นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการเพลงระดับโลก เมื่อ เชสเตอร์ เบนนิงตัน นักร้องนำวง Linkin Park ตัดสินใจจบชีวิตของตัวเองลงในวัย 41 ปี หลังจากมีอาการป่วยด้วยโรคซึมเศร้า โดยการจากไปของเชสเตอร์ นำมาซึ่งความช็อกและเศร้าเสียใจต่อแฟน ๆ ทั่วโลก
ภาพจาก KEVIN WINTER / AFP
โดย จีโน่ เผยว่า เชสเตอร์คงต่อสู้กับความรู้สึกตัวเองมานานพอสมควร ต่อสู้กับอดีตที่หลอกหลอนเขามาตลอด และคนที่เป็นโรคนี้ จะชอบดึงเหตุการณ์ที่เจ็บปวดในชีวิตกลับมาหาเราเสมอ จากช่วงแรก ๆ ที่เราเกลียดตัวเอง เกลียดสิ่งที่เกิดขึ้น มันจะกลายเป็นคำถามที่ว่า ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงต้องเกิดขึ้นกับเรา ทำไมเราต้องเกิดมาโดนอะไรแบบนี้ หลังจากนั้น พอเราโตขึ้น เราก็คิดหาเหตุผลได้ว่า เรื่องมันเป็นแบบนี้ เพราะอย่างนี้ คือวุฒิภาวะเราสูงขึ้น
แต่ถ้าโรคนี้มันกำเริบขึ้นมา วุฒิภาวะจะไม่ช่วยอะไรเลย คุณจะหาเหตุผลเพื่อที่จะดึงตัวเองให้มันดิ่งลงไปในความทุกข์ หลาย ๆ คนถามว่า ผู้ชายคนนี้มีหลาย ๆ อย่างที่คนอื่นไม่มี เขาไม่ต้องต่อสู้กับความหิวโหย เขามีเงินใช้มากกว่าคนหลายคน เขาไม่ต้องสู้กับอะไรที่คนธรรมดาเขาสู้กัน แต่คุณอย่าลืมว่าเขากำลังสู้กับตัวเองอยู่ และ สู้มาโดยตลอด
มีบางคนบอกว่าเขาทิ้งลูก ทิ้งเมีย ทิ้งวง ทิ้งหลาย ๆ อย่าง ดูเป็นคนเห็นแก่ตัว แต่พวกคุณรู้อะไรไหม เขาอาจจะไม่ได้เห็นแก่ตัวและหนีทุกอย่าง เขาอาจจะคิดว่า ถ้าโลกนี้ไม่มีเขาอยู่แล้ว อาจจะดีกว่า ทุกคนจะได้ไม่ต้องมากังวลเรื่องเขา เพราะอาการของเขาอาจจะทำให้หลาย ๆ คนต้องลำบาก
ส่วนฟางเส้นสุดท้ายที่เขาเลือกจบชีวิตลง น่าจะเกี่ยวกับเพื่อนสนิทของเขา คริส คอเนลล์ คนที่เป็นเหมือนเขา ต่อสู้แบบเดียวกับเขา ต่างคนต่างอาจจะให้กำลังใจกันมาตลอด แต่คนหนึ่งได้จากอีกคนไปก่อนแล้ว การที่เราเป็นอาการนี้แล้วไม่ได้หมายความว่า เราจะมีความคิดฆ่าตัวตายแบบรวดเร็ว มันไม่ใช่ความคิดของเมื่อวาน ของอาทิตย์ที่แล้ว หรือของเดือนที่แล้ว มันเป็นความคิดที่สะสมมาตลอด และเมื่อถึงจุดจุดหนึ่งที่สภาพจิตใจไม่เหลืออะไรแล้ว ก็อย่างที่เห็นกันหลาย ๆ คน
สิ่งสุดท้ายที่อยากบอกคือ อย่าไปตั้งคำถามอะไรเยอะแยะ จะตั้งอีกร้อย อีกกี่พันคำถาม เขาก็ไม่กลับมา คิดถึงเขาก็ขอให้ฟังเพลงของเขา ไม่ว่าเขาจะจากไปด้วยเหตุผลไหน... การต่อสู้ของเขาได้จบลงแล้ว
สำหรับสิ่งที่เขียนนี้ จีโน่ อยากจะช่วยให้คนที่อ่านได้เข้าใจความรู้สึกของคนเป็นโรคนี้ โดยข้อความทั้งหมดมีดังนี้
ภาพจาก เฟซบุ๊ก จีโน่ ชูทส์