x close

เสพสม ให้สุขสม



เสพสม ให้สุขสม (กรุงเทพธุรกิจ)


          วิวัฒนาการของมนุษย์ยาวนานมากว่า...ล้านปี ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากมาย ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปกี่สิบกี่ร้อยปีก็ตาม แต่มีเรื่องหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง และจะยังคงอยู่คู่กับมนุษย์ตลอดไป..นั่นคือเซ็กซ์


เริ่มต้นที่ฮอร์โมนเพศชาย

          ในร่างกายมีฮอร์โมนเพศที่กำหนดลักษณะความเป็นหญิงหรือชาย โดย เทสทอสเทอโรน เป็นฮอร์โมนเพศชาย ที่กำหนดลักษณะความเป็นชายให้ปรากฏ ไม่ว่าจะเป็น หนวดเครา ขนหน้าแข้ง กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เสียงแหบห้าวของชาย ขณะที่ เอสโตรเจน เป็นฮอร์โมนเพศหญิงที่ทำให้หญิงมีผิวสวยเนียน มีหน้าอก เอวบางร่างน้อย เสียงเล็กแหลม มีประจำเดือน

          “ความสำคัญของฮอร์โมนเพศชาย ไม่เพียงแต่กำหนดลักษณะความเป็นชายให้มนุษย์แล้ว ยังเป็นตัวสร้างกำหนัดเป็นเป็นสารกระตุ้นหรือเร้าให้เกิดอารมณ์ทางเพศ” คำอธิบายจาก ศ.นพ.นิกร ดุสิตสิน ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาเพศศาสตร์ศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

          ขณะที่หญิงชายรู้สึกเกิดอารมณ์ทางเพศ นักวิทยาศาสตร์พบว่าในช่วงนั้นฮอร์โมนชายจะเพิ่มขึ้นทั้งในหญิงและชาย และเมื่ออารมณ์กระเจิงไปไกล ถึงช่วงเวลาหนึ่งฮอร์โมนชายที่อยู่ในผู้หญิงจะคงตัว ปล่อยให้ฮอร์โมนหญิงแสดงบทบาทบ้าง สำหรับเตรียมความพร้อมให้ร่างกายฝ่ายหญิง เช่น ทำให้ช่องคลอดอ่อนนุ่ม สร้างสารหล่อลื่น คลายกล้ามเนื้อช่องคลอดให้ยืดหยุ่นสูง

          ควบคู่กับการทำหน้าที่ของฮอร์โมนเพศชาย ต่อมใต้สมองจะหลั่งสารไนตริกออกไซด์ (Nitric Oxide) ออกมาเวลามีอารมณ์เพศพิศวาสที่เกิดจากการเล้าโลมกันในเวลาที่เหมาะสมและมีเวลามากซึ่งเป็นการเรียกร้องให้มีการตอบสนองความต้องการหรือนำไปสู่การมีเซ็กซ์


• เอนดอร์ฟินส์ สารแห่งความสุข

          น.พ.พันศักดิ์ ศุกระฤกษ์ เกจิด้านเพศศึกษาบอกอยู่เสมอๆ ว่าระหว่างการมีเซ็กซ์ที่ถูกต้องและปลอดภัย ต่อมใต้สมองจะหลั่งสาร เอนดอร์ฟินส์ (Endorphins) หรือที่เรียกว่า “สารแห่งความสุข” เข้าสู่กระแสเลือด สารดังกล่าวนั้นจะเข้าไปแก้ไขและปรับความสมดุลของสารเคมีในร่างกายทำให้รู้สึกสงบ ผ่อนคลาย หายเครียด มีความสุขและจะนอนหลับในที่สุด

          ขณะหลับอย่างมีความสุข ทั้งหญิงและชายจะหลั่งฮอร์โมนเพศออกมา เพียงแต่หญิงจะหลั่งฮอร์โมนหญิงออกมามากกว่าชาย ซึ่งฮอร์โมนดังกล่าวจะทำให้ผิวพรรณดี เส้นผมสลวยเป็นเงางาม ดังเช่นคำกล่าวที่ว่า... “แต่งงานแล้วผิวพรรณเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล”

          เนื่องจากเมื่อถึงจุดสุดยอด ต่อมไร้ท่อต่างๆ ที่ควบคุมอวัยวะสำคัญหลายอย่างจะถูกระตุ้นการทำงานให้มีการหลั่งฮอร์โมนและสารเคมีที่เป็นประโยชน์แก่ร่างกาย เช่น สารแอนตี้ฟิตามีนที่แก้อาการภูมิแพ้คัดจมูก พร้อมกับหลั่งสารฟิโรโมนส์ (Pheromones) หรือ กลิ่นเรียกรัก ที่ปกติเกิดระหว่างตกไข่ (48 ชั่วโมง) ของหญิง ซึ่งเกิดจากประสาทสัมผัสทางสมองออกมาอีกด้วย

          และทุกครั้งที่มีเซ็กซ์ การหลั่งสารเคมีคอร์ติซอล ซึ่งกระตุ้นให้เกิดอาการเครียดและตื่นเต้นในกระแสเลือดจะลดลง ส่งผลดีต่อผู้ป่วยไมเกรน หรือผู้ป่วยที่ปวดศีรษะเป็นประจำ ขณะที่เซ็กซ์ถึงจุดสุดยอด สารจากสมองที่เรียกว่าเซอร์โรโทนิน (Serotonin) จะไปขวางทาง ปิดความตื่นเต้นทางเพศให้สงบชั่วคราว ทำให้ความรู้สึกทางเพศลดลงเป็นการปิดสวิตซ์ไฟหลอดสุดท้าย


• สารฟิโรโมนส์

          เมื่อปี ค.ศ. 1986 นักชีววิทยาและนักวิทยาต่อมไร้ท่อ ค้นพบฟีโรโมนส์ใต้วงแขนของมนุษย์ และการค้นคว้าในช่วงดังกล่าวพบว่า ผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์เป็นปกติ-ธรรมดา-สม่ำเสมอ (regular sex) มักมีรอบเดือนเป็นปกติกว่าหญิงที่นานๆ จะมีเซ็กซ์สักครั้ง

          การมีเซ็กซ์ที่สม่ำเสมอช่วยเลื่อนเวลาการเสื่อมลงของออร์โมนเอสโตรเจน และทำให้ผู้หญิงมีบุตรได้ง่ายขึ้น สิ่งที่ค้นพบนี้ทำให้คณะนักวิจัยมองหาว่า อะไรที่ทำให้ผู้ชายพร้อมเสมอสำหรับการตอบสนองทางเพศ สำหรับผู้หญิงกลุ่มนี้ คณะวิจัยเชื่อว่าฟีโรโมนส์น่าจะเป็นคำตอบของเรื่องราวทั้งหมด โดยมันจะส่งสัญญาณลี้ลับบางอย่างไปยังเพศตรงข้าม ซึ่งมีผลต่อการกระตุ้นความรู้โรแมนติก

          และเป็นเรื่องน่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง เมื่อมีรายงานข่าวแจ้งว่า ฝรั่งสามารถจับฟีโรโมนส์มาบรรจุขวดรูปสเปรย์เพื่อจำหน่ายได้แล้ว โดยสกัดจากฮอร์โมนเพศของมนุษย์ และพุ่งกลุ่มเป้าหมายไปที่เพศชาย เพศที่มักชอบทดลองอะไรใหม่ๆ ก่อนเป็นกลุ่มเป้าหมายแรก

          โดยกลิ่นของสเปรย์ฟีโรโมนส์จะให้ความรู้สึกถึงความหนุ่ม ทรงเสน่ห์ในความรู้สึกของหญิงสาว และหลังจากประสาทสัมผัสรับรู้ถึงกลิ่นแล้ว สมองส่วนกลางจะสั่งให้ร่างกายหลั่งเทสทอสเทอโรนฮอร์โมนที่จุดประกายให้เกิดความกำหนัด


• ผลเสียจากเซ็กซ์ไม่เต็มใจ

          ศ.นพ.นิกร กล่าวว่า เซ็กซ์ที่เกิดจากากรฝืนใจ ไม่เต็มใจ หรือความจำเป็นบางอย่างไม่ใช่เซ็กซ์ที่เกิดจากความรัก ร่างกายโดยต่อมหมวกไตจะหลั่งฮอร์โมนความเครียดออกมา ซึ่งแม้จะทำให้เกิดความสุข แต่เคมีดังกล่าวจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาว

          ฮอร์โมนความเครียดที่ออกมาจากต่อมหมวกไต ประกอบด้วย Nor-epinephrin, Phenyl athylamine และ Dopamine เป็นฮอร์โมนกลุ่มเดียวกับที่หลั่งออกมาเมื่อร่างกายได้รับสารเสพติด หรือสารแอมเฟตตามีน โดยทำให้รู้สึกมีความสุข ล่องลอย มีความตื่นเต้น เร้าใจ หัวใจเต้นแรงการสูบฉีดโลหิตแรงและเร็วความดันสูงขึ้น

          ส่งผลให้เกิดความเสียหายแก่หลอดเลือดและผนังหลอดเลือด รวมถึงส่งผลเสียต่อระบบการทำงานของหัวใจ ฮอร์โมนความเครียดที่เข้าสู่กระแสเส้นเลือด ส่งไปยังสมองจะเข้าไปกัดกินเส้นประสาท ทำให้ประสิทธิภาพในการคิดไตร่ตรอง การตัดสินใจความจำเสื่อมลง

          ฮอร์โมนเสพติดจากต่อมหมวกไตนี้ จะมาเร็วและสลายตัวในเวลาอันสั้น ร่างกายจะร้องขอฮอร์โมนอีก ทำให้เกิดความอยากซึ่งนำไปสู่การเสพติดหรือหมกหมุ่นทางเพศ คล้ายกับกลไกการตอบสนองของร่างกายที่มีสารเสพติดนั่นเอง

          “ฮอร์โมนเอนดอร์ฟินส์หรือสารแห่งความสุข ที่หลั่งมาจากต่อมใต้สมอง จะให้ความรู้สึกสุข อิ่มเอมปิติ เมื่อร่างกายมีความสุขย่อมส่งผลดีลงลึกถึงระดับเซลล์ของอวัยวะส่วนต่างๆ แต่ความสุขจากฮอร์โมน Phenyl athylamine ที่หลั่งจากต่อมหมวกไต ให้ความรู้สึกที่หลอกตัวเองว่ามีความสุข เพราะสัญชาตญาณลึกๆ แล้วมันมีความรู้สึกผิดร่วมอยู่ด้วย จึงไม่ใช่สุขปิติแบบที่ได้จากเอนดอร์ฟินส์” ศ.นพ.นิกร กล่าว


• ไทยขาดเซ็กซ์ในมุมมองวิทยาศาสตร์

          นักวิจัยจากศูนย์วิจัยและพัฒนาเพศศาสตร์ศึกษาบอกว่า แม้ว่าการค้นคว้าวิจัยในเรื่องเซ็กซ์จะเป็นที่สนใจและตื่นตัวกันมาก แต่แพร่หลายในต่างประเทศเท่านั้น โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศตะวันตกที่มีทัศนคติที่ดีในเรื่องเพศ ย้อนกลับมาในไทยเพิ่งให้ความสนใจงานวิจัยในเรื่องเซ็กซ์เมื่อ 6-7 ปีนี้เอง

          อาจเป็นเพราะสังคมไทยอ่อนไหวในเรื่องเซ็กซ์ นักวิจัยไม่สามารถได้รับคำตอบเชิงลึกจากพฤติกรรมทางเซ็กซ์ของบุคคลๆ หนึ่ง ฉะนั้น จะสังเกตได้ว่าข้อมูลที่เกี่ยวกับเซ็กซ์เกือบทั้งหมด จะอยู่ในรูปแบบของโพลล์สำรวจ เช่น ทัศนคติวัยรุ่นกับเซ็กซ์ สำรวจว่านักเรียน/นักศึกษาคิดอย่างไรกับเซ็กซ์ หรือคิดอย่างไรกับเซ็กซ์แบบอยู่ก่อนแต่ง คิดอย่างไรกับเซ็กซ์ในวัยเรียน เป็นต้น

          ส่วนการวิจัยในแง่มุมทางการแพทย์การวิทยาศาสตร์มีน้อยมาก เพราะงานยิ่งยากเข้าไปอีกเมื่อต้องยุ่งเกี่ยวกับร่างกายของคน และซับซ้อนอีกระดับหนึ่งเมื่อต้องโยงเข้ามาในเรื่องเซ็กซ์ ดังนั้นข้อมูลการอ้างอิงจึงเป็นงานวิจัยของต่างประเทศเป็นหลัก

          อย่างไรก็ตาม สังคมไทยในยุคสมัยนี้เปิดใจยอมรับและพูดเรื่องเซ็กซ์กันมากขึ้น เห็นได้จากช่องโทรทัศน์ได้นำเสนอความรู้ในเรื่องเซ็กซ์สำหรับผู้ใหญ่ หนังสือพิมพ์จัดแบ่งหน้าข่าวให้การเสนอความรู้ด้านเซ็กซ์มากขึ้นเช่นกัน ซึ่งเนื้อหาลงลึกถึงวิธีปฏิบัติมากขึ้น


• หญิงเตาถ่าน ชายเตาแก๊ส

          “...หญิงเตาถ่านชายเตาแก๊ส” เป็นคำอุปมาอุปไมยถึงความแตกต่างในเรื่องเซ็กซ์ระหว่างหญิงชายได้ชัดเจน

          ศ.นพ.นิกร อธิบายว่า เตาแก๊สติดง่าย ต้องการเมื่อไรใช้ได้ทันที ซึ่งเป็นลักษณะของชายที่พร้อมจะเซ็กซ์ได้ตลอดเวลาที่ถูกเร้าอารมณ์ โดยไม่จำเป็นต้องมีความรักเกิดขึ้น และอารมณ์เพศนั้นเกิดขึ้นเร็วพร้อมๆ กับมอดลงในทันทีที่เสร็จสิ้นการกิจโดยไม่มีความอาลัยอาวรณ์

          ส่วนอารมณ์เพศของหญิงนั้นติดไฟยาก ต้องอาศัยเชื้อปะทุหรือขี้ไต้จุดนำ ซึ่งหมายถึงความรักและการเล้าโลม ในระหว่างนั้นต้องอาศัยการพัดเพื่อโหมกระพือไฟ หากออกแรงพัดมากเกินไปไฟสามารถดับได้ง่ายเช่นกัน

          หมายความว่าหากระหว่างการเล้าโลมที่อารมณ์กำลังคุกรุ่น ฝ่ายชายใช้ถ้อยคำที่แสลงใจ คำพูดจาไม่สบอารมณ์ของหญิง ฮอร์โมนที่สร้างอารมณ์กำหนัดจะหยุดทำงานทันที เตาถ่านที่กำลังจะได้ที่ก็มอดลงเช่นกัน

          นอกจากนี้ การก่อไฟในเตาถ่านยังมีปัจจัยด้านภูมิอากาศเข้ามาเกี่ยวข้อง ในวันที่ฝนตก สภาพอากาศขึ้น เตาถ่านก็ติดไฟยาก ศ.นพ.นิกร อธิบายว่า อารมณ์เพศของหญิงในช่วง 28 วัน หรือ 1 รอบประจำเดือนจะผิดแผกกันไปเหมือนที่ว่า สามวันดีสี่วันไข้ คาดเดาได้ยากสำหรับผู้ชาย





ขอขอบคุณข้อมูลจาก



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เสพสม ให้สุขสม อัปเดตล่าสุด 14 ตุลาคม 2552 เวลา 16:33:02 15,777 อ่าน
TOP