หาม ! สมบัติ เมทะนี ส่งโรงพยาบาล แพทย์ระบุติดเชื้อในกระแสเลือด เหตุจากการเกาขาแรง ๆ หมอรอดูอาการ 2-3 วัน
ทำเอาแฟนคลับตกอกตกใจสำหรับพระเอกตลอดกาล อาแอ๊ด สมบัติ เมทะนี ถูกหามส่งโรงพยาบาลลาดพร้าวด้วยอาการป่วยติดเชื้อในกระแสเลือด โดยล่าสุด (29 พฤศจิกายน 2560) ที่โรงพยาบาลลาดพร้าว ภรรยา อาตุ๊ กาญจนา ควง อาแอ๊ด พร้อม นายแพทย์ หยี ยิฎฐะสิริ ร่วมกันแถลงอัปเดตอาการล่าสุด
ถามถึงอาการล่าสุดเป็นอย่างไรบ้าง ?
แอ๊ด : ความจริงก็เป็นมานานพอสมควรแล้ว ตอนนั้นไปนวดเฉพาะด้าน เหมือนไปกดจุดแล้วเราก็เผลอหลับไป พอตกเย็นก็เป็นไข้ ลูกสาวเข้ามากอดแล้วบอกว่าทำไมพ่อตัวร้อนล่ะ เราก็พูดแซ็วไปว่าพ่อเป็นหนุ่มเลือดร้อน ไม่ได้คิดอะไร วันรุ่งขึ้นก็เริ่มไม่รู้เรื่องแล้ว จะไปเข้าห้องน้ำก็เดินไปห้องสมุด ก็ชักเริ่มเลอะเทอะแล้ว ที่บ้านก็เลยพาส่งโรงพยาบาล เป็นอาการไข้ที่หนักที่สุดในชีวิต
ตุ๊ก กาญจนา : เขาเข้าโรงพยาบาลรอบนี้ค่อนข้างช็อก เพราะเขาไม่เคยเป็นแบบนี้ วันที่ 26 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา นั่งกินข้าวอยู่กับลูก ๆ หลาน ๆ เขาก็พูดขึ้นมาว่ารู้สึกไม่ค่อยดี เราก็บอกว่างั้นกลับบ้านก็แล้วกัน พากลับไปบ้านก็โดนตัวเขา เขาตัวร้อนมากเลยให้ทานยาลดไข้ 1 เม็ด ให้นอนหลับ 1 ชั่วโมงกว่า แล้วอยู่ ๆ เขาก็ลุกขึ้นมาจากเตียงทั้งที่ไม่ลืมตาและไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น เลยเรียกรถพยาบาล เพราะเรามีบทเรียนจากครั้งที่แล้วที่เราไม่รีบมาแล้วผ่านไป 24 ชั่วโมง เชื้อโรคเข้าไปหมดแล้ว ทำให้อาการของพี่แอ๊ดหนักมากในตอนนั้น มาคราวนี้เลยไม่ฟังเสียงใครเลย เป็นปุ๊บเรียกรถพยาบาลปั๊บ ตอนนั้นต้องอุ้มจากห้องนอน เพราะเขาไม่มีสติ มาถึงโรงพยาบาลก็ไม่มีสติเลย ไม่น่าเชื่อว่าจากที่นั่งกินข้าวกันธรรมดา อีก 1 ชั่วโมงถัดมาก็น็อก ไม่มีสติ หน้าซีดมาก พยาบาลเจาะเลือด บอกว่าความดันตกมาก แต่ทีมแพทย์ก็ให้การดูแลเป็นอย่างดี ทำให้ฟื้นตัวเร็ว ต้องขอบคุณทางโรงพยาบาลด้วย
นพ.หยี ยิฏฐะสิริ : ตอนแรกที่ได้รับแจ้งคือคุณแอ๊ดเข้ามารับการรักษาด้วยอาการติดเชื้อ ไม่รู้สึกตัว ตอนนั้นผมเพิ่งกลับจากต่างจังหวัด ได้มาเจอท่านที่ไอซียู นอนไม่รู้สึกตัว คอพับ เหนื่อยมาก มีแผลปวดแดงที่ขาข้างขวา ซึ่งเป็นการติดเชื้อที่ผิวหนังที่ค่อนข้างรุนแรง ซึ่งทำให้ติดเชื้อในกระแสเลือดได้ อาการนี้แบบนี้ส่วนใหญ่เราจะให้นอนโรงพยาบาลเพื่อให้ยาฆ่าเชื้อทางน้ำเกลือ ต้องบอกว่า ทางครอบครัวส่งตัวคนไข้มาโรงพยาบาลเร็วมาก ในขณะที่ส่วนใหญ่รอ 1 วัน ซึ่งบางทีอาจจะทำให้คนไข้ช็อกไปแล้ว คืนนั้นคนไข้มีไข้สูงที่ 39 องศา ให้ยาไปคืนหนึ่ง เช้ามาไข้ก็ยังไม่ลด ต้องให้ผ้าห่มที่ลดอุณหภูมิได้ด้วย แต่พอผ่านไป 12 ชั่วโมงไข้เริ่มลดลง เพราะยาทำงานได้ดี คนไข้เริ่มรู้สึกตัวดีขึ้น สำหรับคนอายุ 80 ปีขึ้นไป ฟื้นตัวได้เร็วขนาดนี้แสดงว่าสุขภาพเดิมต้องดีมาก
เป็นการติดเชื้อจากจุดไหน ?
นพ.หยี ยิฏฐะสิริ : ปกติเป็นการติดมาจากผิวหนัง อาจจะมีแผลนิดหน่อย ไปสะกิดแล้วอาจจะลุกลามไปได้ เป็นการติดเชื้อที่เรียกว่า "เซลลูไลติส" (cellulitis) ลักษณะเป็นปื้นแดงเป็นวงกว้าง ถ้ารักษาช้าและเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดก็อาจจะรักษาไม่ทันเหมือนกันครับ
อาการล่าสุดตอนนี้มีอะไรน่าเป็นห่วงไหม ?
นพ.หยี ยิฏฐะสิริ : ตอนนี้เป็นช่วงขาขึ้นแล้ว แต่ยังต้องให้ยาฆ่าเชื้อทางเส้นเลือด ให้มั่นใจว่าเชื้อพวกนี้ตายได้จริง ๆ และไม่กลับมาเป็นอันตรายแล้ว แต่พออาการคงที่ก็จะเปลี่ยนจากยาฉีดเป็นยากิน
เห็นหมอบอกว่าเท้าบวมด้วย ก่อนหน้านี้ไปประสบอุบัติเหตุมาหรือเปล่า ?
ตุ๊ก กาญจนา : ไม่มีค่ะ ก็เลยไม่นึกว่าจะเป็นตรงนี้ เพราะก่อนออกจากบ้านพี่แอ๊ดใส่กางเกงขายาวเลยไม่ได้ดู จนมาถึงโรงพยาบาลเปลี่ยนใส่ชุดคนไข้ถึงเห็นว่าเท้าบวม และเป็นข้างเดียวกับที่ติดเชื้อมา 3 ปีที่แล้ว อยากจะถามคุณหมอเหมือนกันว่าเป็นไปได้หรือเปล่าที่เชื้อจะตกค้างมาจาก 3 ปีที่แล้ว
นพ.หยี ยิฏฐะสิริ : ถ้ารักษาเสร็จแล้วก็จะหมดไปครับ แต่อาจจะเป็นไปได้ว่าบางทีเดินทางนาน ๆ หรือใส่ถุงเท้าแน่นเกินไป เลือดเดินไม่สะดวก และมีอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ติดเชื้อได้ อายุเยอะก็เป็นเหตุที่ทำให้ร่างกายสู้เชื้อได้ไม่ดี ทำให้เป็นได้ง่ายขึ้น
นพ.หยี ยิฏฐะสิริ : พอหายดีแล้วก็อาจจะต้องเชิญกลับมาตรวจเส้นเลือดอีกทีหนึ่งว่ามีเส้นเลือดตรงไหนตีบไปบ้าง หรือเวลาเดินแล้วเลือดไหลเวียนไม่สะดวกก็อาจจะติดเชื้อได้ ถ้ามีเหตุอื่นร่วมด้วยก็อาจจะทำให้ติดเชื้อได้ง่าย
ต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกนานแค่ไหน ?
นพ.หยี ยิฏฐะสิริ : ถ้าให้ยาฆ่าเชื้อทางเส้นเลือดจนสบายใจแล้ว ก็จะเปลี่ยนเป็นยากินและกลับบ้านได้ โดยทั่วไปอาการจะดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่เป็นห่วงว่าคนไข้บางท่านพอกลับบ้านแล้วก็จะไปเดิน พอเดินเยอะ ๆ บริเวณที่ติดเชื้ออาจจะช้ำและทำให้หายช้า
อาแอ๊ดความรู้สึกตอนนี้เป็นยังไง ?
แอ๊ด : จริง ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนแข็งแรง แต่พอมาเจอเรื่องติดเชื้อในกระแสเลือด รู้สึกว่าคนแข็งแรงก็เป็นได้เนอะ ฉะนั้นอยากบอกทุกคนว่าอย่าประมาท เพราะผมก็เป็นที่เดิมที่เคยเป็นครั้งที่แล้ว (ยกขาโชว์แผลให้ดู)"
ตุ๊ก กาญจนา : อย่าหนึ่งคือเวลาคัน เขาจะเกาแบบเอาเป็นเอาตาย ต้องคอยห้ามอยู่เรื่อย
เป็นไปได้ไหมที่สาเหตุครั้งนี้เกิดจากการเกา ?
นพ.หยี ยิฏฐะสิริ : เป็นไปได้ครับ
ตุ๊ก กาญจนา : แพทย์เจ้าของไข้บอกว่าเวลาเกาจะมีเชื้อติดอยู่ที่เล็บ ยิ่งเกาก็เชื้อก็ยิ่งกระจาย
คุณหมอมีคำแนะนำอะไรไหม ?
นพ.หยี ยิฏฐะสิริ : ต้องเลี่ยงการเกา พอเกาเยอะ ๆ ก็จะเป็นแผล ต้องเลี่ยงเหตุที่ทำให้เกิดการเกา เช่น ไม่ใส่ถุงเท้าที่รัดแน่น หรือถ้าใส่ต้องไม่ใส่ทั้งวันต้องถอดบ้าง และนวดเบาเพื่อให้เลือดไหลเวียนก็จะช่วยลดอาการคันไปได้บ้าง ในส่วนของคุณแอ๊ดอีก 2 - 3 วันก็น่าจะออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว แต่ก็ต้องดูว่าไม่มีไข้ ทานอาหารได้ดี เดินได้ดี เพราะคนไข้ส่วนใหญ่เวลากลับบ้านไปแล้วก็จะชอบเดินขึ้น เดินลง ออกไปทำงาน ก็ต้องดูเรื่องขาด้วย อันนี้เพิ่งหายไข้ก็ต้องดูแลเรื่องขา และเขาอาจจะมึน ๆ และหกล้มได้
จะมีโอกาสที่จะกลับมาเป็นอีกไหม ?
นพ.หยี ยิฏฐะสิริ : มีโอกาสครับ ถ้ามีปัจจัยอีกก็มีโอกาสกลับมาเป็นอีก ถ้าคันแล้วเกาอีกก็เป็นครับ ข้อแนะนำคืออยากให้ล้างมือให้สะอาดอยู่เรื่อย ๆ
แม่ตุ๊กเป็นห่วงพ่อแอ๊ดยังไงบ้าง ?
ตุ๊ก กาญจนา : ก็ต้องดูแลให้มากกว่านี้ค่ะ แต่ปกติก็ดูแลใกล้ชิดอยู่แล้ว บทเรียนครั้งที่แล้ว ทำให้ครั้งนี้ไม่ประมาท ถ้าครั้งนี้ประมาทก็ไม่รู้จะได้เขาคืนมาไหม เพราะครั้งนี้รุนแรงกว่าครั้งที่แล้ว ดีว่าครั้งนี้เรามาได้เร็วขึ้น ครั้งที่แล้วก็ใจเสียมากว่าจะถึงขั้นไหน เพราะเขาหน้าซีดมากและหายใจไม่ได้ และหลับตาตลอดเวลา ลุกขึ้นยืนและเดินไม่ได้
ภาพจาก Nine Entertain
ข้อมูลจาก INN