ฉีดฟิลเลอร์ต้องรู้อะไรบ้าง สาว ๆ คนไหนที่กำลังคิดอยากจะทำสวยด้วยการฉีดฟิลเลอร์อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจ ลองมาศึกษาข้อควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์กันหน่อยดีกว่า
ปัจจุบันนวัตกรรมความงามพัฒนาไปไกลเพื่อให้สาว ๆ ได้เสริมความมั่นใจ ไม่ให้ความสวยลดลงไปตามกาลเวลา ซึ่งฟิลเลอร์ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ได้รับความนิยม เพราะสามารถแก้ไขทั้งริ้วรอยและช่วยเสริมเติมแต่งใบหน้าให้ดูดีขึ้นได้ แต่การฉีดฟิลเลอร์ก็ต้องศึกษาให้ดี เพราะเคยเกิดกรณีที่เจอของปลอมหรือฉีดกับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐานจนเสียโฉมกันมาแล้ว กระปุกดอทคอมจึงขอพาไปทำความรู้จักกับฟิลเลอร์พร้อมข้อควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ศึกษาไว้ จะได้สวยอย่างปลอดภัยกันค่ะ
ฟิลเลอร์คืออะไร
ฟิลเลอร์ คือสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid ซึ่งเป็นสารประกอบของคอลลาเจนที่มีอยู่แล้วในผิวหนังของคนเรา ใช้สำหรับฉีดเพื่อเติมเต็มหรือเสริมในส่วนที่ต้องการบริเวณชั้นใต้ผิวหนัง ส่วนใหญ่แล้วในทางการแพทย์จะใช้สำหรับฉีดเติมแก้ไขปัญหาริ้วรอยหรือร่องลึกที่บริเวณส่วนต่าง ๆ ของใบหน้า ลำคอ และตามผิวหนังบริเวณหน้าอก ซึ่งจะช่วยทำให้ผิวดูเต่งตึงกระชับขึ้น อีกทั้งยังสามารถฉีดเพื่อเสริมจมูก เสริมแก้ม เสริมคาง เติมเต็มใต้ตา และเติมกระจับปากได้อีกด้วย ทำให้เป็นที่นิยมในหมู่สาว ๆ เป็นอย่างมาก
ข้อควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์
แม้ฟิลเลอร์จะมีข้อดีและช่วยเนรมิตให้สาว ๆ สวยได้ทันใจในพริบตา แต่หากไม่ศึกษาให้ดีก่อนก็อาจเกิดผลเสียตามมาได้ ลองมาดูข้อควรรู้เหล่านี้ แล้วค่อยตัดสินใจฉีดก็ยังไม่สายค่ะ
1. ต้องฉีดฟิลเลอร์กับผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
ปัจจุบันมีหมอเถื่อนมากมายที่รับฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งแน่นอนว่าราคาอาจจะถูก แต่ก็เสี่ยงมากทั้งคุณภาพของฟิลเลอร์และฝีมือการฉีดที่ไม่มีคุณภาพ ฟิลเลอร์เหมือนงานศิลปะที่ต้องปั้นให้สวยงามเพื่อให้รับกับใบหน้ามากที่สุด ดังนั้นควรทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสถาบันความงามที่ไว้ใจได้ และต้องมีใบประกอบวิชาชีพแพทย์เท่านั้น ยอมจ่ายแพงอีกนิด แต่ปลอดภัยแถมสวยนาน ถือว่าคุ้มค่า
2. ศึกษายี่ห้อฟิลเลอร์ให้ดี ๆ
ฟิลเลอร์ที่วงการแพทย์นิยมใช้ในปัจจุบันจะเป็นสารกลุ่ม Hyaluronic Acid เท่านั้น ซึ่งก็มีหลากหลายยี่ห้อที่ผ่านมาตรฐาน อย. แล้ว โดยก่อนจะตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์เข้าสู่ร่างกายควรสอบถามยี่ห้อของฟิลเลอร์ให้แน่ใจก่อนทุกครั้ง เพราะปัจจุบันมีของเลียนแบบ รวมถึงมีสารปลอมแปลงเยอะ โดยสามารถศึกษายี่ห้อของฟิลเลอร์ที่ผ่านมาตรฐานแล้วจากเว็บไซต์ของทาง อย. ได้โดยตรง
3. ปรึกษาแพทย์ว่าสามารถฉีดตรงไหนได้บ้าง
โดยทั่วไปฟิลเลอร์มักจะนิยมฉีดเฉพาะที่ใบหน้า เพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เช่น ฉีดเติมร่องแก้ม ฉีดลดรอยเหี่ยวย่น ริ้วรอย รอยหลุมสิว เป็นต้น นอกจากนี้ยังใช้ฉีดเพื่อเสริมจมูก เสริมคาง เติมหน้าผาก เติมริมฝีปาก ร่องตา โหนกแก้ม หรือฉีดเพื่อยกกระชับใบหน้าก็ได้ ทั้งนี้ต้องรวมถึงชี้แจงผลลัพธ์ที่ต้องการว่าอยากแค่เติมเต็มหรือปรับเปลี่ยนรูปหน้าไปเลย โดยต้องปรึกษาคุณหมอแบบตัวต่อตัว อย่าคิดเองว่าจะดี เพราะแพทย์จะเลือกฉีดให้เหมาะกับบุคคลมากที่สุด ดังนั้นปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้จึงไม่เท่ากันในแต่ละคน
4. ขั้นตอนในการฉีดและผลข้างเคียงหลังฉีดทันที
แพทย์จะใช้เวลาประมาณ 10-30 นาทีในการฉีดฟิลเลอร์ ทั้งนี้ในขณะที่ฉีดอาจจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย เมื่อฉีดเสร็จแล้วแพทย์จะให้นอนพักสักครู่ เพื่อให้ฟิลเลอร์เซตตัว จากนั้นก็สามารถกลับบ้านหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ และบางคนอาจจะมีรอยช้ำหลังฉีดหรือบวมเล็กน้อย ซึงไม่ต้องตกใจ เพราะอาการนี้จะหายได้เองภายในเวลาไม่กี่วัน
5. ฉีดฟิลเลอร์ใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงเห็นผล
ตามปกติแล้วเราสามารถเห็นผลหลังการฉีดฟิลเลอร์ทันที แต่ถ้าอยากเห็นผลลัพธ์แบบสมบูรณ์ควรรอให้ครบ 1 สัปดาห์ เพราะฟิลเลอร์และกล้ามเนื้อบริเวณนั้นจะหายบวมและเข้าที่ดีแล้ว หลังจากนั้นหากไม่พอใจ อยากเติมฟิลเลอร์เพิ่ม ก็สามารถฉีดซ้ำได้ทันที
6. ไม่ควรแต่งหน้าก่อนไปฉีดฟิลเลอร์
เนื่องจากอาจมีสิ่งตกค้างหรือแบคทีเรียจากเครื่องสำอางเกาะอยู่บนผิว ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ ทั้งนี้ก่อนฉีดฟิลเลอร์แพทย์จะทำความสะอาดผิวให้อีกรอบก่อนทายาชา เพื่อให้แน่ใจว่าผิวสะอาดจริง ๆ แต่ถ้าไม่แต่งหน้าไปเลยจะดีที่สุด นอกจากนี้หากอยากจะแต่งหน้าหลังฉีดฟิลเลอร์ ควรรอประมาณ 1 ชั่วโมง และใช้แปรงแต่งหน้าที่สะอาด เครื่องสำอางใหม่ได้ยิ่งดี
7. ผลข้างเคียงของฟิลเลอร์
แม้จะฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อที่ผ่านมาตรฐานกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้ว แต่ก็อาจเกิดผลข้างเคียงได้เช่นกัน โดยหลังการฉีดอาจจะมีอาการตั้งแต่ไม่รุนแรง ไปจนถึงรุนแรงมาก อย่างเช่น เกิดผื่นแดง จุดแดง หรือจ้ำเลือดบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์จากรอยเข็มที่ฉีด ซึ่งเป็นอาการที่จะหายไปได้เองภายใน 1 สัปดาห์ นอกจากนี้ก็อาจจะมีรอยแผลเป็นนูน เนื่องมาจากฉีดฟิลเลอร์มากไปหรือฉีดในตำแหน่งที่ตื้นเกินไป หรือฟิลเลอร์ไหลผิดตำแหน่งก็มี ซึ่งอาการเหล่านี้ถือว่าเป็นผลข้างเคียงที่ไม่รุนแรงนัก สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อทำการแก้ไขได้ แต่ที่อันตรายก็คือ การฉีดฟิลเลอร์ผิดตำแหน่ง เช่น ฉีดเข้าหลอดเลือดอาจทำให้หลอดเลือดอุดตัน หรือแม้แต่การแพ้สารฟิลเลอร์ ซึ่งอาการเหล่านี้อาจส่งผลร้ายแรงถึงเสียชีวิตได้เลยทีเดียว
8. ฉีดฟิลเลอร์ อยู่ได้นานแค่ไหน
การฉีดฟิลเลอร์เรียกได้ว่าเป็นกึ่งศัลยกรรม เพราะผลลัทธ์ไม่คงอยู่ถาวร เนื่องจากสาร Hyaluronic Acid ชนิดนี้จะย่อยสลายได้เองตามกระบวนการของร่างกาย โดยทั่วไปฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐานจะอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน แต่หากฉีดสารแปลกปลอมอื่น ๆ เช่น ซิลิโคนเหลว หรือพาราฟิน จะไม่สามารถย่อยสลายเองได้ และนานวันเข้าจะไปเกาะกับผิวหนังด้านในของเราจนกลายเป็นพังผืด และต้องขูดออกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ดังนั้น เลือกฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐานจะดีที่สุด
9. ใครที่ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์
ผู้ที่ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ ได้แก่ ผู้ที่แพ้สาร Hyaluronic Acid ผู้ที่แพ้ยาชา ผู้ที่ทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด คนที่เลือดออกง่าย เป็นภูมิแพ้ รวมถึงผู้ที่ตั้งครรภ์ก็ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ เนื่องจากเป็นสารแปลกปลอม อาจส่งอันตรายไปถึงลูกได้ และไม่ควรเข้ารับการรักษาฟัน 3 เดือนหลังจากฉีดฟิลเลอร์ เนื่องจากการทำฟันจะต้องมีการดึงรั้งใบหน้า อาจทำให้ฟิลเลอร์บิดเบี้ยวได้
ทราบข้อควรรู้กันครบแล้ว ใครที่กำลังจะตัดสินใจไปฉีดฟิลเลอร์ก็เตรียมตัวกันได้เลย บอกเลยว่าข้อมูลแน่นขนาดนี้ ไม่มีพลาดแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจาก : self.com, webmd.com, miraclebeauty.ca
ฟิลเลอร์คืออะไร
ฟิลเลอร์ คือสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid ซึ่งเป็นสารประกอบของคอลลาเจนที่มีอยู่แล้วในผิวหนังของคนเรา ใช้สำหรับฉีดเพื่อเติมเต็มหรือเสริมในส่วนที่ต้องการบริเวณชั้นใต้ผิวหนัง ส่วนใหญ่แล้วในทางการแพทย์จะใช้สำหรับฉีดเติมแก้ไขปัญหาริ้วรอยหรือร่องลึกที่บริเวณส่วนต่าง ๆ ของใบหน้า ลำคอ และตามผิวหนังบริเวณหน้าอก ซึ่งจะช่วยทำให้ผิวดูเต่งตึงกระชับขึ้น อีกทั้งยังสามารถฉีดเพื่อเสริมจมูก เสริมแก้ม เสริมคาง เติมเต็มใต้ตา และเติมกระจับปากได้อีกด้วย ทำให้เป็นที่นิยมในหมู่สาว ๆ เป็นอย่างมาก
ข้อควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์
แม้ฟิลเลอร์จะมีข้อดีและช่วยเนรมิตให้สาว ๆ สวยได้ทันใจในพริบตา แต่หากไม่ศึกษาให้ดีก่อนก็อาจเกิดผลเสียตามมาได้ ลองมาดูข้อควรรู้เหล่านี้ แล้วค่อยตัดสินใจฉีดก็ยังไม่สายค่ะ
1. ต้องฉีดฟิลเลอร์กับผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
ปัจจุบันมีหมอเถื่อนมากมายที่รับฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งแน่นอนว่าราคาอาจจะถูก แต่ก็เสี่ยงมากทั้งคุณภาพของฟิลเลอร์และฝีมือการฉีดที่ไม่มีคุณภาพ ฟิลเลอร์เหมือนงานศิลปะที่ต้องปั้นให้สวยงามเพื่อให้รับกับใบหน้ามากที่สุด ดังนั้นควรทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสถาบันความงามที่ไว้ใจได้ และต้องมีใบประกอบวิชาชีพแพทย์เท่านั้น ยอมจ่ายแพงอีกนิด แต่ปลอดภัยแถมสวยนาน ถือว่าคุ้มค่า
2. ศึกษายี่ห้อฟิลเลอร์ให้ดี ๆ
ฟิลเลอร์ที่วงการแพทย์นิยมใช้ในปัจจุบันจะเป็นสารกลุ่ม Hyaluronic Acid เท่านั้น ซึ่งก็มีหลากหลายยี่ห้อที่ผ่านมาตรฐาน อย. แล้ว โดยก่อนจะตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์เข้าสู่ร่างกายควรสอบถามยี่ห้อของฟิลเลอร์ให้แน่ใจก่อนทุกครั้ง เพราะปัจจุบันมีของเลียนแบบ รวมถึงมีสารปลอมแปลงเยอะ โดยสามารถศึกษายี่ห้อของฟิลเลอร์ที่ผ่านมาตรฐานแล้วจากเว็บไซต์ของทาง อย. ได้โดยตรง
3. ปรึกษาแพทย์ว่าสามารถฉีดตรงไหนได้บ้าง
โดยทั่วไปฟิลเลอร์มักจะนิยมฉีดเฉพาะที่ใบหน้า เพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เช่น ฉีดเติมร่องแก้ม ฉีดลดรอยเหี่ยวย่น ริ้วรอย รอยหลุมสิว เป็นต้น นอกจากนี้ยังใช้ฉีดเพื่อเสริมจมูก เสริมคาง เติมหน้าผาก เติมริมฝีปาก ร่องตา โหนกแก้ม หรือฉีดเพื่อยกกระชับใบหน้าก็ได้ ทั้งนี้ต้องรวมถึงชี้แจงผลลัพธ์ที่ต้องการว่าอยากแค่เติมเต็มหรือปรับเปลี่ยนรูปหน้าไปเลย โดยต้องปรึกษาคุณหมอแบบตัวต่อตัว อย่าคิดเองว่าจะดี เพราะแพทย์จะเลือกฉีดให้เหมาะกับบุคคลมากที่สุด ดังนั้นปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้จึงไม่เท่ากันในแต่ละคน
แพทย์จะใช้เวลาประมาณ 10-30 นาทีในการฉีดฟิลเลอร์ ทั้งนี้ในขณะที่ฉีดอาจจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย เมื่อฉีดเสร็จแล้วแพทย์จะให้นอนพักสักครู่ เพื่อให้ฟิลเลอร์เซตตัว จากนั้นก็สามารถกลับบ้านหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ และบางคนอาจจะมีรอยช้ำหลังฉีดหรือบวมเล็กน้อย ซึงไม่ต้องตกใจ เพราะอาการนี้จะหายได้เองภายในเวลาไม่กี่วัน
5. ฉีดฟิลเลอร์ใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงเห็นผล
ตามปกติแล้วเราสามารถเห็นผลหลังการฉีดฟิลเลอร์ทันที แต่ถ้าอยากเห็นผลลัพธ์แบบสมบูรณ์ควรรอให้ครบ 1 สัปดาห์ เพราะฟิลเลอร์และกล้ามเนื้อบริเวณนั้นจะหายบวมและเข้าที่ดีแล้ว หลังจากนั้นหากไม่พอใจ อยากเติมฟิลเลอร์เพิ่ม ก็สามารถฉีดซ้ำได้ทันที
6. ไม่ควรแต่งหน้าก่อนไปฉีดฟิลเลอร์
เนื่องจากอาจมีสิ่งตกค้างหรือแบคทีเรียจากเครื่องสำอางเกาะอยู่บนผิว ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ ทั้งนี้ก่อนฉีดฟิลเลอร์แพทย์จะทำความสะอาดผิวให้อีกรอบก่อนทายาชา เพื่อให้แน่ใจว่าผิวสะอาดจริง ๆ แต่ถ้าไม่แต่งหน้าไปเลยจะดีที่สุด นอกจากนี้หากอยากจะแต่งหน้าหลังฉีดฟิลเลอร์ ควรรอประมาณ 1 ชั่วโมง และใช้แปรงแต่งหน้าที่สะอาด เครื่องสำอางใหม่ได้ยิ่งดี
7. ผลข้างเคียงของฟิลเลอร์
แม้จะฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อที่ผ่านมาตรฐานกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้ว แต่ก็อาจเกิดผลข้างเคียงได้เช่นกัน โดยหลังการฉีดอาจจะมีอาการตั้งแต่ไม่รุนแรง ไปจนถึงรุนแรงมาก อย่างเช่น เกิดผื่นแดง จุดแดง หรือจ้ำเลือดบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์จากรอยเข็มที่ฉีด ซึ่งเป็นอาการที่จะหายไปได้เองภายใน 1 สัปดาห์ นอกจากนี้ก็อาจจะมีรอยแผลเป็นนูน เนื่องมาจากฉีดฟิลเลอร์มากไปหรือฉีดในตำแหน่งที่ตื้นเกินไป หรือฟิลเลอร์ไหลผิดตำแหน่งก็มี ซึ่งอาการเหล่านี้ถือว่าเป็นผลข้างเคียงที่ไม่รุนแรงนัก สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อทำการแก้ไขได้ แต่ที่อันตรายก็คือ การฉีดฟิลเลอร์ผิดตำแหน่ง เช่น ฉีดเข้าหลอดเลือดอาจทำให้หลอดเลือดอุดตัน หรือแม้แต่การแพ้สารฟิลเลอร์ ซึ่งอาการเหล่านี้อาจส่งผลร้ายแรงถึงเสียชีวิตได้เลยทีเดียว
การฉีดฟิลเลอร์เรียกได้ว่าเป็นกึ่งศัลยกรรม เพราะผลลัทธ์ไม่คงอยู่ถาวร เนื่องจากสาร Hyaluronic Acid ชนิดนี้จะย่อยสลายได้เองตามกระบวนการของร่างกาย โดยทั่วไปฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐานจะอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน แต่หากฉีดสารแปลกปลอมอื่น ๆ เช่น ซิลิโคนเหลว หรือพาราฟิน จะไม่สามารถย่อยสลายเองได้ และนานวันเข้าจะไปเกาะกับผิวหนังด้านในของเราจนกลายเป็นพังผืด และต้องขูดออกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ดังนั้น เลือกฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐานจะดีที่สุด
9. ใครที่ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์
ผู้ที่ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ ได้แก่ ผู้ที่แพ้สาร Hyaluronic Acid ผู้ที่แพ้ยาชา ผู้ที่ทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด คนที่เลือดออกง่าย เป็นภูมิแพ้ รวมถึงผู้ที่ตั้งครรภ์ก็ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ เนื่องจากเป็นสารแปลกปลอม อาจส่งอันตรายไปถึงลูกได้ และไม่ควรเข้ารับการรักษาฟัน 3 เดือนหลังจากฉีดฟิลเลอร์ เนื่องจากการทำฟันจะต้องมีการดึงรั้งใบหน้า อาจทำให้ฟิลเลอร์บิดเบี้ยวได้
ทราบข้อควรรู้กันครบแล้ว ใครที่กำลังจะตัดสินใจไปฉีดฟิลเลอร์ก็เตรียมตัวกันได้เลย บอกเลยว่าข้อมูลแน่นขนาดนี้ ไม่มีพลาดแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจาก : self.com, webmd.com, miraclebeauty.ca