ซีแนม สุนทร เปิดใจปมโพสต์ทวงเงิน น้องนางร้าย หลังร่วมหุ้นเปิดร้านทำเล็บ แต่ไม่ได้ทำ และยังไม่ได้เงินคืน รับเคยทะเลาะเดือดถึงขั้นชี้หน้าด่ากันมาแล้ว
โดยล่าสุด (20 มิถุนายน 2561) ซีแนม สุนทร ได้ออกมาเปิดใจในรายการ โหนกระแส พร้อมกับ ทนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยเผยว่า ตอนนี้ยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน ว่าเพราะอะไร ส่วนคนที่เขียนถึง ระบุว่าคือนางร้าย แต่ไม่ขอตอบว่าเป็นใคร เพราะจะมีผลทางกฎหมาย ใครจะคิดอย่างไรก็เป็นสิทธิ์ที่จะเดา
ส่วนเรื่องธุรกิจดังกล่าว ตั้งใจทำเป็นธุรกิจบิวตี้ครบวงจรอย่างยิ่งใหญ่ เงินลงทุนประมาณ 6 ล้านบาท ลง 5 คน มีดารา 3 คน คือ นางร้าย น้องนางเอก แล้วก็เธอ คือนางร้ายหุ้นใหญ่สุด 60 เปอร์เซ็นต์ นางเอก 5 เปอร์เซ็นต์ เธอเอง 10 เปอร์เซ็นต์ น้องที่ออกมาเรียกร้องด้วยกัน 15 เปอร์เซ็นต์ และรุ่นน้องอีกคน 10 เปอร์เซ็นต์ เรื่องคือรุ่นน้อง A ที่ถือ 10 เปอร์เซ็นต์ มาชวนร่วมธุรกิจ ก็โอนเงินไป มีเจอกันบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะคุยในไลน์กรุ๊ป น้องนางร้ายเขาจะทำเอกสารครบหมด เตรียมการแล้ว เราเข้าไปเพิ่ม เห็นรายละเอียดก็สนใจ ทุกอย่างโอเคหมด ถึงเวลาเซ็นสัญญาเช่าตึก น้องนางร้ายเป็นคนเซ็น เรื่องจดเกี่ยวกับหุ้นส่วน จะจดแต่ไม่ได้จด ระหว่างนั้นทุกคนก็เข้าใจว่าเรากำลังจะเปิดร้าน ดำเนินการปกติ ใครทำอะไรได้ก็ช่วยกันทำ
เรื่องเงินคือพอรู้ว่าจะเป็นหุ้นส่วน ก็โอนไป 6 แสนบาท มีหลักฐานการโอนออนไลน์เข้าธนาคารน้องเขาเลย แล้วก็มีแยกย้ายกันไปซื้อของ ส่วนใหญ่ตนจะออกไปก่อน แล้วค่อยไปเบิกกับเขา ส่งไปว่าซื้ออันนี้แล้วโอนกลับมาให้หน่อย เขาก็โอนกลับมา หลักฐานทุกอย่างอยู่ในไลน์กรุ๊ป ใครซื้ออะไรก็ใส่ในโน้ตไว้ ตอนนี้ก็มีของเต็มไปหมด ระบุเวลาดำเนินการ ก่อนจะเริ่ม จนล้มเลิกว่าจะไม่ทำ ก็เกินครึ่งปี ระหว่างนั้นเราก็อัปเดตตลอด ของก็มากองที่บ้าน เงินก็ถูกใช้ไปแล้วส่วนหนึ่ง
สำหรับตัวตึกยังไม่ได้ตกแต่ง เพราะเกิดปัญหาเรื่องโครงสร้างตึก กับสิ่งที่เราจะสร้าง หุ้นส่วนทั้งหมดไม่มีใครได้คุยกับเจ้าของตึก นอกจากหุ้นส่วนใหญ่คือน้องนางร้าย เขาก็มาอัปเดตว่าอันนี้ไม่ได้ ถ้าจะทำโครงสร้างนี้ต้องใช้เงิน เรื่องก็ล่าช้าไปเรื่อย ๆ จนถอดใจ แล้วสุดท้ายก็ตกลงกันว่าจะเลิกทำแล้ว พอล้มเลิกก็มาเคลียร์ค่าใช้จ่าย ซื้ออะไรไปบ้าง จ่ายอะไรบ้างก็หักออกไป แล้วมาเคลียร์เงินที่เหลือคืน ซึ่งตนต้องได้ประมาณเกือบ 4 แสน แต่สุดท้าย ได้ยินว่าน้องที่ถือ 10 เปอร์เซ็นต์ ได้เงินคืนแค่คนเดียว คือเขาก็บอกว่าเดี๋ยวจะคืนเงินให้ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ได้คืน มันยืดเยื้อมานานมากแล้ว ก็มีถาม มีทวงกันตั้งแต่เดือนมกราคม เขาก็บอกว่าเดี๋ยวค่อยคุย จนตอนหลังบอกว่าไม่ต้องมาคุยกับเขา ให้ไปคุยกับทนาย
หลังจากที่โพสต์ไป ก็โดนต่อว่าเยอะว่าโพสต์ทำไม ไม่ไปตามกันเอง ทำตามกฎหมาย แต่ตนสุด ๆ แล้วจริง ๆ ตามทวงถามดี ๆ ก็แล้ว ให้ทนายติดต่อไปก็แล้ว ทำทุกอย่างแล้วจริง ๆ แต่เขาก็ไม่มา เขาบอกเรื่องยังไม่จบ เราก็ยังไม่จบ เพราะยังไม่ได้เงินคืน
ส่วนกระแสข่าวที่ว่าตนถูกแฟนของอีกฝ่ายคุกคามนั้น ซีแนม เผยว่า ไม่รู้เรื่องเลย ไม่เคยโพสต์หรือพูดถึงใครใด ๆ ตนแค่อยากได้เงินคืน แค่อยากคุยกับเขาแค่นั้น หากฝ่ายตรงข้ามจะแถลงข่าวโต้ก็ได้ คืออยากให้มาเจอกัน จะตัดสินด้วยกฎหมายหรือการคุยอะไรก็ได้ ที่ตนออกมาโพสต์ แค่อยากจะให้เรื่องมันจบ
สำหรับประเด็นที่ว่าตอนคุยกันครั้งสุดท้าย มีทะเลาะกันรุนแรง ถึงขั้นชี้หน้าด่า ซีแนม ยอมรับว่าจริง และอาจเป็นจุดแตกหักที่ทำให้เขาไม่คืนเงิน ส่วนตนเป็นคนทำธุรกิจต้องมีการตาม ไม่งั้นมันก็ยืดเยื้อไปเรื่อย ๆ วันนัดเจอครั้งสุดท้ายตนก็เป็นคนตาม จิกจนต้องทะเลาะกันก่อนถึงจะมา คุยกันไม่ลงรอย ก็มีปากเสียงกัน บางทีเขาตอบไม่ได้ ก็เกิดการโมโหกัน ทางฝั่งเขาก็มีด่า จำไม่ได้ว่าใครชี้หน้าใครก่อน เอาเป็นว่ามีทะเลาะกันหนัก ตนก็ด่าเขาเหมือนกัน แล้วเขาก็ด่าแบบข่มขู่ด้วย มีคนได้ยินเป็นพยาน
ตอนนี้สิ่งที่ตนต้องการคือ อยากให้ออกมาเคลียร์กัน มาคุยกัน จะเป็นตัวเขาหรือทนายก็ได้ ตนรอมานานมากแล้ว
ภาพจาก Instagram zeenam_m
กลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นร้อนแรงเลยทีเดียว
เมื่อนักร้องสาว ซีแนม สุนทร ออกมาโพสต์ข้อความทวงเงินน้องนางร้ายคนหนึ่ง
หลังเอาเงินไปร่วมหุ้นเปิดร้านทำเล็บด้วย แต่มีปัญหาจนไม่ได้เปิดร้าน
เวลาผ่านไปกว่าครึ่งปี เธอก็ยังไม่ได้รับเงินคืนกว่า 1 ล้านบาท
อีกฝ่ายก็พยายามเลี่ยง บอกไม่ว่าง แต่กลับมีภาพชีวิตดี๊ดีออกมา
ให้คุยกับทนาย หรือส่งหมายศาลไปก็ยังเงียบ ขณะโลกโซเชียลต่างสงสัย
ว่านางร้ายคนนั้นคือใครกันแน่โดยล่าสุด (20 มิถุนายน 2561) ซีแนม สุนทร ได้ออกมาเปิดใจในรายการ โหนกระแส พร้อมกับ ทนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยเผยว่า ตอนนี้ยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน ว่าเพราะอะไร ส่วนคนที่เขียนถึง ระบุว่าคือนางร้าย แต่ไม่ขอตอบว่าเป็นใคร เพราะจะมีผลทางกฎหมาย ใครจะคิดอย่างไรก็เป็นสิทธิ์ที่จะเดา
ภาพจาก Instagram zeenam_m
เรื่องเงินคือพอรู้ว่าจะเป็นหุ้นส่วน ก็โอนไป 6 แสนบาท มีหลักฐานการโอนออนไลน์เข้าธนาคารน้องเขาเลย แล้วก็มีแยกย้ายกันไปซื้อของ ส่วนใหญ่ตนจะออกไปก่อน แล้วค่อยไปเบิกกับเขา ส่งไปว่าซื้ออันนี้แล้วโอนกลับมาให้หน่อย เขาก็โอนกลับมา หลักฐานทุกอย่างอยู่ในไลน์กรุ๊ป ใครซื้ออะไรก็ใส่ในโน้ตไว้ ตอนนี้ก็มีของเต็มไปหมด ระบุเวลาดำเนินการ ก่อนจะเริ่ม จนล้มเลิกว่าจะไม่ทำ ก็เกินครึ่งปี ระหว่างนั้นเราก็อัปเดตตลอด ของก็มากองที่บ้าน เงินก็ถูกใช้ไปแล้วส่วนหนึ่ง
ภาพจาก Instagram zeenam_m
สำหรับตัวตึกยังไม่ได้ตกแต่ง เพราะเกิดปัญหาเรื่องโครงสร้างตึก กับสิ่งที่เราจะสร้าง หุ้นส่วนทั้งหมดไม่มีใครได้คุยกับเจ้าของตึก นอกจากหุ้นส่วนใหญ่คือน้องนางร้าย เขาก็มาอัปเดตว่าอันนี้ไม่ได้ ถ้าจะทำโครงสร้างนี้ต้องใช้เงิน เรื่องก็ล่าช้าไปเรื่อย ๆ จนถอดใจ แล้วสุดท้ายก็ตกลงกันว่าจะเลิกทำแล้ว พอล้มเลิกก็มาเคลียร์ค่าใช้จ่าย ซื้ออะไรไปบ้าง จ่ายอะไรบ้างก็หักออกไป แล้วมาเคลียร์เงินที่เหลือคืน ซึ่งตนต้องได้ประมาณเกือบ 4 แสน แต่สุดท้าย ได้ยินว่าน้องที่ถือ 10 เปอร์เซ็นต์ ได้เงินคืนแค่คนเดียว คือเขาก็บอกว่าเดี๋ยวจะคืนเงินให้ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ได้คืน มันยืดเยื้อมานานมากแล้ว ก็มีถาม มีทวงกันตั้งแต่เดือนมกราคม เขาก็บอกว่าเดี๋ยวค่อยคุย จนตอนหลังบอกว่าไม่ต้องมาคุยกับเขา ให้ไปคุยกับทนาย
หลังจากที่โพสต์ไป ก็โดนต่อว่าเยอะว่าโพสต์ทำไม ไม่ไปตามกันเอง ทำตามกฎหมาย แต่ตนสุด ๆ แล้วจริง ๆ ตามทวงถามดี ๆ ก็แล้ว ให้ทนายติดต่อไปก็แล้ว ทำทุกอย่างแล้วจริง ๆ แต่เขาก็ไม่มา เขาบอกเรื่องยังไม่จบ เราก็ยังไม่จบ เพราะยังไม่ได้เงินคืน
ภาพจาก Instagram zeenam_m
ส่วนกระแสข่าวที่ว่าตนถูกแฟนของอีกฝ่ายคุกคามนั้น ซีแนม เผยว่า ไม่รู้เรื่องเลย ไม่เคยโพสต์หรือพูดถึงใครใด ๆ ตนแค่อยากได้เงินคืน แค่อยากคุยกับเขาแค่นั้น หากฝ่ายตรงข้ามจะแถลงข่าวโต้ก็ได้ คืออยากให้มาเจอกัน จะตัดสินด้วยกฎหมายหรือการคุยอะไรก็ได้ ที่ตนออกมาโพสต์ แค่อยากจะให้เรื่องมันจบ
สำหรับประเด็นที่ว่าตอนคุยกันครั้งสุดท้าย มีทะเลาะกันรุนแรง ถึงขั้นชี้หน้าด่า ซีแนม ยอมรับว่าจริง และอาจเป็นจุดแตกหักที่ทำให้เขาไม่คืนเงิน ส่วนตนเป็นคนทำธุรกิจต้องมีการตาม ไม่งั้นมันก็ยืดเยื้อไปเรื่อย ๆ วันนัดเจอครั้งสุดท้ายตนก็เป็นคนตาม จิกจนต้องทะเลาะกันก่อนถึงจะมา คุยกันไม่ลงรอย ก็มีปากเสียงกัน บางทีเขาตอบไม่ได้ ก็เกิดการโมโหกัน ทางฝั่งเขาก็มีด่า จำไม่ได้ว่าใครชี้หน้าใครก่อน เอาเป็นว่ามีทะเลาะกันหนัก ตนก็ด่าเขาเหมือนกัน แล้วเขาก็ด่าแบบข่มขู่ด้วย มีคนได้ยินเป็นพยาน
ตอนนี้สิ่งที่ตนต้องการคือ อยากให้ออกมาเคลียร์กัน มาคุยกัน จะเป็นตัวเขาหรือทนายก็ได้ ตนรอมานานมากแล้ว