นุ๊ก สุทธิดา เปิดใจ หมั้นสายฟ้าแลบ หนุ่มรุ่นน้องชาวมาเลเซียวัยห่างกัน 15 ปี ปัดแฟนเป็นมหาเศรษฐี แฮปปี้ฝ่ายชายเข้ากับลูกชายได้ดี แย้มฤกษ์วิวาห์ 9 กรกฎาคมนี้
ขอแสดงความยินดีด้วยจ้า กับสาวนุ๊ก สุทธิดา ที่ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2559 นุ๊กได้เข้าพิธีหมั้นกับแฟนหนุ่ม ฮากีม ช่างภาพและเทรนเนอร์ชาวมาเลเซีย หนุ่มรุ่นน้องที่อายุห่างกันถึง 15 ปี โดยที่ทั้งคู่เตรียมจัดงานฉลองสมรสในวันที่ 9 กรกฎาคม 2559 ที่ประเทศมาเลเซีย
แพลนมานานหรือยัง
นุ๊ก สุทธิดา : เรื่องจะแต่งหรือไม่แต่ง เราก็คุยกันไว้ตั้งแต่แรก ๆ ที่คบกัน เขาจะถามเราเสมอว่าซีเรียสไหม แต่ตอนนั้นเราก็ยังไม่ได้ตอบอะไร เป็นการคุยกันเรื่อย ๆ ทุกเดือน จนถึงวันที่ 13 มีนาคม เขาก็คุกเข่าขอเราแต่งงาน ซึ่งตอนนั้นเราก็คุยกันจริงจังแล้ว ขอที่มาเลเซียค่ะ วันนั้นนั่งอยู่ เขาก็มาสะกิดเก้าอี้ เราก็หันไปแบบใครหาเรื่อง พอเราเห็นกล้องมือถือ เราก็รู้แล้วแหละว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น และหลังจากนั้นก็หูอื้อ แต่รู้สึกว่าเขาถามอยู่นานมาก เราจะพูดว่าตกลงตั้งแต่ที่เห็นกล้องแล้วค่ะ แต่มันพูดไม่ออก สุดท้ายเลยพยักหน้า
รู้จักกันได้อย่างไร
นุ๊ก สุทธิดา : ต้องขอแก้ข่าวนิดนึงว่าเขาไม่ใช่มหาเศรษฐี เป็นแค่คนธรรมดา เป็นตากล้องถ่ายภาพนิ่ง เงินเดือนเท่าตากล้องปกติทั่วไป ไม่ได้รวยเลย ทางพื้นฐานครอบครัวก็ไม่ได้รวย เรารู้จักกันตอนเขาไปแข่งกีฬาที่สิงคโปร์ นุ๊กก็ไปเชียร์เหมือนกัน เป็นกีฬาสตรีทเวิร์กเอาท์เอเชีย มีหลายประเทศมาแข่งรวมกัน มีนักกีฬาของประเทศไทยไปคนเดียว เราก็ไปกับกรุ๊ปคนไทย เราไปเจอกันที่นู่น เขาเข้ามาขอถ่ายรูป หลังจากนั้นเขาก็อินบ็อกซ์เข้ามาทางไอจีหลังจากที่แยกย้ายกันกลับ
ประทับใจอะไรในตัวเขา ถึงได้สานสัมพันธ์ต่อ
นุ๊ก สุทธิดา : ตัวนุ๊กตอนนั้นเราไม่ได้มองใคร เพราะไม่ได้คิดจะมีแฟนเลยและไม่คิดเรื่องการแต่งงานใหม่เลยแม้แต่นิดเดียว แต่ส่วนเขา เขาบอกว่าตอนเห็นแล้วคิดว่าผู้หญิงคนนี้สวยจัง อีกอย่างคงเห็นว่าเราเป็นมุสลิม เพราะตอนนั้นเราคลุมผ้าไปด้วย เขาบอกว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เขากล้าที่จะเข้ามาคุย เพราะถ้าเป็นผู้หญิงที่อยู่กันคนละศาสนามันก็คงเป็นไปไม่ได้ ตอนคุยกันแล้วเราประทับใจที่ความสม่ำเสมอของเขา เลยเริ่มคุยกันมากขึ้นเรื่อย ๆ
ด้วยความที่เขาอายุน้อยกว่า ตอนนั้นเราคิดเรื่องนี้บ้างไหม
นุ๊ก สุทธิดา : คิดค่ะ จริง ๆ คิดมาเสมอว่าอยากได้คนที่อายุมากกว่า อยากได้คนที่เป็นผู้ใหญ่ เพราะชีวิตเราเหนื่อยมาเยอะแล้ว ถ้ามีคนดูแลได้ก็คงจะดี แต่ไม่ได้หมายถึงเรื่องเงินทองนะคะ เพราะเราก็เชื่อมั่นว่าเราเป็นผู้หญิงเก่ง แต่ความเป็นผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะที่มากกว่า แต่ทำไมไม่รู้ไม่เคยมีผู้ใหญ่มาจีบเลย จริง ๆ ตอนแรกเราไม่ค่อยคุยกับเขาเยอะ เพราะเขาอายุน้อยกว่า ทำให้รู้สึกว่ายังไงก็เสียเวลาเปล่า แต่คุยไปเรื่อย ๆ รู้สึกว่าเขาเป็นคนใจเย็นมาก เป็นคนใจดี อาจจะมีอารมณ์ร้อนบ้าง แต่โดยรวมแล้วเขามีวุฒิภาวะมากกว่าตัวเยอะ
ระยะเวลาที่คบกันมา นานเท่าไหร่ ?
นุ๊ก สุทธิดา : เจอกันครั้งแรกเดือนพฤษภาคมปีที่แล้วค่ะ และคุยกันประมาณ 2-3 เดือน ในฐานะเพื่อน ที่เริ่มคุยกันก็ยังไม่ถึงปีค่ะ
เขาทราบได้อย่างไรว่าเราเคยมีครอบครัวมาแล้ว
นุ๊ก สุทธิดา : รู้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทักมาในไอจี เพราะครั้งแรกที่เขาทักมาเราถามเขาเลยว่า รู้ไหมเราอายุเท่าไหร่ และรู้ไหมว่าเรามีลูกแล้ว เป็น 2 คำถามที่เรารีบถามเลยเขาบอกว่าเขารู้
ทางด้านครอบครัวเขาว่าอย่างไรบ้างพอทราบว่าเราเคยมีครอบครัวมาแล้ว
นุ๊ก สุทธิดา : นุ๊กว่านุ๊กโชคดีมาก ถึงแม้ว่าฝ่ายชายอาจจะไม่ได้เป็นคนร่ำรวย แต่ครอบครัวเขาน่ารัก จริงใจ และอบอุ่น เรากล้ากอดคุณแม่เขาอย่างสนิทใจ เพราะเรารู้สึกว่าบ้านนี้จริง รู้สึกเหมือนไปเยี่ยมญาติต่างจังหวัด รู้สึกอบอุ่น
ลูกของเราว่าอย่างไรบ้าง
นุ๊ก สุทธิดา : นุ๊กว่าโชคดีตรงที่ว่าสิ่งที่ฝ่ายชายเขาผ่านเราจริง ๆ คือเป็นเรื่องลูก เพราะเรามีลูกมาก่อน ไม่เคยคิดว่าใครจะมาดูแลลูกเราได้ดีเท่าเรา แต่วันนึงเรารู้สึกว่าคนคนนี้ อาจจะไม่ได้มาซัพพอร์ตเรื่องบางเรื่องได้ แต่ในเรื่องของจิตใจ การเลี้ยงดู เราไม่รู้สึกว่าเราต้องบังคับ เพราะเขามีความรับผิดชอบ สิ่งนึงที่เราตัดสินใจคือเรื่องลูกเป็นอย่างแรก ลูกกับเขาก็เข้ากันได้ดี แต่จะไม่ได้เจอกันบ่อยเพราะอยู่คนละประเทศ แต่เวลาได้เจอกันเขาก็ชอบกีฬา เราก็ชอบกีฬา ทำให้เด็กได้สนุกกับการเล่นกีฬาและการทำกิจกรรม
อะไรที่เขาเอาชนะใจลูกเราได้
นุ๊ก สุทธิดา : น่าจะเป็นเรื่องของความจริงใจ เพราะเด็กก็คงไม่มีอะไรมาก แค่เล่นกับเขา จริงใจ แค่นั้นเขาก็คงโอเค
ลูก ๆ ว่าอย่างไรบ้าง
นุ๊ก สุทธิดา : แรก ๆ ลูกเราก็แอบช็อกเหมือนกัน เพราะว่าเด็ก ๆ เจอผู้ชายในชีวิตของแม่ไม่กี่คน ลูกคิดมาเสมอว่า พี่โก้ ธีรศักดิ์ เป็นแฟนกับแม่ เพราะเป็นผู้ชายที่เจอบ่อยที่สุด จนวันนึงมีคนเข้ามา เด็กก็จะถามว่าใคร เขาคือใคร เพราะเขาจะเห็นเราสไกป์กันทุกวัน เขาก็จะสงสัย พอเขารู้เขาจะบอกไม่เอา หวงแม่ แต่นุ๊กก็แกล้งบอกเขาว่า งั้นจะไม่คุยเลยนะ แต่ลูกก็บอกไม่เอา เก็บไว้ก่อน
ตอนที่ตัดสินใจแต่งงาน บอกกับลูกยังไง
นุ๊ก สุทธิดา : เราก็บอกน้องเป็นคนแรก ก่อนบอกคุณพ่อคุณแม่ตัวเอง เพราะสำหรับนุ๊กลูกสำคัญที่สุด ถามว่าคิดยังไงถ้าเราจะเป็นครอบครัวกันจริง ๆ ลูกก็ค่อนข้างรอคอย เพราะเขาค่อนข้างวาดฝันว่ามันจะแฮปปี้
กลัวคนจะมองว่ามันเร็วเกินไปไหม
นุ๊ก สุทธิดา : ด้วยความที่เราไม่ได้ดูปัจจัยภายนอกเลย เราดูที่วุฒิภาวะที่เหมือนกัน ความชอบ และนิสัย การแต่งงานครั้งนี้เกิดจากความรัก เลยรู้สึกว่าเรื่องของเวลาเป็นแค่ส่วนหนึ่ง ไม่ใช่ทั้งหมดที่จะการันตีว่าเราจะมีความสุขหรือเปล่า
แพลนงานแต่งหลังจากนี้เป็นอย่างไร
นุ๊ก สุทธิดา : ตอนหมั้นทางแม่ฝ่ายชายมาสวมแหวนให้ แล้วทางฝ่ายชายก็บินกลับเลย ครอบครัวทั้งสองครอบครัวก็ได้เจอกันเป็นครั้งแรกในวันนั้น ส่วนวันแต่งเป็นวันที่ 9 กรกฎาคม ที่มาเลเซีย
แต่งแล้วจะใช้ชีวิตอยู่ที่ไหน
นุ๊ก สุทธิดา : ดูจากสภาพเศรษฐกิจในครอบครัวแล้ว น่าจะอยู่เมืองไทย เพราะลูกเราเรียน และงานที่ทำด้วย ต้องขอบคุณฝ่ายชายด้วย ถึงแม้เขาจะไม่ได้ทำงานใหญ่โต ไม่ได้มีเงินเดือนมากมาย แต่เขาเสียสละชีวิตของเขาที่จะย้ายมาอยู่เมืองไทย เพราะเขาใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ ตลอด การที่เขาต้องเปลี่ยนทุกอย่างเลย ถือเป็นการเสียสละมากสำหรับเขา พอย้ายมาอยู่เมืองไทยก็ต้องดูบ้านกันอีกที และต้องช่วยกันดูแลลูก
ฝ่ายชายวางแผนในการมาทำงานที่ประเทศไทยยังไง
นุ๊ก สุทธิดา : ด้วยความที่อาชีพเขาเป็นตากล้อง อาจจะไปสมัครเป็นตากล้องของพี่ปลา ฟินนาเร่ และในส่วนของยิม เขาเคยเป็นเทรนเนอร์และนักกีฬาด้วย อาจจะหนักมาในเรื่องทำยิมหรือการเป็นเทรนเนอร์
อนาคตวางแพลนว่าจะมีลูกอีกไหม
นุ๊ก สุทธิดา : ตามหลักแล้วการมีลูกจะเป็นของขวัญของพระเจ้า อันนี้ก็ต้องสุดแล้วแต่พระเจ้า ถ้าถามนุ๊ก นุ๊กก็เฉย ๆ นะคะ แต่ถ้าถามถึงฝ่ายชายก็คงตื่นเต้น เพราะตั้งแต่ขอหมั้นเขาก็ดูแลตัวเอง เราก็เข้าใจว่าเขาตื่นเต้น กลายเป็นว่าเราไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ถ้านุ๊กเลือกได้ นุ๊กก็คงอยากได้ผู้หญิง เพราะนุ๊กมีผู้ชาย 2 คนแล้ว ถ้ามีผู้ชายอีกทั้งบ้านจะไม่มีผู้หญิงเลย
ฝ่ายชายให้แหวนกี่กะรัต
นุ๊ก สุทธิดา : ไม่ถึงกะรัตหรอกค่ะ เขาเป็นตากล้อง ก็น่ารัก ๆ
เพราะเรื่องศาสนาที่ตรงกัน เลยทำให้เราตัดสินใจง่ายขึ้น
นุ๊ก สุทธิดา : ใช่ค่ะ มันอาจจะเป็นดวง หรือสิ่งที่ถูกกำหนดไว้แล้ว เพราะเรารู้สึกว่าเราจะไม่มีแฟนต่างศาสนา เป็นคนมีความเชื่อว่าถ้ามีแฟนก็ต้องมีแฟนศาสนาเดียวกัน และเราจะไม่เปลี่ยนศาสนาของเราเพื่อใคร เราไม่ได้เปลี่ยนเพื่อคนอื่น ทางฝ่ายชายเขาก็คิดเหมือนกันว่าไม่อยากมีแฟนต่างศาสนา เพราะมันเป็นเรื่องยากที่จะมาคุยกัน เราเลยบังเอิญได้มาเจอกัน
งานในวงการยังทำต่อไหม
นุ๊ก สุทธิดา : ตอนนี้มีละคร 4 เรื่องค่ะ คือรับเอาไว้นานแล้ว และกำลังทยอยถ่าย และก็มีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมของตัวเอง
ฝ่ายชายทราบไหมว่าเราเป็นดารา
นุ๊ก สุทธิดา : เขาก็รู้ตอนที่เขามาเห็นในไอจี เขาสงสัยว่าทำไมผู้หญิงคนนี้คนตามเยอะจัง
มั่นใจใช่ไหมว่าเขาไม่ได้มาหลอกเรา
นุ๊ก สุทธิดา : มั่นใจนะคะ แต่ถามว่าชีวิตคู่มันจะประสบความสำเร็จไหม เชื่อว่าทุกคู่ที่ตกลงอยู่ด้วยกัน โดยเฉพาะคู่ที่ไม่ได้มีเงื่อนไขอื่นเลยนอกจากความรัก ก็คงคิดว่ามันน่าจะรอดปลอดภัย อยู่กันจนถึงโลกหน้า แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครให้ความมั่นใจได้ ขนาดตัวเราเองยังเปลี่ยนตัวเราเองทุกวัน ใจเราก็เปลี่ยนทุกวัน เพราะฉะนั้นขอให้มันเป็นอย่างที่เราหวังไว้ดีกว่า
อนาคตจะได้เห็นฝ่ายชายออกสื่อบ้างไหม ?
นุ๊ก สุทธิดา : น่าจะได้เห็นช่วงเดือนหน้า จะไปลองชุดแต่งงานกัน อาจจะได้เห็นกัน
ครอบครัวเราเองว่าอย่างไรบ้าง
นุ๊ก สุทธิดา : นุ๊กโชคดีที่คุณแม่จะพูดกับนุ๊กเสมอว่า เงินไม่สามารถซื้อได้ทุกอย่าง เหมือนเขาจะเตือนสติอยู่ตลอดเวลา เขาเตือนไปรวม ๆ เพราะฉะนั้นคุณแม่จะไม่ได้สนเรื่องฐานะเงินทอง เขาจะสนที่ว่าเราได้คบคนดี ๆ วันที่เราบอกเขาว่าจะหมั้นและแต่งงานกับคนนี้ เราก็รีบบอกว่าเขาเป็นยังไง คุณแม่ก็บอกว่า ขอให้เป็นคนดีก็พอแล้ว เพราะแม่เชื่อว่าถ้าเราได้คบคนดีเราก็จะมีความสุข ส่วนเรื่องอื่น ๆ แม่บอกว่านุ๊กเป็นผู้หญิงเข้มแข็ง เป็นคนเก่ง น่าจะไม่ลำบากอยู่แล้ว
ติดตามข่าว นุ๊ก สุทธิดา ทั้งหมด
ภาพและข้อมูลจาก ช่อง 2, Instagram nook_suttida