
โสดแบบมีคุณค่า (กรุงเทพธุรกิจ)
“ฉันตายโดยปราศจากคนที่รักฉัน แต่ฉันก็อิ่มใจว่าฉันมีคนที่ฉันรัก” ประโยคอมตะของ ม.ร.ว.หญิง กีรติ ที่เขียนให้กับนพพร ก่อนที่เธอจะลาจากไป
ศรีบูรพา แต่งเรื่อง ข้างหลังภาพ ได้ประทับใจผู้อ่านหลายคน เรื่องของความรักที่มีความแตกต่างระหว่าง วัย และสถานภาพ แต่สิ่งที่ทิ้งไว้ให้คิดมากกว่านั้นก็คือ หญิงไทยในยุคก่อนไม่มีใครอยากอยู่เป็นโสดเมื่อวัยล่วงเลยเข้าเลขสาม เพราะเกิดความรู้สึกอับอายเมื่อถูกมองว่ากำลังจะขึ้นคาน เป็นสาวแก่มีชีวิตบั้นปลายที่โดดเดี่ยวและอับเฉา
ทำไมผู้หญิงจึงคิดเช่นนั้น
อันที่จริงประเด็นไม่ได้อยู่ที่การมีใครสักคนมารักเรา แล้วจะทำให้เราพ้นไปจากภาวะเช่นนี้ แต่ตัวเราต่างหาก ที่ควรจะค้นพบคุณค่าและความดีในตัวเอง เพราะเมื่อเรารู้ว่าตัวเองมีคุณค่าและความดี เราจะอยู่ได้ในทุกสภาวะ เผชิญกับสิ่งต่างๆ อย่างมั่นใจ และมองโลกด้วยสายตาที่เป็นจริง
ศรีบูรพา เขียนเรื่อง ข้างหลังภาพ ในปี พ.ศ.2480 เป็นยุคที่ผู้หญิงต้องพึ่งพาผู้ชาย สังคมยอมรับชีวิตคู่มากกว่าชีวิตโสด หากในเวลานั้น ม.ร.ว.หญิง กีรติ รู้จัก Self-esteem หรือ การมองเห็นคุณค่าของตัวเอง ล่ะก็ เรื่องอาจจะไม่จบลงแบบนี้ และประโยคอมตะที่ประทับใจทุกคนอาจจะเปลี่ยนเป็นแบบอื่นก็ได้
คุณหญิงกีรติเล่าให้นพพรฟังถึงความรู้สึกว่าตนเองเป็นคนอาภัพรัก น้องสาวสองคนแต่งงานออกเรือนไป ในขณะที่ตัวเธออายุมากขึ้น แต่ก็ยังไม่มีวี่แววที่จะพบกับความรัก และถือเป็นความหดหู่ยิ่งนักเมื่อท้ายที่สุดเธอจำต้องแต่งงานกับคนแก่คราวพ่ออย่าง คุณหลวงอธิการ เมื่อวัยล่วงเลยมาถึง 34 ปี
ความคิดของคุณหญิงนั้นก็คือ การแต่งงานครั้งนี้เปรียบเสมือนการกลับมาสู่โลกของความเป็นจริง ที่ผ่านมาเธอพาตัวเองอยู่ในโลกของความฝัน ฝันว่าจะมีใครสักคนค้นพบความงามและความดีของเธอ จนเกิดเป็นความรักและแต่งงานกันในที่สุด
คุณหญิงมีมุมมองเรื่องการแต่งงานในทิศทางที่ควรจะเป็น การแต่งงานจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับชีวิต ทำให้ทุกๆ วันต่างไปจากเดิมที่เคยทำมาเหมือนๆ กันนานถึง 34 ปี
เธอปรารถนาที่จะมีบ้าน มีลูกน้อย เพื่อให้ความรักแก่พวกเขา รวมทั้งมีความดีงามหลายอย่างที่อยากจะทำ ขอเพียงแต่ให้เธอได้พบ รักแท้ เท่านั้น และนั่นไม่ต่างอะไรกับหญิงสาวในยุคปัจจุบันที่มองเห็นชีวิตการแต่งงานเหมือนโลกใบใหม่ที่น่าเรียนรู้
แต่...สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิดชีวิตก็มักจะเป็นอย่างนี้เสมอ
สำหรับคนอ่อนประสบการณ์อย่างคุณหญิงกีรติจึงตัดสินว่าความฝันไม่มีทางเป็นจริง เธอบอกกับนพพรว่า “มีนกตัวหนึ่งอยู่ในมือ ดีกว่าหวังว่าจะได้นกสองตัวในพุ่มไม้”
ฉะนั้น การมีความผาสุกที่ไร้รัก คงจะดีกว่าการใฝ่ฝันกังวลถึงความรักด้วยปราศจากความผาสุก และนั่นทำให้เธอตัดสินใจแต่งงานกับคุณหลวงอธิการ เพื่อจบความฝันลมๆ แล้งๆ
ความคิดอันนี้ไม่ได้ล้าสมัย เพราะยังมีสาวโสดหลายคนในยุคนี้ที่ต้องแต่งงานกับคนที่ไม่เหมาะสม เพียงเพื่อให้ตนเองพ้นจากคำว่าขึ้นคาน และไม่เชื่อว่ายังมีคนที่เหมาะสมกว่านี้รออยู่ข้างหน้า ในที่สุดทำให้พบว่า ชีวิตแต่งงานไม่ได้มีความสุขอย่างที่ควรจะเป็น หรือบางคนที่จบความฝันด้วยการขออยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิต สร้างกำแพงปิดกั้นด้วยการคิดเสียว่า ชาตินี้คงไม่เจอใครที่คู่ควรอีกแล้ว แล้วก็คิดเข้าข้างตัวเองว่าชีวิตโสดดีที่สุด
บางทีการอยู่ด้วยความหวัง ที่จะพบนกในพุ่มไม้ อาจทำให้เรามีความสุขกว่าก็ได้
ถ้าอยากมีความสุขกับชีวิตโสด อย่าหมดหวังที่จะเจอคนที่เหมาะสม ของแบบนี้เราไม่มีทางรู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และถ้าคุณไม่ปิดโอกาสตัวเองจนเกินไป คนที่เหมาะสมจะมาในไม่ช้าแน่นอน
คุณหญิงกีรติเป็นผู้หญิงที่เปี่ยมด้วยคุณค่า เธอมีความคิดที่ดีในเรื่องรอบตัวหลายเรื่อง อีกทั้งยังวิเคราะห์ตัวเองอย่างชัดแจ้ง เธอเห็นแนวทางการดำเนินชีวิตของตนเอง รู้ถึงที่มาของเหตุและผลว่าทำไมจึงต้องแต่งงานเมื่ออายุปูนนี้ แต่สิ่งที่เธอขาดก็คือ การมองเห็นว่า ตัวเธอนั้นดีและงดงามแค่ไหน เธอไม่รักในสิ่งที่ตัวเองเป็น และยิ่งไปกว่านั้นเธอเฝ้าแต่คิดว่าตัวเองเป็นคนอาภัพรัก
เมื่อความคิดนำทาง เธอจึงเป็นผู้หญิงที่ดูเหมือนจะมีความสุข แต่ในใจนั้นรู้คิดอยู่ตลอดว่า ร่างงามนี้อุบัติมาไร้ความรักและสิ้นหวังในความรัก เธอบอกกับนพพรว่า
“คำขอแต่งงานจากท่านเจ้าคุณ เป็นสัญญาณแห่งความพินาศแห่งความหวังของฉัน เป็นสัญญาณว่าโอกาสที่ฉันจะได้พบความรักและได้แต่งงานกับชายคนที่ฉันรัก ได้สิ้นสุดลงแล้วเวลาของฉันหมดแล้ว”
ถ้าคุณหญิงเห็น คุณค่าของตัวเอง เธอจะใช้ชีวิตโสดอย่างมีความสุขมากกว่านี้ เธอจะไม่คว้านกเพียงตัวเดียวที่มีอยู่ในมือ แต่ปล่อยไป ถ้ามันไม่ใช่นกที่เธอชอบ
เธอจะไม่สนใจว่าใครจะว่าอย่างไร “นกตัวนั้น” บินจากไป เพราะเธอเชื่อว่ายังมีนกตัวอื่นๆ อีก
เธอจะไม่กังวลมากนักแม้ว่าหัวใจยังไร้รัก เพราะเธอรักตัวเองที่สุดแล้ว เธอจะรู้การแต่งงานไม่ใช่สิ่งๆ เดียวที่จะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงชีวิตให้พ้นจากความซ้ำซาก แต่ความเปลี่ยนแปลงเกิดจากการที่เรามองเห็นตัวเอง และคิดต่อตัวเราเองแบบไหนต่างหาก
บางทีความสุขของชีวิตไม่ได้เกิดจากการให้อีกฝ่ายหนึ่งมาเติมเต็ม แต่เกิดจากการเติมเต็มในใจเราด้วยตัวเราเองเสียก่อน
ขอให้เชื่อเสมอว่าตัวคุณมีความดีงาม ซึ่งจะนำคุณไปพบคนที่เหมาะสมในเวลาที่เหมาะสม
เรื่องราวผู้หญิง ความสวยงาม แฟชั่น ความรัก มากมาย คลิกเลย![]()
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ![]()
วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2548






