แต้ว ณฐพร แจงละเอียดยิบ หลังแบรนด์อาหารเสริม บอสแต้ว โดนโยงเป็น แชร์ลูกโซ่ ปัดเทลูกทีม ย้ำผลิตภัณฑ์ปลอดภัย ตรวจสอบแล้ว
ยังคงถูกจับตามองอย่างต่อเนื่อง สำหรับนางเอกสาว แต้ว ณฐพร หลังผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแบรนด์หนึ่ง ซึ่งเป็นแบรนด์ที่เจ้าตัวเป็นพรีเซ็นเตอร์ และอยู่ภายใต้การดูแลจนถูกเรียกว่า "บอสแต้ว" โดนคนออกมาโพสต์พาดพิงทำนองว่ามีธุรกิจหนึ่ง ขายของไม่ออก เทลูกทีม เป็นธุรกิจแชร์ลูกโซ่ จนแบรนด์ของเธอโดนโยงไปด้วย
ล่าสุด (4 พฤษภาคม 2561) สาวแต้ว ก็ได้ออกมาชี้แจงถึงเรื่องนี้ว่า มันน่าจะเป็นกระแสต่อมาจากแบรนด์ที่เป็นประเด็นอยู่ตอนนี้ ทำให้แบรนด์ที่เป็นออนไลน์ทั้งหลายโดนกระทบไปหมด รวมถึงแบรนด์ของเราด้วย มันก็เกิดขึ้นได้ ซึ่งก็ดีที่ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานราชการ ผู้บริโภค ออกมาตั้งคำถาม มันจะได้เป็นโอกาสให้เราออกมาชี้แจงให้มันเคลียร์กัน
แต้ว ณฐพร : ไม่หนักใจนะคะ ด้วยการที่เรามาทำตรงนี้แล้วเราก็ได้ตรวจสอบความมั่นใจไม่ว่าจะเรื่องของผลิตภัณฑ์ ความปลอดภัย และเรื่องของรูปแบบ การทำธุรกิจ อย่างค่อนข้างถี่ถ้วนแล้ว เรารู้สึกว่ามันไม่มีอะไรที่น่ากังวล
- ล่าสุดมีคนออกมาแฉผลิตภัณฑ์หนึ่งว่ามีดาราเป็นบอสแล้วเทลูกทีม คงพุ่งเป้าเป็นแบรนด์เรา ?
แต้ว ณฐพร : เท่าที่เราได้ดูข่าวมันก็เหมือนมีรูปภาพและคำพูดที่ชี้นำมาทางเรา แต่ว่าด้วยทางปฏิบัติเท่าที่เราทราบมาตลอดคือไม่มีการทำอย่างนั้นแน่นอน เราได้มีการวางแผนการทำตลาดมาหลายรูปแบบ แล้วเราไม่ได้ทิ้งตรงนี้แน่นอน เรามองว่ามันเป็นธุรกิจที่สามารถเติบโตกว่านี้ด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นไม่รู้จะทิ้งทำไม
- ด้วยความที่เราเป็นนางเอกชื่อดังตรงนี้มันจะส่งผลถึงความน่าเชื่อถือมั้ย ?
แต้ว ณฐพร : ไม่นะ แต้วมองว่ามันเป็นธุรกิจอนาคตในเรื่องของการทำออนไลน์ แล้วในเมื่อมันไม่เคยเกิดขึ้นแบบเป็นทางการมาก่อน มันก็จะมีการตรวจสอบ ตั้งคำถามและทำให้มันถูกต้อง
- อย่างลูกทีมมีมาติดต่อบ้างมั้ย ?
แต้ว ณฐพร : ไม่นะคะ เพราะทุกคนก็อยู่ในส่วนของการทำงานร่วมกันกับทางบริษัท เขารู้ว่าอะไรเป็นความจริงแค่ไหน ซึ่งเท่าที่ผ่านมาก็ยังไม่ได้มีใครมาเคลมเพื่อที่จะเรียกร้องอะไรเลย ทุกอย่างก็รันไปตามปกติ
- กลัวว่าจะเป็นการถูกดิสเครดิตจากคู่แข่งหรือเปล่า ?
แต้ว ณฐพร : ในธุรกิจทุกอย่างมันมีการแข่งขันอยู่แล้ว ฉะนั้นเรื่องแบบนี้ก็เกิดขึ้นได้ ตัวเรามีหน้าที่แค่เรียนรู้ แก้ไข และทำให้มันถูกต้องแค่นั้นเองค่ะ
- หลายคนมองว่าด้วยความเป็นนางเอกที่มีชื่อเสียง พอมาทำธุรกิจแบบนี้จะเป็นการเสี่ยงไปหรือเปล่า ?
แต้ว ณฐพร : มันเหมือนเป็นการตัดสินใจของเราด้วย ต้องแยกกันให้ชัดเจนว่าหน้าที่นักแสดงตรงนี้ก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง ส่วนตรงนั้นเป็นธุรกิจที่เราเลือกที่จะไปทำ ฉะนั้นอย่าเอามาเกี่ยวข้องกัน ส่วนเรื่องที่ดีเจมะตูมออกมาขอโทษทุกคนที่ชวนมาทำธุรกิจ แล้วดันมีข่าวต่าง ๆ อาจทำให้เสียชื่อเสียงนั้น เขาก็ห่วงใยในฐานะที่เป็นพาร์ทเนอร์ เขาชวนมาด้วยความหวังดี อยากให้ทุกอย่างมันไปในแง่ดีไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเองหรือว่าชื่อเสียงของเรา เพราะถ้าเกิดมันประสบความสำเร็จก็ดีด้วยกันทั้งหมด แต้วก็ต้องขอบคุณที่เขาออกมาขอโทษ แต่ว่าจริง ๆ ไม่ต้องขอโทษก็ได้ คือเราเหมือนเป็นพาร์ทเนอร์กันก็ต้องจับมือกันไป ดีก็ดีด้วยกัน มีปัญหาก็ต้องร่วมกันแก้ไข
- ได้มีการพูดคุยกันในกลุ่มพาร์ทเนอร์บ้างมั้ย ?
แต้ว ณฐพร : จริง ๆ เรื่องนี้มันก็มีวิธีการจัดการอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเตือน หรือว่าถ้ามันยังไม่จบก็อาจจะมีเรื่องของกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
- ตอนนี้ตัวเองอยากที่จะเดินหน้าต่อหรือว่าเพลา ๆ กับการทำธุรกิจแล้ว ?
แต้ว ณฐพร : ยังเดินหน้านะคะ แต่ว่าก็ต้องดูทิศทางลมด้วย ถ้าเกิดว่ามันยังเป็นกระแสที่โหมมากเราจะไปต้านกระแสอยู่ก็คงยาก การทำธุรกิจต้องรู้จักถอยและก้าวให้เป็นค่ะ ถามว่าคุณพ่อคุณแม่มีเป็นห่วงบ้างมั้ย เรียกว่าทุกการตัดสินใจของแต้วก็จะมาจากครอบครัวอยู่แล้ว เพราะแต้วก็ถือว่าใหม่กับประสบการณ์ในการทำธุรกิจนี้ด้วย คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้มีการเตือนอะไรเพราะทุกก้าวได้มีการปรึกษากันว่าควรไปในทิศทางไหน แต้วก็ค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองมีที่ปรึกษาที่ดีค่ะ
- เห็นทางคุณแม่บอกว่ากับเรื่องที่เป็นข่าวอยู่นี้ถ้ามีหลักฐานจริง ๆ อยากให้มาคุยกันมากกว่าไปโพสต์ลงโซเชียล ?
แต้ว ณฐพร : ใช่ค่ะ การโพสต์มันก็เป็นแค่คำพูด ถ้ามีข้อติหรือมีอะไรที่อยากจะเคลม เราก็ยินดีอยู่แล้ว คือมันไม่ใช่เป็นแค่ข้อเสีย แต่มันจะทำให้เราก้าวไปสู่การปรับปรุงที่ดีขึ้น ถ้ามีหลักฐานแต้วว่าก็น่าจะเอาออกมาชี้แจงกัน
- กระแสข่าวที่ออกมามีผลกระทบกับยอดขายบ้างมั้ย ?
แต้ว ณฐพร : เท่าที่ทราบก็ไม่นะคะ ธุรกิจของแต้วดำเนินมา 5 เดือน เรียกว่าเป็นระยะเวลาที่น้อยมากกับการที่ประสบความสำเร็จในระดับนี้ แต้วก็คิดว่ามันยังโตไปได้อีก ส่วนเรื่องของตัวแทนเขาเกาะกลุ่มกันมาจากผลิตภัณฑ์ตัวก่อนแล้ว เพราะฉะนั้นก็ค่อนข้างจะเหนียวแน่นค่ะ
- หลงหลานมากแค่ไหน ?
แต้ว ณฐพร : 3 เดือนแล้ว อ้วนท้วนอุดมสมบูรณ์ ก็มีความเห่อนิดนึง ไม่ถึงขั้นว่าช่วยเลี้ยงอะไรเรียกว่าไปช่วยเล่นมากกว่า ไปแกล้งเล่น มีเห่อกว่านี้คือคุณตาคุณยาย ขานั้นเขาจะเช้าถึงเย็นถึง แต้วจะแบบถ้าคุณตาคุณยายไปแต้วก็ตามไปด้วย เราก็อยากไปหาไปเล่นกับเขานะ แต่ด้วยงานมันก็ไม่เอื้ออำนวยให้เราไปได้ทุกวัน ถ้าว่างก็อยากจะไปเล่นกับเขา
- มีอารมณ์อยากมีเป็นของตัวเองบ้างมั้ย ?
แต้ว ณฐพร : (ส่ายหน้า) ดูวุ่นวายมาก ไม่โอเค เล่นได้นะให้เลี้ยงไม่ได้นะ เล่นลูกคนอื่นน่าจะสนุกกว่า พี่ต้นเองก็เคยเจอหลานแล้ว แต่เขาไม่ได้มาเล่นกับเด็กเล็ก ๆ เขาจะเล่นกับเด็กโต ๆ หน่อย เขาจะชอบจะเล่นด้วย พี่ต้นเขาชอบเด็กมาก แต่แต้วไม่รักเด็กค่ะ ไม่ใช่คนที่เจอเด็กแล้วจะวิ่งเข้าหา ดูเป็นบางคน บางอารมณ์
- เจอความวุ่นวายของการเลี้ยงเด็กมีคิดมั้ยว่าฉันเป็นแม่จริง ๆ จะยังไง ?
แต้ว ณฐพร : ก็คิดนะคะ แต่ไม่ได้อะไรมาก มาถึงตอนนั้นมันก็คงจะเป็นความรู้สึกของแม่ไปเอง ไม่ใช่ว่าเห็นตอนนี้แล้วอยากจะมี จะต้องมีของตัวเอง ที่เห็นตอนนี้เห็นแต่ความวุ่นวาย ถ้าแต้วเป็นแม่ก็คงเครียดน่าดู แต่ก็ลูกของตัวเองอะเนอะ แต้วว่าต้องรออีกสักระยะนึง ที่เราจะรู้สึกตัวเองว่าอยากจะมีครอบครัว อยากจะก้าวไปอีกสเต็ป เรายังต้องมีการมีงานอะไรอีกที่รับผิดชอบ
- ความรู้สึกเวลาที่ไปเล่นกับเด็ก ๆ ทั่วไปกับมาเล่นกับหลานจริง ๆ มันต่างกันเยอะมั้ย ?
แต้ว ณฐพร : ก็ต่างเพราะเราสนิทกับพี่สาวเรา แล้วนี่ก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพี่สาว เขาเป็นคนในครอบครัว แล้วเราก็อินไซด์กว่า เราก็เห็นความวุ่นวายด้วยตัวเอง เราเห็นการเปลี่ยนผ้าอ้อม ตอนเขาโวยวาย ตัวแต้วเองยังไม่เคยเปลี่ยนผ้าอ้อมให้นะ ไม่เอาอะ แค่พี่ให้ดม ๆ เราก็ส่ายหน้าไม่เอาละ มันยังเป็นเรื่องห่างไกลเรามาก
ภาพจาก Instagram taewaew_natapohn, ch3