โอ อดีต ผจก. ใบเตย อาร์สยาม ขอพูดบ้าง โดนด่าเป็น 18 มงกุฎ ลั่นเรื่องนี้คนอื่นอย่ายุ่ง !

          โอ สุขสวัสดิ์ อดีตผจก. ใบเตย อาร์สยาม พูดครั้งแรกหลังโดนนักร้องสาวแฉอ้างชื่อยืมเงินคนทั้งโลก ลั่นเรื่องการยืมเงินเป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับ ใบเตย

          จากกรณีที่นักร้องลูกทุ่งสาวสั้นเสมอหู ใบเตย อาร์สยาม ออกมาโพสต์แฉ โอ สุขสวัสดิ์ อดีตผู้จัดการส่วนตัวของเธอว่าเป็นพวก 18 มงกุฎ ได้อ้างชื่อของเธอเพื่อยืมเงินคนใกล้ตัวของเธอแล้วไม่ยอมคืน (อ่านข่าว ใบเตย อาร์สยาม จวกอดีตผู้จัดการ ยืมเงินไปทั่ว แบบนี้จะดูแลใครได้ ดูแลตัวเองเถอะอีเปร_)
          ล่าสุด (31 มกราคม 2561) โอ ก็ได้ออกมาชี้แจงถึงเรื่องนี้ผ่านรายการ เม้นต์เม้าท์สายเผือก ทางช่อง GMM25 ว่า ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า เรื่องการยืมเงินเป็นเรื่องส่วนตัวของตน เวลาตนขอยืมตนก็คืนเสมอ การยืมเงินในตรงนี้เป็นปัญหาของพี่กับคนอื่น ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับน้อง และตนขอขยายความตรงที่น้องบอกว่า เหมือนตนใช้ชื่อเสียงของน้องในการยืมเงินนั้น ตนก็อยากจะชี้แจงว่าตนไม่สามารถใช้ชื่อเสียงของน้องได้ เพราะตนยังทำงานในวงการนี้อยู่ ตนไม่ได้พูดว่า "ขอยืมเงินหน่อย แล้วเดี๋ยวใบเตยมาใช้คืนให้" อันนี้ตนไม่เคยอ้างชื่อเสียงของน้องเลย


          โดย โอ ยอมรับว่า ได้ยืมเงินคนอื่นจริงแต่คนที่ให้ยืมเงินคือเพื่อนของตน ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับคนในวงการนั้นเลย ตอนที่เลิกทำงานกับน้อง เราก็จบกันได้ด้วยดี เคลียร์งานเรียบร้อย จบทุกอย่างได้ดี ไม่มีอะไรติดค้างกัน ซึ่งเวลาก็ผ่านมาเป็นปีแล้ว ถามว่าจะกลายเป็นเกาเหลากันไหม ตนยังเจอน้องได้ เพราะท้ายที่สุดแล้วเราอยู่ในวงการเดียวกัน ยังไงมันก็ต้องได้เจอกัน หนีกันไม่พ้น เพียงแค่จะไม่ได้สนิทกันเหมือนเดิมเพราะไม่ได้ดูแลกันแล้ว ส่วนเรื่องที่เขาว่าเป็น 18 มงกุฎ คือในความคิดตน คำนี้มันหมายถึงคนที่หลอกลวงเพื่อผลประโยชน์ให้ตัวเอง

          ทั้งนี้ โอ เผยว่า ตนทำงานเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้ ใบเตย มากว่า 5-6 ปี ตอนที่ทำงานด้วยกันก็แฮปปี้ มีความสุข แต่การทำงานกับคน มันก็ต้องมีความรู้สึกต่าง ๆ เกิดขึ้นบ้าง อย่างการน้อยใจ ไม่เข้าใจกัน คุยกันไม่ลงตัวทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ แต่ปัญหาที่มันเกิด เราก็ต้องรีบแก้ไขให้ดีขึ้น พยายามไม่ให้มันมีปัญหาหรือให้มีน้อยที่สุด ตนยอมรับว่าไม่ได้เป็นคนปั้นให้ใบเตยดัง เขามีชื่อเสียงเพราะความสามารถของเขา เรามีหน้าที่เป็นคนสนับสนุน

          และสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น ตนไม่ได้โกรธ ไม่ได้เกลียด ไม่ได้เสียใจ และมองว่าคงไม่ต้องมีการนัดเคลียร์หรือพูดคุยกัน เพราะเรื่องก็เกิดไปแล้ว ตนอยากให้จบที่ตรงนี้ แล้วต่างคนต่างทำงาน ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด อย่างที่บอกว่า เราทำงานในวงการเดียวกัน ท้ายที่สุดก็ต้องได้เจอกันอยู่ดี



ภาพจาก Instagram o_suksawat, bitoeyrsiam, เฟซบุ๊ก เม้นต์เม้าท์สายเผือก ทางช่อง GMM25
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
รายการ เม้นต์เม้าท์สายเผือก GMM25