หากย้อนกลับไปเมื่อ 8 ปีก่อน มีข่าวดังที่ช็อกวงการเพลงสุด ๆ ก็คือ ข่าวตำรวจจับกุมเอเย่นต์ค้ายาเสพติดรายใหญ่ ซึ่งก็คือนักร้องสาวชื่อดัง วงไทรอัมพ์ส คิงดอม จอยซ์ พรพรรณ รัตนเมธานนท์ ... จนมาวันนี้ชีวิตเธอได้รับอิสรภาพแล้ว แม้ว่าในช่วงแรกที่เธอก้าวออกมาสู่โลกภายนอกเรือนจำ จะมีความกลัวเกิดขึ้นในใจมากมาย แต่สุดท้ายเธอก็สามารถเอาชนะความกลัว และกลับเข้าสู่ชีวิตใหม่ที่ดีขึ้นกว่าเดิมได้
ล่าสุด จอยซ์ พรพรรณ ได้มานั่งเล่าถึงชีวิตในเรือนจำ รวมถึงชีวิตหลังออกมาสู่โลกใบเดิมให้ฟังในรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง one31 โดยเล่าว่า ออกมา 4 ปีแล้ว มันก็ค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ วันแรกที่เราก้าวออกมามันค่อย ๆ มีความกลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ กลัวจนไม่รู้จะใช้ชีวิตยังไง เอาตัวเองไปยืนอยู่ในสังคมแบบไหน จะทำอาชีพอะไรเพื่อประคองชีวิตตัวเอง พอหลังจากจบคอนเสิร์ตพี่บอย เราก็เห็นว่าคนไม่ได้รังเกียจเรา เราก็เลยรู้สึกเป็นคนมากขึ้น หลังจากนั้นความกลัวมันก็หายไป สลัดทิ้งไปหมดเลย ถ้าในปีนั้นไม่มีคอนเสิร์ตพี่บอย ความกลัวความคิดนั้นมันก็ไม่หายไปจากเราหรอก
"วันที่ได้ไปขึ้นคอนเสิร์ตพี่บอย ก็มีคนมาร้องไห้ข้างเวที มาเกาะขอบเวที ซึ่งเค้ายังรักเรา เราก็มองเห็น ความกลัวนั้นเลยเป็นการที่เราคิดไปเอง ตอนนั้นโบโทร. มาถามว่า เนี่ยสิ้นปีจะมีคอนเสิร์ตพี่บอย จะขึ้นมั้ย เราก็บอกไม่เอา อย่ายุ่งกับเรา เราไม่เอาเลย เปลี่ยนเบอร์หนีโบ แล้วย้ายไปใช้ชีวิตที่บ่อกุ้งที่ตราด ไปอยู่เงียบ ๆ จนเวลาผ่านไปเราก็ไม่รู้จะเอายังไง ยังสับสนกับความคิดตัวเอง เพราะถ้าเราใช้ชีวิตแบบนี้ เราก็ต้องอยู่เป็นภาระให้กับพ่อแม่ตลอดไป ซึ่งมันไม่โอเค ซึ่ง 2 วันก่อนขึ้นคอนเสิร์ต ก็เลยโทร. หาโบว่าคอนเสิร์ตพี่บอยเมื่อไร เราก็ไปโดยที่ไม่ได้บอกใคร ไม่มีใครรู้เลย ที่บ้านเราก็ไม่รู้ เพราะเค้าเคยสั่งไว้ว่าอย่าไปยุ่งกับวงการบันเทิงนะ อย่าเพิ่งไปเจอนะ เพราะเค้ากลัวชีวิตเราจะเสี่ยงกับสังคมอีก เราก็หนีไป โดยมีพ่อเป็นแนวร่วม เค้าช่วยเราตอนนั้นเรายังไม่รู้เส้นทาง เพราะไม่รู้จะไปยังไง สุดท้ายก็ไปส่งเราขึ้นคอนเสิร์ต พอร้องเสร็จก็กลับมา จนกระทั่งครอบครัว ญาติ ๆ เราไปเห็นในยูทูบ ก็ถึงได้รู้"
จอยซ์ พรพรรณ : ทุกคนดีใจ แต่พี่บอยเค้าเห็นเรา วินาทีที่เรากำลังจะก้าวขึ้นคอนเสิร์ตเราตื่นเต้นมาก เพราะมันมีความกลัวอยู่ พอได้ขึ้นไปสิ่งที่เห็นคือเค้ามาร้องไห้และแสดงความยินดีกับเรา ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เรื่องเค้าเลย เราทำผิดมา แต่เราเห็นแบบนั้นเราก็อุ่นใจ เลยทำให้เราหายเป็นโรคจิตกลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิม
- หลังจากที่ออกมาคิดว่าชีวิตจะทำอะไร ?
จอยซ์ พรพรรณ : จริง ๆ ก็ไม่ได้คิดว่าจะทำอะไร แค่อยากให้ตัวเองออกมาแล้วใช้ชีวิตให้มันดี ประคองชีวิตให้มันดีก่อน มีความสุข อยู่ในสังคมที่เข้าใจ แค่นี้ก็ดีแล้ว
จอยซ์ พรพรรณ : ใช่ค่ะ คือใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำมา เวลานั่งว่าง ๆ การเขียนมันคือการที่เราระบายความรู้สึก แล้วพอเราเขียนเมื่อเราย้อนกลับมาอ่านได้ แต่ถ้าวันหนึ่งเราเขียนแล้วเราได้แบ่งปันกับคนอื่น เผื่อมันเป็นประโยชน์ จอยซ์ว่ามันจะดีกับคนอื่น
- วันที่เราเข้าไปใช้ชีวิตในนั้นวันแรกเป็นยังไง ?
จอยซ์ พรพรรณ : วินาทีที่เราก้าวเข้าไป เราจะรู้สึกว่ามันเป็นความแปลกใหม่ มันมีความกลัว ความกังวลใจ เพราะมันไม่มีญาติพี่น้องหรือคนรู้จักคอยเป็นเพื่อนเรา คอยคุยกับเรา เพราะฉะนั้นเราเข้าไปก็จะเจอเพื่อนใหม่ที่มีคดีความ ที่มีเรื่องทุกข์ใจ ด้วยความที่เราเป็นคนมีชื่อเสียง ก็จะเป็นที่น่าสนใจของเพื่อน ๆ ในนั้น เค้าก็จะเข้ามาถามคดีเป็นยังไง โอเครึยัง บางคนก็เข้ามาเอาขนมมาให้กิน แต่ถ้าถามว่า เปิดใจอยากจะมีเพื่อน หรือมีเพื่อนที่เป็นที่ให้เราเล่าเรื่องของเราให้ฟัง เล่าความทุกข์ให้ฟังนั้นต้องใช้เวลา 3-4 ปีค่ะ กว่าจะปรับได้ค่ะ แต่ถามว่ามีเพื่อนสนิทในนั้นมั้ย เพื่อนสนิทเยอะมาก เพราะเรารู้สึกว่า เพื่อนที่อยู่ข้างในมีความเป็นห่วงเป็นใยกัน มันจะมีเพื่อนที่สนิทกันไปเอง จอยซ์จะชอบเข้าไปนั่งเล่นกับเพื่อนที่เป็นรุ่นคุณป้าคุณยาย เค้าจะชอบนั่งเหงา ๆ เราก็จะเข้าไปเล่นไปแหย่เค้า เพราะเค้าใช้ชีวิตวนไปแบบนี้ 5 ปี 10 ปี
จอยซ์ พรพรรณ : คือจอยซ์จะบอกว่า เรือนจำที่จอยซ์อยู่มันก็คือกรุงเทพฯ นั่นแหละ แต่ไม่รู้ทำไมหน้าหนาวมันหนาวเหลือเกิน ขนาดเรานอนห่มผ้า 3-5 ผืน ก็ยังหนาวอยู่ดี ไม่รู้มันเป็นความคิดหรือจิตใจ ที่ส่งผลให้เราหนาว ยิ่งเทศกาลแบบนี้มันเป็นเทศกาลที่เพื่อน ๆ นั่งหนาวรอญาติ ซึ่งก็มีนะที่บางคนญาติเค้าไม่รู้เลยว่า เค้าติดคุกอยู่ในเรือนจำ เค้าก็อาจจะอยู่ในนั้นลำบากหน่อย แต่เพื่อนในนั้นก็จะแบ่งปันกัน แล้วที่เรือนจำก็จะมีแจกให้กับคนที่ไม่มีญาติ
- ตอนที่อยู่ในนั้น คิดถึงใครมากที่สุด ?
จอยซ์ พรพรรณ : พ่อกับแม่ค่ะ เพราะว่าจากเคยเป็นคนที่แข็งมาก ๆ ไม่เคยแสดงความรักกับครอบครัว แต่ทุกครั้งที่เราเขียนจดหมายกลับมาที่บ้าน เราอยากบอกอะไรเค้า เราร้องไห้กับจดหมายนั้น เราเขียนขอโทษเค้าที่เป็นแบบนี้ เราก็เขียนตลอดว่า จอยซ์ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้มีโอกาสออกไปจากที่นี่มั้ย ทุกครั้งที่เขียนออกไปก็จะร้อง ๆ ถึงเค้าตลอด
- หลังจากที่เราออกจากที่นี่ไป เราเปลี่ยนเป็นคนที่ดีกว่าเดิมไหม หมายถึงว่าเป็นคนที่ซอฟต์ลงกว่าเดิม ?
จอยซ์ พรพรรณ : จากที่ไม่ค่อยแสดงออกกับที่บ้าน ก็จะวิ่งเข้าไปกอดพ่อ ไปอ้อนเค้า ไปเล่นกับแม่ ก็จะเข้าไปเล่นกับเค้ามากขึ้น เพราะเวลาที่เสียไป 8 ปี 10 เดือน เราเสียเวลามากพอแล้ว มันทำให้เราเป็นคนใหม่ เป็นคนที่คุณพ่อคุณแม่สัมผัสได้มากขึ้น เพราะก่อนหน้านั้นเราแข็งมาก
- ครั้งแรกที่ออกมาเจอพ่อกับแม่ ท่านว่ายังไงบ้าง ?
จอยซ์ พรพรรณ : เท่าที่จำได้ ทุกครั้งที่เค้ามาเยี่ยม เค้าจะมาด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส ครั้งแรกที่เค้ามา เค้าไม่ว่าอะไรเราเลย เค้าแค่แบบเหมือนตบไหล่ แค่นี้คือการสื่อสารที่ทำให้เรารู้สึกอบอุ่นใจ ในใจเราก็รู้สึกผิดอยู่แล้วแหละ ในใจเราไม่อยากเห็นหน้าเค้าเลย ด้วยความที่เราเป็นวัยรุ่น อยากให้เค้ากลับไป แต่ก็ทำไม่ได้ ที่เค้าสื่อสารกับเรา เค้าก็บอกไม่เป็นไร มันทำให้เรารู้สึกว่าเราได้รับสิ่งนั้นมา แล้วเค้าก็เป็นคนที่ไปเยี่ยมเราตลอด ทุกครั้งที่มาก็จะยิ้ม เล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้เราฟัง มันเป็นสิ่งที่เค้าแสดงออกมาโดยที่ไม่บอกว่ารักเรา แต่เรารู้สึกได้ และเค้าก็ไม่ได้จะทิ้งเราไปไหน เค้ามาเยี่ยมเราได้อาทิตย์ละ 1 ครั้ง ครั้งละ 15-20 นาที ทำให้เรายิ้มเสมอ
- มันเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราไม่คิดฆ่าตัวตายด้วย ?
จอยซ์ พรพรรณ : เรื่องฆ่าตัวตายมันไม่เคยอยู่ในหัวจอยซ์เลยนะคะ เรามีแต่คิดว่า ถ้าอยู่อีก 20 ปี จะทำอะไรดี ในศาลชั้นต้นตัดสินเรามา 8 ปี พอศาลอุทธรณ์ตัดสินเรามา 33 ปี 4 เดือน ปุ๊บ เลยทำให้เราต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตเรา เพราะที่ผ่านมาเรากาปฏิทินรอแล้ว พอมา 33 ปี เราเริ่มเรียนแล้ว จนเราจบปริญญาตรีที่นั่น ของ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช สาขาภาพยนตร์ ค่ะ พอเรารู้ว่าเราจะต้องติด 33 ปี เลยคิดว่างั้นเรียนให้จบ ป.โท เลยแล้วกัน พอวันที่ศาลยกฟ้อง อยากจะวิ่งถอยหลังกลับไปข้างในคืนเพราะเรากลัว กลัวการใช้ชีวิตข้างนอก เพราะมันไม่ได้เป็นสิ่งที่เราคิดอยู่เลย
- ช่วงเวลา 8 ปี 10 เดือนในนั้น เราได้อะไรบ้าง ?
จอยซ์ พรพรรณ : ได้เยอะค่ะ อย่างเช่นความคิดของตัวเอง ว่าวันนี้เมื่อปีที่แล้วเราทำอะไรบ้าง แล้วเราอยู่ในนั้นมา ก็มีเพื่อนหลายประเภทที่ได้เจอ หลายคน หลายสังคมที่ต่างกัน ก็เริ่มเข้าหาเพื่อนในแต่ละแบบ เราได้ประสบการณ์ความผิดของคนอื่นมาเรียนรู้ตนเองเพื่อให้เราคิด สิ่งที่เราได้คือเรียนเยอะมาก สายวิชาชีพที่เค้าเปิดสอน เรียนทุกอย่าง ไม่ปล่อยเวลาให้ว่าง
- ในฐานะที่เรามีประสบการณ์ด้านนี้ มีอะไรอยากจะเตือนน้อง ๆ วัยรุ่นที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ?
จอยซ์ พรพรรณ : จริง ๆ จอยซ์ว่าออกมาดูคนในยุคนี้ ยาเสพติดมันไม่ใช่สิ่งที่น่าสนุกเลย นอกเสียจากว่าลองมาใช้ชีวิตอย่างอื่นดูดีกว่ามันน่าสนุกกว่า ถามว่า ณ เวลาที่ใช้ชีวิตกับยาเสพติดตอนนั้นมันสนุกมั้ย มันสนุก แต่มันทำลายชีวิตเรา มันตื่นมาแล้วมันไม่โอเค มันเหนื่อย ๆ และทุก ๆ ครั้งถ้ามีผู้ใหญ่มาสอนหรือมาเตือนเราด้วยประโยคสั้น ๆ ลองหยุดแล้วฟัง เพราะว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นถ้าเค้าไม่สามารถประสบจริง ๆ เค้าไม่มาเตือนเราได้หรอก สำหรับจอยซ์เองถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ก็อยากกลับไป แต่มันสายแล้วไง มันกลับไปไม่ได้แล้ว ให้ดูชีวิตจอยซ์เป็นตัวอย่างก็ได้
ติดตามรายการ คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.00-15.00 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow และรับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama