เรื่องต้องรู้ก่อนคิดฉีดโบท็อกซ์ สำหรับสาว ๆ ที่อยากจะมีหน้าเรียวเล็กด้วยการฉีดโบท็อกซ์ อย่าเพิ่งใจร้อน มาดู 10 เรื่องจริง ที่คุณควรรู้ต่อไปนี้กันก่อนเลย...
สมัยนี้อยากสวยยังไงการแพทย์ก็ช่วยได้ โดยเฉพาะการ "ฉีดโบท็อกซ์"
ให้หน้าเรียวเล็กแลดูอ่อนวัยนี่ต้องบอกเลยว่าได้รับความนิยมไม่แพ้กระแสความงามและการทำศัลยกรรมด้านอื่น
ๆ เลยทีเดียว แต่ทั้งนี้ก่อนที่สาว ๆ
จะพากันตัดสินใจไปฉีดโบท็อกซ์ตามกระแส อย่าเพิ่งใจร้อนไปค่ะ
ลองถามตัวเองก่อนสิว่าคุณศึกษาเรื่องนี้ดีแล้วหรือยัง ? ถ้ายังไม่แน่ใจ
ลองมาดู 10
เรื่องที่คุณต้องรู้ก่อนคิดฉีดโบท็อกซ์จากกระปุกดอทคอมกันก่อนเลยค่ะ
รู้เอาไว้จะได้ไม่พลาดยังไงล่ะคะสาว ๆ
1. ฉีดโบท็อกซ์เพื่ออะไร
ก่อนจะฉีดโบท็อกซ์ คุณควรรู้ถึงประโยชน์และความต้องการของคุณเสียก่อน ว่าฉีดเข้าไปเพื่ออะไร และช่วยอะไรได้บ้าง ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วที่นิยมฉีดโบท็อกซ์กันก็เพราะว่า โบท็อกซ์นั้นสามารถช่วยทำให้หน้าเรียว ลดกราม ช่วยทำให้หน้าดูเด็กลง ริ้วรอยต่าง ๆ รวมถึงรอยตีนกาก็ทำให้ดูตื้นขึ้นได้ นอกจากนี้ยังสามารถฉีดลดน่อง ทำให้น่องเรียว รวมถึงยังช่วยรักษาอาการปวดไมเกรน ปวดหลัง และลดเหงื่อบริเวณผิวหนังได้อีกด้วย
2. ฉีดโบท็อกซ์แบบไหนถึงจะปลอดภัย
จริง ๆ ในปัจจุบันมีโบท็อกซ์ที่ใช้กันอยู่หลายแบบ แต่ที่ผ่าน อย. แล้วก็คือ Botulinum toxin type A ซึ่งปัจจุบันก็มีนำเข้าทั้งจากเกาหลีและอเมริกา แต่ทั้งนี้สารโบท็อกซ์จากเกาหลีจะได้รับความนิยมมากกว่า เนื่องจากมีราคาถูกกว่าของอเมริกา แต่ทั้งนี้ของอเมริกาก็สามารถอยู่ได้นานกว่า เอาเป็นว่าสาว ๆ อยากใช้แบบไหน ก็ลองตัดสินใจกันดูนะคะ
3. อยากฉีดโบท็อกซ์ สุขภาพร่างกายต้องแข็งแรง
4. ต้องปรึกษาแพทย์ และฉีดโบท็อกซ์กับผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
ทั้งคนที่ไม่เคยฉีดโบท็อกซ์หรือแม้แต่คนที่เคยฉีดแล้ว อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์และขอคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทุกครั้ง แต่สำหรับใครที่ยังไม่มีแพทย์ในใจ ให้ลองศึกษาดูประวัติและผลงานของแพทย์ท่านนั้นเพื่อความมั่นใจเสียก่อน อย่าคิดทำกับหมอกระเป๋าหรือหมอเถื่อนเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายตามมาได้
5. ต้องเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกซ์
ก่อนฉีดโบท็อกซ์สาว ๆ จะต้องมีการเตรียมตัวให้ดีเสียก่อน ได้แก่ หยุดใช้ยากลุ่มกรดวิตามิน A, AHA และยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDS ได้แก่ Motrin, Naproxen, Brufen เป็นเวลา 1 สัปดาห์ นอกจากนี้ควรงดแอลกอฮอล์ งดการสครับหน้าและขัดหน้า เป็นเวลา 2-3 วันก่อนการฉีดโบท็อกซ์ ทั้งนี้ก็เพื่อลดความเสี่ยง ลดรอยฟกช้ำ และลดผลข้างเคียงที่จะตามมา
6. อย่าฉีดโบท็อกซ์ช่วงหัวค่ำ
ทำไมถึงไม่ควรฉีดโบท็อกซ์ตอนหัวค่ำ ก็เพราะว่าอย่างที่รู้ ๆ กันว่าหลังฉีดภายใน 4-5 ชั่วโมงแรก คุณจะต้องพยายามอย่าให้มีแรงกดใด ๆ บนหน้าของคุณ เพราะไม่อย่างนั้นตัวยาอาจจะกระจายไปยังจุดอื่น ๆ ได้ ดังนั้นจึงไม่ควรฉีดช่วงหัวค่ำ เพราะถ้าคุณเผลอนอนหลับไปหลังจากฉีดโบท็อกซ์มาใหม่ ๆ มีหวังตื่นมาอาจได้ตกใจหน้าตัวเองเป็นแน่
7. หลังฉีดโบท็อกซ์เสร็จใหม่ ๆ ควรเคี้ยวหมากฝรั่ง
หลังฉีดโบท็อกซ์เสร็จใหม่ ๆ คุณจะต้องพยายามขยับกล้ามเนื้อเพื่อให้สารโบท็อกซ์ที่ฉีดเข้าไปกระจายตัว ซึ่งสาว ๆ ควรจะเตรียมหมากฝรั่งสำหรับเอาไว้เคี้ยว โดยให้เคี้ยวต่อเนื่องเป็นเวลา 1-2 ชั่วโมง
8. หลังฉีดโบท็อกซ์ใหม่ ๆ ห้ามทำเลเซอร์หน้า
เรื่องนี้หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้ว่า หลังฉีดโบท็อกซ์ประมาณ 2-3 สัปดาห์แรก ห้ามไปทำเลเซอร์หน้าเชียวนะคะสาว ๆ เพราะพลังงานจากเลเซอร์จะไปสลายโบท็อกซ์ทำให้เสื่อมสภาพเร็วขึ้น นั่นก็หมายความว่าหน้าของคุณจะกลับสู่สภาพเดิมเร็วขึ้นนั่นเอง
9. รู้ยัง ? โบท็อกซ์อยู่ได้ไม่ถาวร ต้องฉีดซ้ำอยู่เรื่อย ๆ
หลังฉีดโบท็อกซ์ตัวยาจะออกฤทธิ์เต็มที่ประมาณ 2-3 สัปดาห์แรก และฉีดครั้งหนึ่งจะอยู่ได้นานประมาณ 4-5 เดือน เมื่อตัวยาหมดฤทธิ์แล้วก็หมายความว่าหน้าของคุณจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ถ้ายังอยากมีหน้าเรียวแลดูอ่อนเยาว์อยู่ คุณก็ต้องเสียเงินไปฉีดซ้ำอีกครั้งนั่นเอง
10. ทำใจยอมรับความเสี่ยง
ถึงแม้การฉีดโบท็อกซ์ หากผิดพลาดแล้วไม่ทำให้มีอันตรายถึงชีวิต แต่ก็อาจเกิดอาการข้างเคียงต่าง ๆ ตามมาได้ อย่างเช่น บวมแดง หนังตาตก หางคิ้วตก หลับตาไม่สนิท ตาผิดรูป ปากเบี้ยว เป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้หลายคนอาจเกิดขึ้นได้ แต่ก็จะสามารถหายได้เองหลังจากที่ตัวยาหมดฤทธิ์ ดังนั้นเมื่อรู้อย่างนี้แล้วลองถามตัวเองดูสิว่า คุณพร้อมที่จะเสี่ยงและยอมรับกับเรื่องเหล่านี้ได้หรือไม่ ?
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกซ์กันไปแล้ว
คราวนี้คุณสาว ๆ คนไหนที่อยากจะสวยด้วยการฉีดโบท็อกซ์
อย่างไรก็ตามอย่าลืมปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเสียก่อน
เพราะทั้งหมดนี้ก็เพื่อความมั่นใจและความปลอดภัยของตัวคุณเองยังไงล่ะคะ
1. ฉีดโบท็อกซ์เพื่ออะไร
ก่อนจะฉีดโบท็อกซ์ คุณควรรู้ถึงประโยชน์และความต้องการของคุณเสียก่อน ว่าฉีดเข้าไปเพื่ออะไร และช่วยอะไรได้บ้าง ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วที่นิยมฉีดโบท็อกซ์กันก็เพราะว่า โบท็อกซ์นั้นสามารถช่วยทำให้หน้าเรียว ลดกราม ช่วยทำให้หน้าดูเด็กลง ริ้วรอยต่าง ๆ รวมถึงรอยตีนกาก็ทำให้ดูตื้นขึ้นได้ นอกจากนี้ยังสามารถฉีดลดน่อง ทำให้น่องเรียว รวมถึงยังช่วยรักษาอาการปวดไมเกรน ปวดหลัง และลดเหงื่อบริเวณผิวหนังได้อีกด้วย
2. ฉีดโบท็อกซ์แบบไหนถึงจะปลอดภัย
จริง ๆ ในปัจจุบันมีโบท็อกซ์ที่ใช้กันอยู่หลายแบบ แต่ที่ผ่าน อย. แล้วก็คือ Botulinum toxin type A ซึ่งปัจจุบันก็มีนำเข้าทั้งจากเกาหลีและอเมริกา แต่ทั้งนี้สารโบท็อกซ์จากเกาหลีจะได้รับความนิยมมากกว่า เนื่องจากมีราคาถูกกว่าของอเมริกา แต่ทั้งนี้ของอเมริกาก็สามารถอยู่ได้นานกว่า เอาเป็นว่าสาว ๆ อยากใช้แบบไหน ก็ลองตัดสินใจกันดูนะคะ
3. อยากฉีดโบท็อกซ์ สุขภาพร่างกายต้องแข็งแรง
สุขภาพที่แข็งแรงในที่นี้ก็คือ
ไม่เจ็บไม่ป่วย ต้องเป็นคนที่มีสุขภาพดี ไม่มีโรคประจำตัว
ไม่ได้กินยาเป็นประจำ และไม่ได้ตั้งครรภ์อยู่
ซึ่งหากใครที่มีปัญหาเหล่านี้ควรหลีกเลี่ยงการฉีดโบท็อกซ์ไปเสียดีกว่า
เพราะมันไม่ได้เป็นผลดีต่อตัวคุณเลย
ทั้งคนที่ไม่เคยฉีดโบท็อกซ์หรือแม้แต่คนที่เคยฉีดแล้ว อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์และขอคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทุกครั้ง แต่สำหรับใครที่ยังไม่มีแพทย์ในใจ ให้ลองศึกษาดูประวัติและผลงานของแพทย์ท่านนั้นเพื่อความมั่นใจเสียก่อน อย่าคิดทำกับหมอกระเป๋าหรือหมอเถื่อนเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายตามมาได้
ก่อนฉีดโบท็อกซ์สาว ๆ จะต้องมีการเตรียมตัวให้ดีเสียก่อน ได้แก่ หยุดใช้ยากลุ่มกรดวิตามิน A, AHA และยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDS ได้แก่ Motrin, Naproxen, Brufen เป็นเวลา 1 สัปดาห์ นอกจากนี้ควรงดแอลกอฮอล์ งดการสครับหน้าและขัดหน้า เป็นเวลา 2-3 วันก่อนการฉีดโบท็อกซ์ ทั้งนี้ก็เพื่อลดความเสี่ยง ลดรอยฟกช้ำ และลดผลข้างเคียงที่จะตามมา
6. อย่าฉีดโบท็อกซ์ช่วงหัวค่ำ
ทำไมถึงไม่ควรฉีดโบท็อกซ์ตอนหัวค่ำ ก็เพราะว่าอย่างที่รู้ ๆ กันว่าหลังฉีดภายใน 4-5 ชั่วโมงแรก คุณจะต้องพยายามอย่าให้มีแรงกดใด ๆ บนหน้าของคุณ เพราะไม่อย่างนั้นตัวยาอาจจะกระจายไปยังจุดอื่น ๆ ได้ ดังนั้นจึงไม่ควรฉีดช่วงหัวค่ำ เพราะถ้าคุณเผลอนอนหลับไปหลังจากฉีดโบท็อกซ์มาใหม่ ๆ มีหวังตื่นมาอาจได้ตกใจหน้าตัวเองเป็นแน่
7. หลังฉีดโบท็อกซ์เสร็จใหม่ ๆ ควรเคี้ยวหมากฝรั่ง
หลังฉีดโบท็อกซ์เสร็จใหม่ ๆ คุณจะต้องพยายามขยับกล้ามเนื้อเพื่อให้สารโบท็อกซ์ที่ฉีดเข้าไปกระจายตัว ซึ่งสาว ๆ ควรจะเตรียมหมากฝรั่งสำหรับเอาไว้เคี้ยว โดยให้เคี้ยวต่อเนื่องเป็นเวลา 1-2 ชั่วโมง
เรื่องนี้หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้ว่า หลังฉีดโบท็อกซ์ประมาณ 2-3 สัปดาห์แรก ห้ามไปทำเลเซอร์หน้าเชียวนะคะสาว ๆ เพราะพลังงานจากเลเซอร์จะไปสลายโบท็อกซ์ทำให้เสื่อมสภาพเร็วขึ้น นั่นก็หมายความว่าหน้าของคุณจะกลับสู่สภาพเดิมเร็วขึ้นนั่นเอง
9. รู้ยัง ? โบท็อกซ์อยู่ได้ไม่ถาวร ต้องฉีดซ้ำอยู่เรื่อย ๆ
หลังฉีดโบท็อกซ์ตัวยาจะออกฤทธิ์เต็มที่ประมาณ 2-3 สัปดาห์แรก และฉีดครั้งหนึ่งจะอยู่ได้นานประมาณ 4-5 เดือน เมื่อตัวยาหมดฤทธิ์แล้วก็หมายความว่าหน้าของคุณจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ถ้ายังอยากมีหน้าเรียวแลดูอ่อนเยาว์อยู่ คุณก็ต้องเสียเงินไปฉีดซ้ำอีกครั้งนั่นเอง
10. ทำใจยอมรับความเสี่ยง
ถึงแม้การฉีดโบท็อกซ์ หากผิดพลาดแล้วไม่ทำให้มีอันตรายถึงชีวิต แต่ก็อาจเกิดอาการข้างเคียงต่าง ๆ ตามมาได้ อย่างเช่น บวมแดง หนังตาตก หางคิ้วตก หลับตาไม่สนิท ตาผิดรูป ปากเบี้ยว เป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้หลายคนอาจเกิดขึ้นได้ แต่ก็จะสามารถหายได้เองหลังจากที่ตัวยาหมดฤทธิ์ ดังนั้นเมื่อรู้อย่างนี้แล้วลองถามตัวเองดูสิว่า คุณพร้อมที่จะเสี่ยงและยอมรับกับเรื่องเหล่านี้ได้หรือไม่ ?