นั่นก็เป็นเพราะว่าครีมทาหน้าขาวสมัยนี้ หลายยี่ห้อมีการผสมสารปรอท รวมถึงการฉีดสารผิวขาว หรือทำเลเซอร์ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นต้นเหตุที่ทำให้ผิวหน้าบอบบางลงทั้งสิ้น และหากดูแลไม่ดี จากหน้าขาวใสก็อาจกลายเป็นหน้าสิว แพ้ เห่อ เมื่อถึงเวลานั้นอาจทำให้สาว ๆ หลายคนเครียดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับกันเลยทีเดียว และเพื่อให้คุณสาว ๆ รู้เท่าทันก่อนที่จะสายเกินแก้ สามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อผิวหน้าขาวกระจ่างใสได้อย่างถูกวิธีและปลอดภัย วันนี้กระปุกดอทคอมมีคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังมาฝากกันค่ะ ^^
พญ.ฉัตรดาว จางวางกร แพทย์วิทยาศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ เคยแนะนำผ่านเว็บไซต์คมชัดลึกเอาไว้ว่า "เรื่องของความขาวใสนั้น ไม่มีผลิตภัณฑ์ช่วยผิวขาวตัวไหนที่จะทำให้ผิวขาวขึ้นกว่าสีผิวธรรมชาติของเรา อยากให้ทุกคนเข้าใจก่อนว่า ผิวของแต่ละคนจะมีระดับความเข้มของสีที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับพันธุกรรม ซึ่งโดยปกติแล้ว ผิวของคนไทยจะออกผิวขาวอมเหลือง หรือโทนสีน้ำผึ้ง สีผิวที่แท้จริงของเรานั้นคือสีผิวในร่มผ้า สีผิวตรงนั้นเป็นอย่างไร โอกาสที่ผิวเราจะขาวได้มากที่สุดก็เท่าตรงนั้น ต่างจากผลิตภัณฑ์ช่วยผิวขาวต่าง ๆ ที่ขายตามอินเตอร์เน็ตหรือตามตลาดนัด ที่มักจะกล่าวอ้างเกินจริงว่า ช่วยให้ผิวขาวขึ้นเร็วทันใจ ภายใน 3 วัน 7 วัน ผลิตภัณฑ์เหล่านี้อาจจะทำให้ผู้ใช้มีผิวขาวขึ้นได้เร็วทันใจจริง แต่เมื่อใช้ไปเป็นระยะเวลานาน ๆ จะส่งผลอันตรายต่อผิว เพราะผลิตภัณฑ์ช่วยผิวขาวเหล่านี้ มักมีส่วนผสมของปรอทหรือสารเร่งผิวขาว ซึ่งล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดการระคายเคืองรุนแรงต่อผิวทั้งสิ้น เมื่อผิวเกิดการระคายเคืองก็จะทำให้เกิดอาการแพ้ ผื่น คัน แล้วก็ทำให้กลายเป็นสิวได้อีก จึงอยากเตือนสาว ๆ ที่ซื้อผลิตภัณฑ์ช่วยผิวขาวที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีเครื่องหมาย อย. มาใช้ ก็เสี่ยงหน้าพังได้เช่นกัน สิ่งที่อยากให้สาว ๆ เข้าใจคือ การมีผิวหน้าแลดูขาวกระจ่างใส แท้จริงแล้วควรเป็นผิวที่ขาวเนียน สีผิวสม่ำเสมอ ไม่มีจุดด่างดำ หรือรอยสิว"
สำหรับกรณีนี้ พญ.ฉัตรดาว ให้คำแนะนำเอาไว้ว่า "หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองมีผิวที่บอบบาง แพ้ง่าย เป็นสิวง่าย แต่แท้จริงแล้ว อาจเป็นเรื่องของการแพ้ระคายเคืองก็ได้ เราต้องย้อนกลับไปดูที่ภูมิคุ้มกัน ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ รวมไปถึงไลฟ์สไตล์ของตัวเราเองด้วย ว่ามีปัจจัยอะไรที่ทำให้เกิดการแพ้ เพราะอาการแพ้ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะแสดงออกทันที แต่บางคนอาจจะใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ ถึงจะแสดงอาการ อาทิ รอยแดง แสบ คัน ผิวลอกเป็นขุย ดังนั้น วิธีการดูแลผิวให้คงความกระจ่างใสได้ดีที่สุด คือ การดูแลผิวให้แข็งแรง ดูแลผิวอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ รวมถึงการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เวชสำอางที่ผ่านการทดสอบภายใต้การควบคุมของแพทย์ผิวหนัง (Hypoallergenic Tested) แล้วว่าปลอดภัยสำหรับผิวแพ้ง่าย ไม่ทำให้ระคายเคือง เลือกครีมให้เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง และใช้ได้อย่างถูกต้อง แนะนำว่าไม่ควรใช้มากถึง 10-20 ชิ้น อย่าใช้พร่ำเพรื่อ หากสาว ๆ ที่ต้องการผิวขาวกระจ่างใส ควรเลือกผลิตภัณฑ์เวชสำอางที่มีส่วนผสมของวิตามินซี วิตามินอี อาบูติน และอย่าลืมทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ ที่สำคัญต้องล้างหน้าอย่างถูกวิธีและหมดจด ไม่เหลือสิ่งตกค้าง แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับการดูแลผิว"
ทั้งนี้ พญ.ฉัตรดาว ยังกล่าวทิ้งท้ายอีกด้วยว่า "ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าให้เลือกมากมาย หากไม่แน่ใจควรปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนัง ไม่ควรซื้อมาลองเอง สิ่งหนึ่งที่ควรคำนึงถึงมากที่สุดคือ ผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้นั้นต้องมีคุณภาพระดับหนึ่ง เป็นแบรนด์ที่รู้จัก หรือมีชื่อเสียงในตลาดมานาน มีเลขทะเบียนการค้า มีแหล่งผลิตที่ชัดเจน สื่อที่กล่าวอ้างเกินจริง เช่น ขาวใสภายในเท่านั้นเท่านี้วัน หรือขาวเกินความเป็นจริง ขาวลอกผิว อาจเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารอันตราย เช่น สเตียรอยด์ ปรอท ก็ได้ ดังนั้นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เวชสำอางเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย และเป็นสิว เพราะผลิตภัณฑ์ได้ผ่านการทดสอบภายใต้การควบคุมของแพทย์ผิวหนัง จึงมั่นใจได้ว่าทำให้ผิวแลดูขาวเนียน กระจ่างใส อย่างปลอดภัย ที่สำคัญการปรับร่างกายให้สมดุล ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้มีผิวพรรณที่ดีได้ด้วย"
นอกจากนี้ พญ. วิญญารัตน์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ยังเสริมอีกว่า นิยามความขาวที่ปลอดภัยนั้นก็คือ…
1. ใช้ครีมนั้น ๆ แล้วไม่มีอาการแพ้ไม่มีอาการคัน ไม่มีแสบ ไม่มีร้อนวูบวาบ ไม่มีการไหม้เบิร์น ไม่มีการระคายเคืองยิบ ๆ หรือไม่สบายผิว
2. ขาวโดยที่หน้าไม่บางลง ไม่มีหน้าลอกมากเกินไป
3. ขาวโดยปราศจากสิว เพราะครีมบางตัวทำให้เกิดสิวได้
4. ขาวแบบหน้าไม่แห้งตึงเกินไป
5. ขาวแบบหน้าไม่เลือด ไม่มีเส้นเลือดฝอยขยายตัว (Telangiectasia) เพราะครีมหน้าขาว ที่ผสม Steroid จะทำให้เกิดผลข้างเคียงข้อนี้ได้
6. ขาวแบบไม่มีกระดำกระด่าง (Confetti Hypomelanosis) หมายถึงขาวเป็นจุด ๆ เนื่องจากยากลุ่มไฮโดรควิโนนและสเตียรอยด์ใช้ไปนาน ๆ อาจทำให้เกิดอาการนี้ได้
7. ความขาวแบบไม่มีการติดยา (Addict Rebound Phenomenon) คือหยุดทาครีมนั้น ๆ แล้วจะแย่ลงหรือหน้าคล้ำขึ้นกว่าเดิม
8. ไม่ไวต่อแสงแดดและความร้อนมากเกินไป บางครั้งครีมหน้าขาวทำให้ผิวหน้าไวต่อแสงแดดมากเกินไป และในเมืองไทยต้องเจอแสงแดดอากาศร้อนจัด ถ้าผิวไวต่อแสงเกินไปจะใช้ชีวิตลำบาก
9. ขาวแบบไม่ทำให้เกิดการด่างขาว บางครั้งครีมบางตัวใช้ทานาน ๆ แล้วทำให้เกิด ด่างขาว (Vitiligo Leucoderma) แต่พบไม่บ่อย ดังนั้นการเลือกใช้ครีมหน้าขาว (Whitening Cream) จึงควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพดี น่าเชื่อถือ ผ่านการทดสอบทางการแพทย์ ทางการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้เป็นความขาวที่ปลอดภัย
- Melawhite จากสวิสเซอร์แลนด์ช่วยดูแลผิวขาวครบทั้ง 3 ขั้นตอน
- ใช้ส่วนผสม Pharma Grade ซึ่งละเอียดอ่อนกว่า บริสุทธิ์กว่า ส่วนผสมโดยทั่วไป
- สารสกัดบริสุทธิ์จากธรรมชาติ อ่อนโยนต่อผิวแพ้ง่าย
- 0% สเตรียรอยด์ มั่นใจได้ว่าปลอดภัย
- มีวิตามิน เอ, อี, ซี ที่เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มความชุ่มชื่น ให้ความกระจ่างใสลดจุดด่างดำ ช่วยให้หน้าสว่างใส ชุ่มชื้นดูเปล่งปลั่งสุขภาพดี
- นวัตกรรม MES ลิขสิทธิ์ของสมูทอี นำสารสำคัญซึมซาบสู่ผิวชั้นในสุดและไม่ทิ้งความมันไว้บนชั้นผิว จึงช่วยดูแลปัญหาริ้วรอย และแผลเป็นด้วย
- ISR : Intensive Skin Repair ปกป้องผิวจากมลภาวะ ช่วยให้ Oxygen ไหลเวียนสู่ชั้นผิวได้ดียิ่งขึ้น
เอ้า ! ทีนี้ก็หายห่วงกันได้แล้วนะคะสาว ๆ หากใครที่อยากมีใบหน้าขาวกระจ่างใสอย่างปลอดภัย ก็เพียงแค่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อผิวหน้าขาวกระจ่างใสให้เป็น โดยคำนึงถึงความอ่อนโยนต่อผิว และความปลอดภัยเป็นหลัก เท่านี้ก็เตรียมมีใบหน้าขาวใสเปล่งประกายออร่าอย่างมั่นใจกันได้เลย ^^
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : www.smooth-e.com
ข้อมูลจาก : komchadluek.net
