานี้คุณจะต้องเจออย่างแน่นอน แต่ก็อย่างว่าแหละเนอะ ได้หน้าอกคู่ใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมมาทั้งที เป็นใครก็ยอมทั้งนั้นแหละ จริงไหมคะ


ขอบคุณข้อมูลจาก : bangkokhospital.com, yb.clinic, th.yanhee.net

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เสริมหน้าอก กับ 14 เรื่องน่ารู้ก่อนคิดเสริมอึ๋ม ที่คุณอาจยังไม่เคยรู้ อัปเดตล่าสุด 6 ตุลาคม 2563 เวลา 09:53:35 177,045 อ่าน
TOP