
สวัสดีค่ะสาว ๆ วันนี้มีของเล่นใหม่มาแนะนำกันด้วยแหละ ^^ เพราะเห็นว่าช่วงนี้เป็นช่วงไว้ทุกข์ แล้วสีผมของเราก็โดดเด่นเหลือเกิน ดูแล้วคงจะไม่เหมาะกับการแต่งตัวไว้ทุกข์ในช่วงนี้สักเท่าไร เลยคิดอยากจะเปลี่ยนสีผมใหม่ให้ดูซอฟท์ลง ซึ่งส่วนตัวแล้วเป็นคนที่ชอบโทนสีเบจมาก ๆ อีกทั้งสีเบจก็กำลังมาแรงในช่วงนี้ ว่าแล้วก็เลยตัดสินใจลองไปเดินหาดูว่าจะมีครีมย้อมผมยี่ห้อไหนที่มีโทนสีเบจที่เราอยากได้บ้าง
แล้วก็แท่นแท๊น... ดีใจสุด ๆ เพราะเราบังเอิญไปเจอครีมย้อมผมตัวนี้มา L’Oreal Excellence Fashion Les Beiges ต้องบอกเลยว่าเป็นสีโทนเบจที่อยากได้อยู่พอดี >< แต่เขามีโทนเบจตั้ง 2 สีแหนะ คือ
- เบอร์ 6.1 สีบลอนด์เบจเข้มประกายหม่น
- เบอร์ 7.1 สีบลอนด์เบจประกายหม่น
แล้วด้วยความที่ชอบทั้งสองสี บวกกับแบรนด์นี้เขาก็มีชื่อเสียง เราเลยไม่ลังเลสอยมาทั้งสองตัว 555 แต่วันนี้ด้วยความที่อยากได้ลุคที่ดูสุภาพหน่อย จึงจะเลือกย้อมผมตัวสี 6.1 เฉดบลอนด์เบจเข้มประกายหม่นค่ะ ซึ่งผลจะออกมาเป็นยังไง ลุ้น ๆ รอชมกันได้เลย...
และนี่ก็คือหน้าตาของครีมย้อมผมที่เราสอยมาทั้ง 2 สี (ซึ่งเราเลือกทำสี 6.1 บลอนด์เบจเข้มประกายหม่น)

จากข้างหลังกล่อง ทำออกมาแล้วจะได้สีประมาณนี้...

สำหรับ L’Oreal Excellence Fashion Les Beiges ตัวนี้เห็นว่าเป็นครีมย้อมผมที่ออกมาใหม่ค่ะ ซึ่งสีที่เขาทำออกมานั้นเรียกได้ว่าเข้ากับสีผิวของคนไทยมาก ๆ โดยเฉพาะสาว ๆ ที่ชอบโทนสีเบจยิ่งไม่ควรพลาดอย่างแรง ! และนอกจากจะเป็นโทนสีที่มาแรงแล้ว มาแอบดูคุณสมบัติก็ยิ่งเริดไปอีก เพราะว่าตัวนี้ทำแล้วผมไม่เสีย กลิ่นไม่ฉุน เรียกได้ว่าทำสีผมเหมือนได้บำรุงผมไปในตัว (ซึ่งตัวเราเองชอบตรงนี้) และนอกจากจะช่วยปกป้องและบำรุงเส้นผมให้ดูสุขภาพดีมีชีวิตชีวาแล้ว สีที่ได้ยังสวยชัดติดทนนาน เปล่งประกายเงางาม และนุ่มลื่นอีกด้วยล่ะค่ะ

เอ้า ! และแล้วก็ได้เวลาเปลี่ยนสีผมกันแล้ว มาท้าพิสูจน์กันดูซิว่าจะเริดอย่างที่ L’Oreal บอกแค่ไหน ?
และนี่ก็คืออุปกรณ์ทั้งหมดที่เราต้องใช้ ซึ่งในกล่องจะมีอุปกรณ์ทำสีผมและถุงมือมาให้เรียบร้อยเลยค่ะ (ป.ล. แอบขโมยผ้าคลุมโต๊ะคุณแม่มาทำเป็นผ้าคลุมกันเปื้อนด้วยแหละ 555)

และนี่ก็คือสีและสภาพเส้นผมของเราก่อนย้อมค่ะ จะเห็นได้ว่าผมของเราค่อนข้างผ่านการทำสีผมมาเยอะ ทำให้ผมแห้งเสียอยู่เหมือนกัน (อีกนิดก็ไม้กวาดล่ะ 555)
มาเริ่มกันเลย... ขั้นตอนแรกต้องบำรุงผมก่อนค่ะ ซึ่งเราเพิ่งเห็นว่ามียี่ห้อนี้นี่แหละที่มีเซรั่มบำรุงผมก่อนทำสีมาให้ด้วย โดยชโลมเส้นผมให้ทั่ว แต่ไม่ต้องล้างออกนะคะ บอกเลยว่าโดนใจมาก #เสียงสู๊ง



เมื่อชโลมผมด้วยเซรั่มเสร็จแล้ว ทีนี้ก็มาผสม "ครีมเปลี่ยนสีผม" กับ "ครีมดีเวลลอปเปอร์" เข้าด้วยกัน จากนั้นเขย่าขวดเพื่อให้เป็นเนื้อเดียวกันค่ะ


สำหรับตัวนี้ที่เราชอบอีกอย่างก็คือมีหัวแปรงมาให้ถึง 2 หัวเลยค่ะ สะดวกสุด ๆ แถมยังไม่ต้องกลัวหกเลอะเทอะอีกด้วย

จากนั้นก็เริ่มบีบครีมลงบนโคนผมให้ทั่วก่อน โดยเราจะใช้แปรงหัวแหลม สำหรับบริเวณโคนผมสีดำที่ขึ้นใหม่ค่ะ เห็นไหมคะ เนื้อครีมสีขาวดูดีเชียว ^^

เมื่อลงครีมในส่วนของโคนผมทั่วแล้วก็เปลี่ยนมาใช้หัวแปรงหลายหวีลงครีมให้ทั่วหัวเลยค่ะ โดยเริ่มจากด้านหลังมาก่อน ค่อย ๆ ปล่อยผมทำทีละชั้น ไล่ขึ้นมาเรื่อย ๆ จนทั่วทั้งหัวค่ะ เสร็จแล้วพักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที

หลังจากลงครีมทั่วทั้งหัวแล้วบอกเลยว่ากลิ่นไม่ฉุนเลยอะ ดี๊ดี แถมยังมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ด้วย ที่สำคัญไม่คัน ไม่ระคายเคืองศรีษะเหมือนครีมย้อมผมตัวอื่น ๆ ที่เราเคยใช้มาก่อน (หลงรักเลย) ซึ่งบางทียี่ห้ออื่นถึงขั้นมีกลิ่นฉุนจนรู้สึกแสบตาเลยล่ะ




เสร็จแล้ว ^^ มาดู Before-After กันเถอะ


รู้สึกสภาพผมดูดีขึ้นเยอะ 555 นี่แค่ใช้พัดลมเป่าให้แห้งเองนะเนี่ย ผมยังไม่ชี้ฟูเลย ><


สีสวยชัดม๊าก และที่ชอบสุด ๆ คือผมของเราไม่แห้งเสียเลย แม้เพิ่งจะผ่านการย้อมสีผมมาสดร้อน ๆ แต่กลับรู้สึกว่าผมนุ่มลื่น และสุขภาพดีขึ้นซะอีก คอนเฟิร์มเลยค่ะว่าเปลี่ยนสีผมแล้วสุขภาพผมดีขึ้นจริง ๆ เห็นทีงานนี้คงต้องยกให้เป็นลูกรักแล้วล่ะ เอาไปเลย 10/10 คะแนน ^__^

อ๊ะ ! ไหน ๆ ก็ทำผมโทนสีเบจแล้ว ลองมาปิดท้ายแต่งตัวด้วยชุดสีเบจให้เข้ากับลุคสีผมกันหน่อยดีกว่า...

สีผมกับสีชุดเข้ากั๊นเข้ากัน


สีผมสวย แถมยังนุ่มสลวยได้อีก อิอิ


รักเลยผมสีนี้ >< นี่แหละที่อยากได้มานาน






