ติ๊ก กัญญารัตน์ เปิดใจ เคลียร์ประเด็นติสต์แตกทิ้งงานละครหายไปกว่า 10 ปี รับฝันอยากแต่งชุดเจ้าสาวสักครั้งในชีวิต ร้องไห้ทุกครั้งที่ไปงานแต่งงาน
ชีวิตเป็นยังไงบ้าง ไม่ค่อยเห็นหน้าเลย ?
ติ๊ก : จริง ๆ ก็ไม่ได้หายไปไหนนะ แต่ค่อนข้างจะบินไปทำรายการบ่อย เดือนนึงต้องทำให้ได้ 4-5 เทป บินไปทีก็อยู่สัก 10 วัน หลัง ๆ เริ่มจะอยู่นานหน่อยประมาณ 2 อาทิตย์
แต่ที่คนเข้าใจว่าหายไปหมายถึงละคร ไม่เห็นหน้าเลยกี่ปีแล้ว ?
เพราะอะไรถึงไม่รับละครแล้ว ?
ติ๊ก : จริง ๆ อยากเล่นนะ แต่ว่าตอนที่ไม่ได้รับเล่นอาจเป็นเพราะว่าเด็ก พอถึงช่วงวัยนึงของวัยรุ่นที่เราทำงานตั้งแต่เลข 1 จนมาถึงเลข 3 เนี่ยมันตัน ช่วงนั้นนักแสดงไม่เยอะขนาดนี้ เขาก็จะใช้เราซ้ำ ๆ เรารู้สึกว่าทำงานมาตั้งแต่สิบกว่า เรารู้สึกว่าเหนื่อย เราอยากเบรก แต่ไม่คิดว่าการเบรกจะเปลี่ยนชีวิตอีกนานเลย
แล้วมีคนติดต่องานละครมาไหม ?
ติ๊ก : ก็มีคนติดต่อละครเข้ามานะ แต่ด้วยความที่ตัวเราไม่พร้อม ในด้านของร่างกาย เพราะเราเดินทางบ่อยแล้วก็น้ำหนักขึ้นด้วย
ช่วงที่เบรกละครเรากำลังรุ่งเลย สาเหตุที่เบรกจริง ๆ มีอะไรที่ซับซ้อนกว่านั้นไหม ?
ติ๊ก : ไม่ซับซ้อนเลย คือเรารู้สึกว่าอยากเบรกช่วงนึงแค่นั้นเอง แล้วก็ผันตัวเองไปทำเบื้องหลัง อยากทำรายการของตัวเอง อยากทำอะไรที่มันเป็นของเรา เราอยากเติบโต
รู้สึกเสียดายไหม เพราะดาราในรุ่นของพี่ทุกวันนี้เขาก็ยังเป็นนางเอกได้อยู่ ?
ติ๊ก : ถ้า ณ วันนี้บอกเลยว่าเสียดาย เวลามันย้อนกลับไปไม่ได้ เพราะอายุเราเยอะขึ้น ต่อให้เราลงไปเล่นละคร เรารู้สึกว่าคนเขาไม่เชื่อเราแล้ว เพราะเราโต เราทิ้งช่วงไป เราเสียดาย เราทิ้งตรงนั้นไปทำไม แทนที่เราจะโกยตรงนั้นไปก่อน ให้คนดูได้อิ่มกับเรามากกว่านี้ก่อน แล้วค่อยผันตัวเอง ตอนนี้เสียดายที่มันย้อนกลับไปไม่ได้
แล้วถ้าย้อนได้จะพักไหม ?
ติ๊ก : ไม่พักค่ะ คือถ้ามีคนชี้แนะว่าให้เราทำคู่ขนานกันไปได้ เราคงไม่เบรกตัวเอง
เลยเป็นที่มาของคำว่า ติ๊กติสต์แตก ?
ติ๊ก : ติ๊กไม่ได้ติสต์เลยค่ะ เพียงแต่ว่าเราแค่อยากจะเลือก มีช่วงนึงที่เรารู้สึกว่าเราไม่จำเป็นต้องไปงาน ไปเพื่อถ่ายรูปเหรอ แต่งตัวชุดราตรี จ้างช่างอะไรมากมาย ลงทุน 3-4 หมื่น ไปถ่ายรูปแล้วกลับ เพื่อโปรโมตตัวเอง เรามาถึงจุดนึงแล้ว เพดานมันไม่ทะลุไปกว่านี้แล้ว คนเขาก็รู้จักเราหมดแล้ว เราไม่ได้ต้องการไปโปรโมตตัวเองตลอดเวลา
แล้วถ้ามีละครติดต่อมาให้รับบทแม่ จะรับไหม ?
ติ๊ก : บทแม่หรอ หน้ายังเด็กอยู่เลยนะ (หัวเราะ) ก็รับค่ะ คือจริง ๆ ขออะไรก็ได้ ที่เป็นบทแล้วรู้สึกว่าตัวเองมีส่วนในตัวเรื่องด้วย การกลับไปมันต้องมีอะไรให้เราเล่น ถ้ามีบทดี ๆ ก็จะรับเล่นค่ะ
ในยุคที่พี่ติ๊กเป็นนางเอกมีความกดดันมากกว่าไหมถ้าเทียบกับน้อง ๆ ยุคนี้ ?
ติ๊ก : กดดันกว่าน้องในยุคนี้มาก ยุคนี้คือเป็นยุคอิสระ ยิ่งทำอะไรที่อิสระ ทำอะไรที่เปิดเผยให้คนรับรู้มากขึ้น กลายเป็นว่ายิ่งดังมียอด Follow เยอะขึ้น ยิ่งทำอะไรที่เป็นแง่ลบ กลายเป็นว่ามีคนกลับผลักดันเขามากขึ้น ในขณะที่ยุคของติ๊กถ้าใครทำอะไรที่ผิดคุณไม่มีสิทธิ์รับงาน ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำงานกับใครได้เลย เขาห้ามเรื่องของยาเสพติดเป็นอันดับแรกเลย เพราะเราเป็นคนของประชาชน เรื่องแฟนก็ห้าม
แล้วเรื่องที่เราไม่ต่อสัญญากับช่องช่องนึงเป็นเพราะอะไร เพราะตอนนั้นก็ดังมากนะ ?
ติ๊ก : ตอนนั้นเราอยู่ช่องนั้นก็นานพอสมควร มีตัวละครอยู่แค่ 3 ตัวเอง ใช้งานอยู่แค่ ติ๊ก กบ น้ำผึ้ง ผลัดกันเล่นอยู่ 3 คน เรามองละครช่องอื่น ๆ เรามองพี่ ๆ ช่องอื่น ๆ ที่เขาเล่นหลากหลายบท หลากหลายผู้ร่วมงาน เราอยากได้บทหลากหลาย เราอยากลองเล่นกับพระเอกคนอื่น ๆ ที่เขากำลังอินกัน ยอมรับว่าตอนนั้นเราก็มองพี่หนุ่ม ศรราม ว่าพี่เขาอยู่ช่องนี้ แล้วเขาก็ย้ายไปอยู่อีกค่ายนึง แล้วเขาก็ได้เล่นทั้งช่องนี้ กับช่องนี้ มันได้หลากหลาย จริง ๆ เราไม่ได้อยากไปอยู่กับใครเลย อยากได้ร่วมงานหลากหลายโอกาส เพราะเราได้แต่บทพีเรียดเกือบทุกเรื่อง
แล้วที่เคยมีข่าวเกาเหลากับ อั้ม พัชราภา ล่ะ เพราะอะไร ?
ติ๊ก : จริง ๆ มันอาจจะเป็นช่วงเปลี่ยนยุค ไม่ได้เกี่ยวกับติ๊กเลย มันเป็นช่วงที่เราเปลี่ยนชีวิตของเรา พอหมดสัญญาปุ๊บ เราก็คิดว่ากำลังจะต่อ ทางช่องเขาก็มีเตรียมให้ 2-3 เรื่อง อีกที่นึงเขาก็ยื่นนักแสดงแต่ละเบอร์มาให้เราเล่น แต่ละบทให้เราเล่น เรารู้สึกมันท้าทาย มันต้องเลือก
แล้วเรื่องรายการที่ทำอยู่ตอนนี้เป็นยังไง ?
ติ๊ก : ตอนนี้ก็ทำมา 13 ปีแล้วค่ะ ทำญี่ปุ่นมา 12 ปี เพิ่งมาปีนี้มีที่อื่นสลับมาบ้าง ซึ่งสมัยก่อนไปญี่ปุ่นนี่ไปยากมาก ทำไม่ถึงปี ทั้งสายการบิน ทั้งคนที่มาเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 70 เปอร์เซ็นต์ ปีต่อมาได้เป็นทูตการท่องเที่ยวของประเทศญี่ปุ่น
เราไปสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศญี่ปุ่นขนาดนี้ ทางรัฐบาลเขามีสนับสนุนอะไรเราไหม ?
ติ๊ก : ก่อนหน้านี้ยังมีสนับสนุนนะ แต่หลัง ๆ เริ่มมีรายการต่าง ๆ ทางโซเชียลมากขึ้น เขาก็ไปอินกับตรงนั้น บางทีก็ลืมเราบ้าง ถามว่าน้อยใจมั้ย ก็น้อยใจนะ ฉันทำแทบตาย
เห็นมีกระแสข่าวว่ารายการขาดทุนถึง 8 หลัก ?
แล้วเรื่องความรักล่ะ ตอนนี้โสดเหรอ ?
ติ๊ก : ก็ถือว่าโสดนะ ถามว่ามีมั้ยก็มีเข้ามาบ้าง เพียงแต่ว่าการอยู่แบบนี้เราสบายใจ ถ้าเปิดไปแล้วไม่ใช่ เราก็เสีย เวลาเปิดทีนึงหลาย ๆ คนก็ต่างมาจ้องคนของเรา มันเหนื่อย
เคยมีความฝันอยากใส่ชุดเจ้าสาวแบบเพื่อน ๆ ไหม ?
ติ๊ก : มีค่ะ ทุกครั้งที่ไปงานแต่งงาน ทุกครั้งที่บ่าวสาวขึ้นเวที ทุกครั้งที่เขามีถ้อยคำถึงกันดี ๆ ร้องไห้ทุกครั้ง
หากย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน ติ๊ก กัญญารัตน์
ถือเป็นนางเอกสาวชื่อดังในยุคนั้น แต่เจ้าตัวกลับทิ้งงานละครไปร่วม 10 ปี
จนคนมองว่าติสต์แตก
พร้อมผันตัวเองทำเบื้องหลังอย่างรายการท่องเที่ยวชื่อดัง ล่าสุด ติ๊ก
กัญญารัตน์ ได้มาเปิดใจในรายการ คุยแซ่บSHOW ทางช่อง One31 ที่มี ธัญญ่า
ธัญญาเรศ และ หนิง ปณิตา เป็นพิธีกร
ชีวิตเป็นยังไงบ้าง ไม่ค่อยเห็นหน้าเลย ?
ติ๊ก : จริง ๆ ก็ไม่ได้หายไปไหนนะ แต่ค่อนข้างจะบินไปทำรายการบ่อย เดือนนึงต้องทำให้ได้ 4-5 เทป บินไปทีก็อยู่สัก 10 วัน หลัง ๆ เริ่มจะอยู่นานหน่อยประมาณ 2 อาทิตย์
แต่ที่คนเข้าใจว่าหายไปหมายถึงละคร ไม่เห็นหน้าเลยกี่ปีแล้ว ?
ติ๊ก : เรื่องล่าสุดเลยคือหยกลายเมฆ น่าจะประมาณ 7 ปี แล้ว
เพราะอะไรถึงไม่รับละครแล้ว ?
ติ๊ก : จริง ๆ อยากเล่นนะ แต่ว่าตอนที่ไม่ได้รับเล่นอาจเป็นเพราะว่าเด็ก พอถึงช่วงวัยนึงของวัยรุ่นที่เราทำงานตั้งแต่เลข 1 จนมาถึงเลข 3 เนี่ยมันตัน ช่วงนั้นนักแสดงไม่เยอะขนาดนี้ เขาก็จะใช้เราซ้ำ ๆ เรารู้สึกว่าทำงานมาตั้งแต่สิบกว่า เรารู้สึกว่าเหนื่อย เราอยากเบรก แต่ไม่คิดว่าการเบรกจะเปลี่ยนชีวิตอีกนานเลย
แล้วมีคนติดต่องานละครมาไหม ?
ติ๊ก : ก็มีคนติดต่อละครเข้ามานะ แต่ด้วยความที่ตัวเราไม่พร้อม ในด้านของร่างกาย เพราะเราเดินทางบ่อยแล้วก็น้ำหนักขึ้นด้วย
ช่วงที่เบรกละครเรากำลังรุ่งเลย สาเหตุที่เบรกจริง ๆ มีอะไรที่ซับซ้อนกว่านั้นไหม ?
ติ๊ก : ไม่ซับซ้อนเลย คือเรารู้สึกว่าอยากเบรกช่วงนึงแค่นั้นเอง แล้วก็ผันตัวเองไปทำเบื้องหลัง อยากทำรายการของตัวเอง อยากทำอะไรที่มันเป็นของเรา เราอยากเติบโต
ติ๊ก : ถ้า ณ วันนี้บอกเลยว่าเสียดาย เวลามันย้อนกลับไปไม่ได้ เพราะอายุเราเยอะขึ้น ต่อให้เราลงไปเล่นละคร เรารู้สึกว่าคนเขาไม่เชื่อเราแล้ว เพราะเราโต เราทิ้งช่วงไป เราเสียดาย เราทิ้งตรงนั้นไปทำไม แทนที่เราจะโกยตรงนั้นไปก่อน ให้คนดูได้อิ่มกับเรามากกว่านี้ก่อน แล้วค่อยผันตัวเอง ตอนนี้เสียดายที่มันย้อนกลับไปไม่ได้
แล้วถ้าย้อนได้จะพักไหม ?
ติ๊ก : ไม่พักค่ะ คือถ้ามีคนชี้แนะว่าให้เราทำคู่ขนานกันไปได้ เราคงไม่เบรกตัวเอง
เลยเป็นที่มาของคำว่า ติ๊กติสต์แตก ?
ติ๊ก : ติ๊กไม่ได้ติสต์เลยค่ะ เพียงแต่ว่าเราแค่อยากจะเลือก มีช่วงนึงที่เรารู้สึกว่าเราไม่จำเป็นต้องไปงาน ไปเพื่อถ่ายรูปเหรอ แต่งตัวชุดราตรี จ้างช่างอะไรมากมาย ลงทุน 3-4 หมื่น ไปถ่ายรูปแล้วกลับ เพื่อโปรโมตตัวเอง เรามาถึงจุดนึงแล้ว เพดานมันไม่ทะลุไปกว่านี้แล้ว คนเขาก็รู้จักเราหมดแล้ว เราไม่ได้ต้องการไปโปรโมตตัวเองตลอดเวลา
ติ๊ก : บทแม่หรอ หน้ายังเด็กอยู่เลยนะ (หัวเราะ) ก็รับค่ะ คือจริง ๆ ขออะไรก็ได้ ที่เป็นบทแล้วรู้สึกว่าตัวเองมีส่วนในตัวเรื่องด้วย การกลับไปมันต้องมีอะไรให้เราเล่น ถ้ามีบทดี ๆ ก็จะรับเล่นค่ะ
ในยุคที่พี่ติ๊กเป็นนางเอกมีความกดดันมากกว่าไหมถ้าเทียบกับน้อง ๆ ยุคนี้ ?
ติ๊ก : กดดันกว่าน้องในยุคนี้มาก ยุคนี้คือเป็นยุคอิสระ ยิ่งทำอะไรที่อิสระ ทำอะไรที่เปิดเผยให้คนรับรู้มากขึ้น กลายเป็นว่ายิ่งดังมียอด Follow เยอะขึ้น ยิ่งทำอะไรที่เป็นแง่ลบ กลายเป็นว่ามีคนกลับผลักดันเขามากขึ้น ในขณะที่ยุคของติ๊กถ้าใครทำอะไรที่ผิดคุณไม่มีสิทธิ์รับงาน ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำงานกับใครได้เลย เขาห้ามเรื่องของยาเสพติดเป็นอันดับแรกเลย เพราะเราเป็นคนของประชาชน เรื่องแฟนก็ห้าม
ติ๊ก : ตอนนั้นเราอยู่ช่องนั้นก็นานพอสมควร มีตัวละครอยู่แค่ 3 ตัวเอง ใช้งานอยู่แค่ ติ๊ก กบ น้ำผึ้ง ผลัดกันเล่นอยู่ 3 คน เรามองละครช่องอื่น ๆ เรามองพี่ ๆ ช่องอื่น ๆ ที่เขาเล่นหลากหลายบท หลากหลายผู้ร่วมงาน เราอยากได้บทหลากหลาย เราอยากลองเล่นกับพระเอกคนอื่น ๆ ที่เขากำลังอินกัน ยอมรับว่าตอนนั้นเราก็มองพี่หนุ่ม ศรราม ว่าพี่เขาอยู่ช่องนี้ แล้วเขาก็ย้ายไปอยู่อีกค่ายนึง แล้วเขาก็ได้เล่นทั้งช่องนี้ กับช่องนี้ มันได้หลากหลาย จริง ๆ เราไม่ได้อยากไปอยู่กับใครเลย อยากได้ร่วมงานหลากหลายโอกาส เพราะเราได้แต่บทพีเรียดเกือบทุกเรื่อง
แล้วที่เคยมีข่าวเกาเหลากับ อั้ม พัชราภา ล่ะ เพราะอะไร ?
ติ๊ก : จริง ๆ มันอาจจะเป็นช่วงเปลี่ยนยุค ไม่ได้เกี่ยวกับติ๊กเลย มันเป็นช่วงที่เราเปลี่ยนชีวิตของเรา พอหมดสัญญาปุ๊บ เราก็คิดว่ากำลังจะต่อ ทางช่องเขาก็มีเตรียมให้ 2-3 เรื่อง อีกที่นึงเขาก็ยื่นนักแสดงแต่ละเบอร์มาให้เราเล่น แต่ละบทให้เราเล่น เรารู้สึกมันท้าทาย มันต้องเลือก
ติ๊ก : ตอนนี้ก็ทำมา 13 ปีแล้วค่ะ ทำญี่ปุ่นมา 12 ปี เพิ่งมาปีนี้มีที่อื่นสลับมาบ้าง ซึ่งสมัยก่อนไปญี่ปุ่นนี่ไปยากมาก ทำไม่ถึงปี ทั้งสายการบิน ทั้งคนที่มาเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 70 เปอร์เซ็นต์ ปีต่อมาได้เป็นทูตการท่องเที่ยวของประเทศญี่ปุ่น
เราไปสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศญี่ปุ่นขนาดนี้ ทางรัฐบาลเขามีสนับสนุนอะไรเราไหม ?
ติ๊ก : ก่อนหน้านี้ยังมีสนับสนุนนะ แต่หลัง ๆ เริ่มมีรายการต่าง ๆ ทางโซเชียลมากขึ้น เขาก็ไปอินกับตรงนั้น บางทีก็ลืมเราบ้าง ถามว่าน้อยใจมั้ย ก็น้อยใจนะ ฉันทำแทบตาย
เห็นมีกระแสข่าวว่ารายการขาดทุนถึง 8 หลัก ?
ติ๊ก
: ไม่ถึง 8 หลักนะ แต่ก็มีจุดเปลี่ยนของทีวีบ้านเรา
เพราะคนไปเสพทางโซเชียลกันพอสมควร การซื้อโฆษณาที่เต็มตลอดก็หายไปพอสมควร
ด้วยช่องต่าง ๆ ก็มีมากขึ้น มีรายการท่องเที่ยวเพิ่มมาอีก
ลูกค้าเขาก็กระจายไปซื้อเด็กรุ่นใหม่ที่ทำอะไรหลากหลายบ้าง
แล้วเรื่องความรักล่ะ ตอนนี้โสดเหรอ ?
ติ๊ก : ก็ถือว่าโสดนะ ถามว่ามีมั้ยก็มีเข้ามาบ้าง เพียงแต่ว่าการอยู่แบบนี้เราสบายใจ ถ้าเปิดไปแล้วไม่ใช่ เราก็เสีย เวลาเปิดทีนึงหลาย ๆ คนก็ต่างมาจ้องคนของเรา มันเหนื่อย
เคยมีความฝันอยากใส่ชุดเจ้าสาวแบบเพื่อน ๆ ไหม ?
ติ๊ก : มีค่ะ ทุกครั้งที่ไปงานแต่งงาน ทุกครั้งที่บ่าวสาวขึ้นเวที ทุกครั้งที่เขามีถ้อยคำถึงกันดี ๆ ร้องไห้ทุกครั้ง
ติดตามรายการ
คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.00-15.00 น. ทางช่อง One31 Facebook
Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama