ตูน บอดี้สแลม เปิดใจถึงแรงบันดาลใจ ในการก้าวครั้งยิ่งใหญ่ จากใต้สุดไปเหนือสุดเมืองไทย กับโครงการ ก้าวคนละก้าว เพื่อ 11 รพ.
กลับมาสร้างปรากฏการณ์การ "ก้าว" ครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้ง สำหรับนักร้องหนุ่ม ตูน บอดี้สแลม ที่เคยประสบความสำเร็จกับการทำเพื่อสังคมในโครงการ ก้าวคนละก้าว เพื่อโรงพยาบาลบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ วิ่ง 10 วัน กว่า 400 กม. ได้ยอดบริจาคทะลุ 85 ล้านบาท ก่อนจะขอกลับมา "ก้าวคนละก้าว" อีกครั้ง เพื่อช่วยเหลือโรงพยาบาล 11 แห่ง ทั่วประเทศไทย ในการวิ่งจากใต้สุดแดนสยาม อ.เบตง จ.ยะลา ไปจนถึงเหนือสุด คือ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ด้วยการตั้งเป้ายอดบริจาค 700 ล้านบาท โดยหวังเงินจากคนไทย 70 ล้านคน แค่คนละ 10 บาทเท่านั้น
ตนเองก็ตั้งใจว่าจะช่วยอยู่แล้ว จนเมื่อไปที่ รพ. คุณหมอท่านก็พาทัวร์ ก็ได้เห็นถึงความไม่พร้อมต่าง ๆ ทั้งห้องผ่าตัด อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ไม่เพียงพอ เลยรู้สึกว่าเงินที่เหลือจากการวิ่งจะได้สักเท่าไร เพราะรู้ว่าการจัดงานแบบนี้ต้นทุนมันสูง หลังคุณหมอพาทัวร์จบ เขาก็ขอว่า ถ้าคุณหมอไม่ว่าอะไร ผมขอจัดงานนี้ให้คุณหมอนะครับ
พอกลับมาบ้าน เขาก็หาข้อมูลเกี่ยวกับการจัดงานวิ่งการกุศล และได้รู้ว่าเป็นเรื่องยากมากที่จะให้ได้เงินเยอะ ๆ ไปช่วยโรงพยาบาล เลยตัดสินใจลดต้นทุนทุกอย่าง แล้วมาเป็นโครงการ ก้าวคนละก้าว ตอนแรกที่ทำก็ไม่รู้หรอกว่าจะได้เงินไปช่วยเขาเท่าไร แต่คิดว่าวิธีการนี้น่าจะเหลือเงินไปช่วยเขาได้มากที่สุด
ตอนแรกก็กังวล ไม่อยากทำโครงการนี้แล้วถูกคนมองว่าทำดีเอาหน้า ก็มีพี่คนนึงถามว่า ทำไมไม่ไปออกรายการเยอะ ๆ ให้คนรู้เยอะ ๆ เขาจะได้ช่วยกันได้เยอะ รพ. ก็จะได้เงินเยอะ เขาบอกว่า "ผมไม่กล้าครับ" พี่เขาก็ด่า ว่าทำซะขนาดนี้แล้ว ต้องก้าวข้ามตรงนี้ให้ได้ มองที่ปลายทางว่าเขาได้ประโยชน์จากการกระทำของเรามากเท่าไร มันคือสิ่งที่ดีที่สุด เรื่องคนวิจารณ์ ให้ก้าวข้ามไป มันเป็นเรื่องปกติ หลังจากนั้นก็เริ่มลุย ทำเต็มที่
พอผลตอบรับออกมาดี โครงการประสบความสำเร็จ มีเงินไปช่วยเหลือโรงพยาบาลและได้เห็นผลที่เป็นรูปธรรม ซึ่งฮีโร่ตัวจริงที่ควรได้รับเสียงชื่นชม ก็คือคนไทยทุกคนที่ได้ช่วยเหลือกันจากโครงการที่ผ่านมา
ในโลกโซเชียลมีคนบอกว่า เดี๋ยวพี่ตูนก็ต้องมาวิ่งอีก ซึ่งก็จริง เขากลับมาอีกครั้งพร้อมโครงการ ก้าวคนละก้าว ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม และบอกว่า ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย เพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราใช้วิธีการนี้ เพราะวิธีการเดิม ๆ ถ้าใช้ซ้ำ ๆ จะทำให้คนไม่รู้สึกว่านี่เป็นปัญหาใหญ่
ครั้งนี้จะช่วยเนื่องจากระหว่างครั้งที่แล้ว ก็มีคุณหมอจากหลาย ๆ รพ. มาให้การช่วยเหลือ ดูแลเขาและนักวิ่งระหว่างทาง ทาง รพ.ศูนย์ ที่ราชบุรี ท่านก็ส่งคุณหมอ ส่งนักกายภาพบำบัดมาช่วยระหว่างทาง และบอกว่า ถ้ามีโอกาสก็อยากให้เราทำกิจกรรมลักษณะนี้ ไปช่วย รพ. ที่ราชบุรีบ้าง เพราะเป็น รพ.ศูนย์ คือเป็น รพ. ขนาดใหญ่กว่า รพ. ประจำจังหวัดทั่วไป อยู่ตามจังหวัดใหญ่ ๆ 1 ศูนย์ ดูแลหลายจังหวัด ทั้งประเทศไทยมีประมาณ 30 กว่าศูนย์ โดยจะคอยรับเคสยาก ๆ จาก รพ. จากหลาย ๆ จังหวัด ซึ่งท่านก็บอกว่า ได้รับงบฯ มาสร้างตึกใหม่เสร็จแล้ว แต่ก็ยังต้องการอุปกรณ์การแพทย์เพิ่มเติม
ที่ผ่านมาก็มีหลายที่มาขอให้ช่วย ทั้งติดต่อผ่านตนเองและคนรอบข้าง รวมถึงทีมงาน ใจเขาอยากช่วยทั้งหมด แต่เราก็ตัวเล็ก ๆ แค่นี้ จะทำอย่างไรได้ ก็เลยใช้ทฤษฎีจาก รพ.ศูนย์ ที่ทางกระทรวงสาธารณสุขมีวางยุทธศาสตร์ในการช่วยเหลือแต่ละภูมิภาคอย่างทั่วถึงอยู่แล้ว คือช่วย รพ.ศูนย์ 1 ที่ ก็จะช่วยได้หลายจังหวัด ก็ตัดสินใจเลือกจะช่วย รพ.ศูนย์ ที่ขาดแคลนและต้องการความช่วยเหลือ จึงได้เดินทางไปลงพื้นที่ทั้ง 11 รพ. ที่จะช่วยเหลือ เป็น รพ.ศูนย์ 9 แห่ง และ รพ.ประจำจังหวัด 1 รพ. และ รพ.พระมงกุฎเกล้า ในกรุงเทพฯ โดยเลือกจากความต้องการความช่วยเหลือ
ฟีดแบคจากคนรอบตัวก็บอกว่า "บ้า" ทางแพทย์ก็ให้ข้อมูลว่าอาจเสี่ยงเป็น "ภาวะกล้ามเนื้อสลาย" เหมือนถ้าเราใช้พลังงานมากเกิน อาจเสี่ยงกับร่างกาย แต่สิ่งที่เขาทำ เขาไม่มีส่วนได้เสียเลย สิ่งเดียวที่ได้คือความสุขที่ได้วิ่ง ความสุขที่ได้ทำเพื่อคนอื่นบ้าง ตามที่เราจะทำได้ในฐานะนักร้องตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง และความสุขอีกอย่างของเขาคือ อยากจะเป็นคนไทยคนแรกที่วิ่งจากจุดใต้สุดของเมืองไทย ไปถึงจุดเหนือสุดของเมืองไทยให้สำเร็จ
โดยวัตถุประสงค์ของโครงการนี้ ไม่ใช่แค่ขอเงินบริจาคอย่างเดียว แต่เขาอยากให้กำลังใจคุณหมอ บุคลากรทางการแพทย์ทุกท่านใน รพ.รัฐ ที่ทำงานอย่างหนักท่ามกลางความกดดัน ความทุกข์ของคนอื่น และความไม่พร้อมในหลาย ๆ มิติ เขาทำงานหนักมากเพื่อพวกเรา เขาเชื่อว่าไม่ว่าอุปกรณ์จะพร้อมหรือไม่ กำลังใจต้องพร้อม และอีกอย่างคือ อยากให้การวิ่งของเขาเป็นแรงบันดาลใจให้คนที่ไม่เคยออกกำลังกาย หันมาเริ่มออกกำลังกาย และดูแลสุขภาพกันมากขึ้น
ส่วนโครงการย่อย คือบริจาคเงินเพื่อการศึกษาในระหว่างทางที่วิ่งไป ครั้งที่แล้วเขาใช้เงินส่วนตัว ซึ่งก็ไม่มากนัก ที่ละ 30,000 รวม 10 ที่ 300,000 บาท แต่ครั้งนี้เขาก็ได้ผู้ใหญ่ใจดี ที่เขาไปขอแรงสนับสนุนมา ก็จะได้เยอะหน่อย โรงเรียนละ 50,000 บาท ทุกวันที่วิ่ง ประมาณ 40 กว่าโรงเรียน เชื่อว่าการศึกษาจะช่วยสร้างคน และคนก็จะมาสร้างชาติอีกที
ถามว่าอยากได้การสนับสนุนอย่างไรจากทุกคน ก็อยากให้ทุกคนทำในแบบที่ตัวเองไม่เดือดร้อน ทำในส่วนที่ตัวเองทำได้ หรือแม้กระทั่งการลุกไปออกกำลังกาย ก็ถือว่าช่วยแล้ว ก็อยากจะเชิญชวนทุกคนว่า ถ้ามีโอกาส มีความช่วยเหลือไหนที่พอจะช่วยโครงการนี้ได้ หรือว่าช่วยเหลือตรงไปสู่ รพ. ต่าง ๆ เขาคิดว่าทำได้เลย เขาคิดว่าถ้าทุกคนทำในส่วนเล็ก ๆ ที่ทุกคนทำได้ มันจะสมทบ ประกอบกันเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ได้จริง ๆ