เกรซ นวรัตน์ ลูกเสี่ยเจียง เปิดหมดเปลือก รับเคยกลัวไม่กล้าเปิดเผยตัว โชคดีครอบครัวและเพื่อนเข้าใจ เชื่อหลังจากนี้ว่าสังคมจะเปิดรับคนข้ามเพศได้มากขึ้น
ทำเอาหลายคนฮือฮาอยู่ไม่น้อย สำหรับ เกรซ นวรัตน์ เตชะรัตนประเสริฐ ลูกสาวของเสี่ยเจียง คุณสมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ แห่งสหมงคลฟิล์ม ได้โพสต์ภาพของตนเองในชุดเครื่องแบบผู้ชาย เพื่อที่จะเข้ารับพระราชทานปริญญา จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งทางเจ้าตัวก็ได้ขอบคุณทางมหาวิทยาลัยที่เปิดโอกาสและให้เกรซได้เป็นในสิ่งที่เป็น ไม่ให้คำว่าเพศมาเป็นประเด็นเหนือชีวิต (อ่านเพิ่มเติม : เกรซ ลูกสาวเสี่ยเจียง แต่งเครื่องแบบชายรับปริญญา ขอบคุณจุฬาฯ เปิดกว้างทุกเพศ)
ส่วนเรื่องเสียงที่มีคนถามว่าทำไมถึงเหมือนผู้ชาย เจ้าตัวเผยว่า คือตอนเด็ก ๆ เคยพากย์เป็น ก้านแก้ว ในเรื่อง ก้านกล้วย เสียงก็น่ารัก ๆ หน่อย แต่พอโตเสียงก็เปลี่ยน แต่เคยทำพลาดคือการซื้อฮอร์โมนทางออนไลน์มาฉีด ซึ่งเราเพิ่งมาเข้าใจว่าสิ่งที่เราทำมันผิดมาก เป็นสิ่งที่อันตรายมาก ๆ จึงหยุดทำ จากนั้นก็ปรึกษาแพทย์ให้ช่วยรักษาเราอย่างถูกต้อง ซึ่งทำให้เราเข้าใจว่า ประเทศเราให้ความรู้เรื่อง การข้ามเพศ น้อยมาก ไม่มีใครกล้าพูดถึงเลย ซึ่งตอนนี้ก็อยู่ในความดูแลของแพทย์ ในอนาคตหากจะทำอะไรต่อไปก็จะบอกอีกที
โดย เกรซ ยังเปิดใจอีกว่า รู้ตัวว่าตัวเองไม่เป็นผู้หญิงตั้งแต่ ป.1 คือเด็ก ๆ เคยมีปัญหาเรื่องแพ้ผม หมอให้ตัดผมสั้น แต่พอเราไปเรียนแล้วก็รู้สึกไม่ใช่ เลยให้คุณแม่พาไปตัดสกินเฮด วันรุ่งขึ้นก็ใส่กางเกงไปเรียนเลย ตอนนั้นก็รู้สึกว่านี่แหละใช่เลย มาถูกทางแล้ว ถ้าใครได้รู้จักเกรซ ทุกคนจะมองข้ามเรื่องเพศไป หลัง ๆ ตนได้ถามเพื่อนว่าคิดยังไง เพื่อนก็บอกว่า เขาไม่ได้มองเรื่องเพศแล้ว เขามองว่าเกรซเป็นเกรซ และเข้าใจว่าคนไม่ได้กำหนดด้วยเรื่องเพศ แต่กำหนดด้วยความเป็นเขาจริง ๆ
"วันที่ทรมานที่สุด คือการต้องแต่งตัวเป็นผู้หญิง ใส่กระโปรงไปรับรางวัลสุพรรณหงส์ ตอนนั้นเคยขอทีมงานว่าขอใส่ชุดสูทได้ไหม แต่ทางเขาบอกว่าไม่ได้เพราะเราแสดงเป็นเด็กผู้หญิง วันที่ต้องใส่อายมากและไม่อยากไป แต่ตอนนั้นก็เด็กมากพูดไม่ได้ ได้แต่คิดว่า นี่คือสิ่งที่ถูกต้องและควรจะเป็น แต่มันไม่ได้เศร้าจนร้องไห้ แต่คิดว่าเราผิดปกติไหม ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ต้องรักษาหรือเปล่า แต่ที่ผ่านมาได้เพราะครอบครัวและเพื่อน
ก่อนหน้านี้ก็เคยมีกรณีโดนมองว่าทำไมถึงไม่พูด ค่ะ จนคุณป้ากับคุณแม่ให้เราพูดลงท้ายด้วยค่ะ แรก ๆ ก็ไม่อยากพูด แต่หลัง ๆ มาเริ่มชิน เพราะรู้ว่านี่คือสิ่งที่สังคมอยากให้เป็น แต่ถ้าเรากลับไปที่บ้านเราเป็นอะไรก็ได้ ตอนนั้นเราก็เลยทำตรงนั้นให้จบ แล้วเราก็หายไปจากวงการ เพราะรู้สึกแย่และมันทำให้เรากลัวที่จะกลับมา เพราะถ้าเรากลับมาก็ต้องกลับมาเป็นแบบเดิม แต่ตอนนี้คือโอเคมาก"
ทั้งนี้ เกรซ ได้ปิดท้ายว่า หลังจากวันรับปริญญามา ก็มีคนเข้าใจเราเยอะ รู้สึกว่าเราไม่ต้องแอบแล้ว ตลอดเวลาเราต้องใช้ชีวิตแบบแอบ ๆ เราไม่กล้าเข้าห้องน้ำในที่สาธารณะ เราไม่รู้ว่าเขาจะโอเคไหม แต่วันนี้พอเราได้ก้าวออกมาพูดก็สบายใจมาก ๆ ได้เป็นตัวเอง และวันนี้ก็อยากพูดแทนคนที่มีปัญหาเรื่องการข้ามเพศ การอยากพูดว่าตัวตนของเราเป็นอะไร ถ้าเราทำแทนเขาได้มากเท่าไรก็จะทำ ถามว่าถ้าหากพ่อแม่เขาไม่เข้าใจ เราก็อยากจะบอกว่าจากการวิจัยพบว่า คนข้ามเพศเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ เคยคิดฆ่าตัวตาย เพราะรู้สึกไม่ปลอดภัยและไม่ได้รับการยอมรับ ตนก็อยากจะบอกว่าขอให้ใช้ชีวิตต่อไป พ่อแม่ไม่เข้าใจไม่เป็นไร มันต้องมีคนที่เข้าใจเรา เกรซเข้าใจ และเชื่อว่าสักวันมันจะมีคนที่เข้าใจเราได้จริง ๆ ยิ่งมีแรงต่อต้านเรายิ่งอยากสู้แทนเขามากเท่านั้น
ภาพจาก Instagram 9nava, woodytalk