ทำเอาใจหายใจคว่ำกันยกใหญ่ เมื่อ เปิ้ล นาคร ประสบอุบัติเหตุเรือเร็วคว่ำ แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะยังไม่เข็ด เพราะล่าสุด (10 มิถุนายน 2560) จูน กษมา ได้เผยว่า ล่าสุดก็ไปแข่งเจ็ตสกีมา ห้ามอะไรไม่ได้เลย เขาใช้ชีวิตแบบนี้มาก่อนจะเจอจูนอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็คงจะห้ามไม่ได้ เขาเองก็คงรู้แล้วแหละว่าเกิดอะไรขึ้นมันอันตรายแค่ไหน เราเป็นภรรยาก็ได้แค่เตือน ให้เขาคิดเอง แต่ก็คิดไม่ได้ ห้ามไม่ได้ด้วย ก็เล่นไป แต่ก็ให้ระวังไปด้วย เพราะลูกยังเล็ก เขาก็บอกว่ามันอยู่ในสายเลือดเขาแล้ว จะไม่ให้เขาเล่นกีฬาจะให้เขาทำอะไร เราก็คิดว่าเล่นอย่างอื่นก็ได้นะ ไม่ต้องเล่นผาดโผนขนาดนี้ ก็ดูแลกันไปค่ะ เราเป็นภรรยาก็ได้แค่สนับสนุนไป
เขาไม่เข็ด ?
จูน กษมา : ไม่เข็ด ครั้งนั้นมาอีกสองอาทิตย์ก็ไปแข่งต่อ และเดี๋ยวจะมีไปแข่งที่ต่างประเทศด้วยค่ะ ก็เป็นความฝันของเขา ตัวเราเองก็เดี๋ยวต้องตามไปด้วยค่ะ แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นที่ไหน แต่ว่าเขาคุยไว้แล้วค่ะ อ๋อ..ไม่มีสัญญาอะไรค่ะ แค่บอกว่าก่อนจะแข่งโอนทุกอย่างมาก่อนนะ
เรากังวลไหม ?
จูน กษมา : กังวลอยู่แล้วค่ะ คือจูนกังวลมาตั้งแต่เล่นเจ็ตสกีแล้ว แต่มันเริ่มชินตลอด อันนี้เขามาเริ่มใหม่เป็นเอฟวัน ซึ่งมันแรงแล้วมันเร็วกว่าเจ็ตสกี เราก็ต้องบ่นไปลูปเดิม มาตื่นเต้นใหม่ตลอดทุกครั้งก็คงได้แต่ทำให้มันชิน เราก็ต้องอยู่กับเขาให้ได้
อย่างลูกเองพี่เปิ้ลก็เริ่มปลูกฝังแล้ว เรามีห้ามไหม ?
จูน กษมา : ใช่ค่ะ เราก็ไม่ได้เบรกค่ะ เพราะมันคือกิจกรรมที่ออก้าชอบ และเวลาที่เขาไปเล่นกับพ่อเขา พี่เปิ้ลเขาจะดูแลตลอด ไม่ได้อันตรายอย่างที่คิด เขาจะเซตทุกอย่างเวลาขับเล่น เขาจะดูไม่ให้มีใครอยู่ในนั้นเลย มีแค่เขา ลูกเขา ล่าสุดก็ไปเล่นที่เกาหลีมา ออก้าชอบมากค่ะ พี่เปิ้ลเขาก็คงให้เล่นตลอดแต่คงไม่ได้แข่งอะไรแบบนี้หรอกค่ะ
อย่างพี่เปิ้ลมาเกิดอุบัติเหตุแบบนี้ เรากลัวไหม ?
จูน กษมา : ก็กลับมากังวลใหม่อีกรอบหนึ่งค่ะ แต่ก็ต้องมั่นใจนะคะ เราต้องมั่นใจในตัวพี่เปิ้ลด้วย
จูน กษมา : คุณหมอบอกว่าน่าจะเข้ารับการผ่าตัดอีกสองเดือน ตอนนี้ก็ให้รักษาไปแบบเบื้องต้นอีกทีหนึ่ง คือให้แปะตาไปก่อน ถ้าเกิดว่าองศามันดีขึ้นก็อาจจะไม่ต้องผ่าก็ได้ คือเป็นข้างเดิมค่ะ ต้องบอกก่อนว่าอันนี้พอผ่าแล้ว ไม่ใช่ว่าครั้งเดียวจะจบ ก็ต้องเก็บรายละเอียดเรื่อย ๆ คุณหมอก็ถามว่าคุณแม่โอเคไหม เราก็โอเค ถ้าต้องทำอะไรแล้วมันออกมาแล้วดีคุณหมอบอกเลยค่ะ ก็ชีวิตน้องนะคะ ยิ่งกับตาด้วยมันสำคัญ ก็เลยดูแลให้เต็มที่ มากสุดน้องต้องใส่แว่น หมอก็ถามว่าโอเคไหม เราโอเคมากเลยแค่ใส่แว่น แต่ถ้าเรื่องผ่าเราต้องตกใจอยู่แล้ว ตอนนี้ก็แปะตาทุกสองชั่วโมงทุกวัน พอครบเดือนก็ให้น้องวัดองศาตาอีกทีหนึ่ง
ตอนนี้ที่ตรวจเจอคือยังไง ?
จูน กษมา : คือตากลับเข้ามาอีกแล้ว เข้ามานิดหนึ่งยังไม่ได้เยอะมากก็เลยยังแปะตารักษาตามอาการไปก่อน ก็ต้องสังเกตกันไป คือน้องเป็นเลซี่อาย และพบในระยะที่รวดเร็ว เพราะฉะนั้นร่างกายของน้องมันยังพัฒนา และเปลี่ยนแปลงและเป็นธรรมดาที่จะต้องคอยผ่า เพื่อเก็บรายละเอียดรักษาไปเรื่อย ๆ
ต้องผ่าอีกกี่ครั้ง ?
จูน กษมา : หมอยังกำหนดอะไรไม่ได้ น้องจะจบคงที่ทุกอย่างในวัย 10 ขวบ ถ้าถึงตอนนั้นน้องได้ที่ตรงไหนยังไงก็คงต้องตามนั้นแล้ว แต่ตอนนี้น้องเพิ่งขวบครึ่ง ก็ยังรักษาเขาอีก 9 ปี ไปเรื่อย ๆ ทำเรื่อย ๆ อยู่ที่เขาเลย น้องก็ไม่ต่อต้าน เราก็ไม่ได้ให้เขารู้สึกว่าเขาป่วย ตอนนี้แปะตาก็เขียนตาให้เขาเล่น เขาก็ชอบ พ่อแม่ต้องคอยซัพพอร์ตและอยู่ข้างเขา พวกพี่ ๆ ก็ใส่แว่นตามน้อง เราก็ซื้อแว่นให้ใส่เป็นเลนส์ปกติ ส่วนออเกรซ เริ่มรู้เรื่องแล้วเริ่มจะเล่นเป็นแล้ว ก็ให้ตีกันอยู่ในบ้าน 4 คน แหละค่ะ ยุ่งวุ่นวายมาก ก็สนุกดี การมีลูก 4 คน ถ้าเราวางแผนดี ๆ อยู่ที่ใจเราด้วย อยู่ให้สนุก เพลินดีค่ะ
ภาพจาก Instagram june_kasama