แอมป์ พีรวัศ เคลียร์ดราม่า ภรรยาหวงลูกเกิน บอกไม่อยากให้จับ เพราะเด็กชอบเอามือเข้าปาก สบายใจเคลียร์เพื่อนบ้านสูบบุหรี่ลงตัว เผยตัดใจขายบิ๊กไบค์เพราะห่วงอุบัติเหตุ
วันนี้น้องเทรย์รับแขกยังไงบ้าง ได้ซ้อมกันมาหรือเปล่า ?
เบลล์ : ก็ยิ้ม แล้วก็ตื่น ปกติเขาจะนอนค่ะ แต่ว่าวันนี้เขาตื่น ไม่งอแง
แอมป์ : ไม่ได้ซ้อมเลย คือปกติ โชคดี ลูกเรามีความธรรมชาติเนอะก็หลับ กิน แล้วก็นอน นอนตื่นมา รู้งาน 5 4 3 2 ตื่นขึ้นมา
ตัดสินใจยากไหมที่จะมาออกงาน ?
แอมป์ : ไม่ได้ตัดสินใจนานหรือเปล่า คือจริง ๆ แล้วมันก็เป็นความเข้าใจผิด คือตอนแรกก็นึกว่าเราจะมาคนเดียว แต่อีกทางทีมนึงก็บอกว่ามาทั้งครอบครัว ผมก็รู้สึกว่าไม่เป็นไร ก็มาเถอะ คืองานแบบนี้จะให้ผมมาพูดเรื่องให้นม มันก็ไม่ถูก ถูกไหม เราต้องให้ภรรยามาพูดว่าให้นมยังไง มันเป็นงานฟีลลิ่งนะผมว่า ก็ดี ก็น่ารักดี
เบลล์ : เป็นแบบนี้ค่ะ ไม่ค่อยงอแง คืออยู่ง่าย อยู่ได้ทุกที่ อยู่กับใครก็ได้
ไม่ใช่ว่ากลางวันหลับ แล้วกลางคืนตื่นใช่ไหม ?
มีข่าวว่าคุณภรรยาค่อนข้างหวงลูกมาก ?
แอมป์ : นี่เป็นครั้งแรกที่ห่างลูกที่สุดในชีวิตแล้ว ปกติไม่เคยทิ้งลูกเลย คือต้องบอกว่า เราก็อยากให้จับทุกท่านนะ คือทุกคน เวลาคนไทยเห็นเด็กก็จะแบบน่ารักจัง แต่ลูกผม เมื่อกี้บนเวทีเขาจะดูดมือตลอดเวลา เพราะฉะนั้นเวลาที่คนไปจับ สิ่งแรกเขาไม่ได้จับหน้า เขาจับมือก่อน พอจับมือปุ๊บไม่ได้ล้างเขาก็ดูดมือก่อน ก็เลยกลัวว่าจะติดเชื้อโรค จริง ๆ เราก็ไม่ได้หวงลูกอะไรหรอก
กลายเป็นประเด็นดราม่าในอินสตาแกรม ?
เบลล์ : ดราม่าด้วยเหรอคะ ไม่ทราบ เราก็แค่ห่วงความสะอาดนิดหน่อย เพราะเหมือนแบบก็เข้ามาจับ แล้วเราก็ไม่ทันจะพูดอะไร แล้วมีช่วงนึงน้องเขาเป็นหวัด น้องเขาเอาเข้าปากบ่อย เราก็เลยนิดนึง น้องยังเล็กอยู่ด้วย
ทุกวันนี้ไปไหนมาไหนมีคนมาจับอะไรยังไงบ้าง ?
แอมป์ : คือตั้งแต่ที่ตอนเป็นข่าว มีคนเดินมาขอโทษนะ วันนั้นพี่ไม่ได้ตั้งใจจะจับ บางคนแบบ อ้าว เฮ้ย…อี๊ขอโทษวันนั้น อี๊เพิ่งเห็นข่าวว่าคุณแม่หวงลูก แต่จริง ๆ แล้วไม่คือเราไม่ได้หวงลูก แต่ว่าเราก็แค่เป็นห่วงว่าเด็ก ๆ รักษาความสะอาด คือเราก็เผื่อไว้ โตขึ้นจะเล่นยังไงก็เต็มที่นะครับ แต่อย่าหยิกนะครับ (หัวเราะ)
คือจับได้แต่ให้เลี่ยงการจับมือใช่ไหม ?
พาออกจากบ้านบ่อยไหม ?
แอมป์ : ก็แทบทุกวันนะครับ ทุกวัน คือถ้าผมไม่ได้ทำงาน ผมจะพาภรรยาไปเอนเตอร์เทนก่อน ไปเที่ยวนั่นเที่ยวนี่ คือไปมาหมดแล้วครับ ดูละครเวทีมาแล้ว ดูหนังมาแล้ว
เวลาไปไหนมาไหนพาน้องไปด้วยตลอด ?
แอมป์ : ตลอดครับ
กดดันไหมตอนคลอดแรก ๆ ?
เรื่องควันบุหรี่ข้างห้อง ?
แอมป์ : คือต้องบอกว่าเราเคยเป็นคนสูบบุหรี่นะ แต่ว่าที่เราเลิก เพราะว่าลูก เพราะว่าเราอยากมีลูก เพราะผมก็ตั้งใจไว้อยู่แล้วแหละ การที่เราเจอคนสูบข้างห้อง เราก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ แต่เขาเปิดแล้วสูบ คือเรามีเด็กไง เรามีลูก คือเราก็อุตส่าห์จะไม่ทำอะไรแล้ว เราก็มาเจอแบบนี้เนอะ ยิ่งเป็นคนต่างชาติด้วยมันก็ยิ่งพูดยาก มันก็เป็นการอยู่ร่วมกัน คอนโด มันพูดยาก
มีพูดคุยกันบ้างไหม ?
ไม่ถึงกับหาห้องใหม่ใช่ไหม ?
แอมป์ : คือลูกผมจะเรียนโรงเรียนข้าง ๆ เพราะฉะนั้นเราก็ไม่ย้ายอยู่แล้วครับ เราไม่ได้เช่าอยู่เราซื้อไปให้ลูก แล้วผมก็เตรียมไว้ว่าลูกน่าจะอยู่แถว ๆ นี้ ให้เดินไปเรียนสบาย ๆ ส่วนตัวผมก็อยากอยู่บ้านเหมือนกัน แต่ก็เดี๋ยวต้องรอสักหน่อยนึงช่วงนี้เราต้องหาเงินให้เยอะหน่อยครับ อย่างไรก็ต้องขอฝากทุกท่านด้วยนะครับ (ยิ้ม) รับทุกอย่างนะครับผม
เห็นมีอีกข่าวว่าขายบิ๊กไบค์ใช่ไหม ?
แอมป์ : ครับ คือที่ขายเนี่ยมันมีเหตุผลเลย คือผมอยากอยู่กับลูกนาน ๆ ตอนแรกเราก็ไม่เข้าใจหรอกว่าคุณพ่อห้ามซื้อมอเตอร์ไซค์ วันนี้เรามีลูกของตัวเองเรารู้แล้วว่าหัวใจของเราคือลูก เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราไม่อยากให้ลูกทำเราจะไม่ทำ เพราะว่าพ่อกับแม่คือโลกทั้งใบของเด็ก เพราะฉะนั้นคุณพ่อทำอะไรคุณลูกจะทำตาม แต่ถ้าพ่อไม่ทำอะไรแล้วก็คุยกันด้วยเหตุผล ผมว่าก็เป็นตัวอย่างที่ดีของลูกได้นะครับ คือมันเป็นความฝันนั่นแหละแต่ความฝันมันทิ้งได้ เพราะว่าฝันใหม่ของเรามันสำคัญกว่าฝันที่มันผ่านมาแล้ว
กลัวเรื่องอันตรายเป็นหลักใช่ไหม ?
แอมป์ : ใช่ครับ ผมกลัวเรื่องอันตรายเป็นหลัก แล้วก็ถ้าสมมติว่าเขาเห็นจนชิน โตขึ้นจะต้องขี่มอเตอร์ไซค์แบบป๊าเลย เอาแล้วลูกจะออกไปไหนนะ จะโดนชนหรือเปล่า เราขี่ดีก็จริงครับแต่ว่าเราก็ไม่รู้ว่าบนท้องถนนมันจะเกิดอะไรขึ้น เพราะฉะนั้นเราก็ไม่อยากให้สูญเสีย เราก็ยอมขายฝันตัวเองครับ
ภรรยาเป็นอย่างไรบ้างสามีห่วงลูกขนาดนี้ ?
เบลล์ : ก็ดีใจค่ะ
ก่อนหน้านี่เคยเตือนเรื่องบิ๊กไบค์ไหม ?
เบลล์ : ไม่เคยค่ะ บอกว่าอย่าขายเลยมันสวยอะไรแบบนี้ (ยิ้ม) แต่เขาก็ขายไป
เข้าแก๊งบิ๊กไบค์ไม่ได้แล้วใช่ไหม ?
แอมป์ : ตอนนี้ผมก็ไม่ได้ขี่นานแล้วเนอะ ผมว่าทุกคนก็โตหมดแล้วหลาย ๆ คนก็เตรียมจะมีครอบครัวกันแล้ว ก็คงอยากจะรักษาชีวิตกันไว้นะครับ อ้อขอเตือนนิดนึงช่วงนี้ขับขี่ปลอดภัยนะครับ รถอาจจะติดอย่าเพิ่งใจร้อนนะครับ บีบแตรกันก็เดี๋ยวจะอันตรายนะครับ (ยิ้ม)
ตอนนี้ก็ใช้รถยนต์กันไปก่อน ?
แอมป์ : ใช่ครับ ปลอดภัยที่สุดครับ คือทำอะไรก็ได้ให้เซฟชีวิตที่สุด ตอนนี้ผมต้องหาเงินให้เยอะที่สุดครับเพื่อลูก
ตอนนี้ลูกกำลังน่ารักมีงานในวงการติดต่อมาบ้างหรือยัง ?
แอมป์ : ไม่มีนะครับ ไม่ได้ซีเรียสว่าลูกจะต้องออกงานหรืออะไรอย่างนี้ ก็คือจ้างผมก็ได้ครับ (ยิ้ม) คือถ้าจ้างผมลูกก็สบายครับ คือช่วงนี้ก็จะมีอะไรเกี่ยวกับเด็ก ๆ ครับ
เห็นบอกว่าอยากมีลูกหัวปีกับท้ายปีใช่ไหม ?
แอมป์ : อ๋อ..ใช่ครับ ตอนนี้ผมวางไว้เพราะภรรยาเหนื่อยด้วย แล้วก็จังหวะน่าจะประมาณปี 2563, 2564, 2565 ประมาณนี้ครับ อยากได้อีกสักสองคนครับ เพราะว่ามีความคิดว่าสี่คน แต่เบลล์เขาไม่ไหวแน่นอนแค่คนเดียวเขายังบอกพอก่อน ก็จะมีอีกสักสองคนเพราะว่าคือถ้าเราสองคนไม่อยู่บนโลกนี้ อย่างน้อยก็ยังมีเพื่อนคู่คิดเป็นคนในครอบครัวที่คอยช่วยเหลือกัน ทำไมถึงต้องมีสามคน ผมมีหลักการคิดแบบนี้ คือเผื่อสองคนรักกันสนิทกันมากชวนกันเที่ยว อีกคนจะได้เป็นกรรมการอย่าไปเลยพ่อดุก็จะมีคนแย้งหน่อย ไม่ใช่ว่าถ้ามีลูกสองคนชอบเที่ยวทั้งคู่เป็นลมแน่ ๆ ผมว่าสามคนน่าจะเป็นสามคาแรกเตอร์คิดว่านะครับ
การมีลูกทำให้เราเปลี่ยนไปไหม ?
แอมป์ : เปลี่ยนร้อยเปอร์เซ็นต์เลยครับดีมากเลย ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วพอมีลูกเป็นของตัวเองแล้ว เราก็มองอนาคตไกลขึ้น ซึ่งปกติเวลาเราหาเงินเราจะมองไม่ไกลมาก 3 ปี 5 ปี อันนี้ผมมองไป 20 ปี คือแค่มองไปว่าควรจะเป็นแบบไหน บางคนก็จะบอกว่าเราไม่รู้อนาคตหรอก พรุ่งผมอาจจะถูกรางวัล 30 ล้านบาทก็ได้ใครจะรู้ แต่เราไม่สามารถคาดการณ์อนาคตได้ มีวันนี้เท่านั้นแหละครับ ที่เราจะสามารถคิดว่าน่าจะก็คือทำวันนี้ให้ดีที่สุดนั่นแหละครับ แต่อย่างไรผมฝากด้วยนะครับ (ยิ้ม) พีรวัศว่างเสมอครับ
อย่างนี้คูณสามเลยไหมเพราะคิดถึงอนาคตไกลขนาดนั้น ?
แอมป์ : มีหลักการคิดให้ล่าสุดอีกครับ คือหลายคนกลัวว่าการมีลูกจะทำให้เราจนไม่จริงครับ คุณก็คิดว่าคุณต้องหาเงินเพิ่มเพื่อให้ลูกคุณสบาย ถ้าคุณมัวแต่คิดว่าไม่เอาแล้วเราประหยัดดีกว่ามีลูกแค่คนเดียว ค่าเทอมล้านนึงสมมตินะครับ เราจะได้แค่หนึ่งล้านแค่นั้น เราจะไม่ได้เกินนั้นแล้ว แต่ถ้าเราคิดว่าเราจะมีเยอะ ๆ เราจะคิดแล้วว่าทำอย่างไรนะต้องหาเงินให้มันเยอะขึ้น พอเราหาเงินได้เยอะขึ้นความต้องการเราก็จะเยอะขึ้นครับ เพราะฉะนั้นแล้วต้องคิดให้ไกลแล้วก็ทำให้ได้แค่นั้นเองครับ
ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN
ภาพจาก INN
กลายเป็นประเด็นดราม่า หลังคนมองว่าหนุ่ม แอมป์ พีรวัศ และภรรยาสาว เบลล์ หวงลูกมาก จนไม่ให้ใครแตะต้อง ล่าสุด (11 กรกฎาคม 2561)
ในงานเปิดห้องให้นมแม่ “Pigeon Breastfeeding Consultation Room”
ทั้งคู่ก็ได้ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นดังกล่าว
วันนี้น้องเทรย์รับแขกยังไงบ้าง ได้ซ้อมกันมาหรือเปล่า ?
เบลล์ : ก็ยิ้ม แล้วก็ตื่น ปกติเขาจะนอนค่ะ แต่ว่าวันนี้เขาตื่น ไม่งอแง
แอมป์ : ไม่ได้ซ้อมเลย คือปกติ โชคดี ลูกเรามีความธรรมชาติเนอะก็หลับ กิน แล้วก็นอน นอนตื่นมา รู้งาน 5 4 3 2 ตื่นขึ้นมา
ตัดสินใจยากไหมที่จะมาออกงาน ?
แอมป์ : ไม่ได้ตัดสินใจนานหรือเปล่า คือจริง ๆ แล้วมันก็เป็นความเข้าใจผิด คือตอนแรกก็นึกว่าเราจะมาคนเดียว แต่อีกทางทีมนึงก็บอกว่ามาทั้งครอบครัว ผมก็รู้สึกว่าไม่เป็นไร ก็มาเถอะ คืองานแบบนี้จะให้ผมมาพูดเรื่องให้นม มันก็ไม่ถูก ถูกไหม เราต้องให้ภรรยามาพูดว่าให้นมยังไง มันเป็นงานฟีลลิ่งนะผมว่า ก็ดี ก็น่ารักดี
เบลล์ : เป็นแบบนี้ค่ะ ไม่ค่อยงอแง คืออยู่ง่าย อยู่ได้ทุกที่ อยู่กับใครก็ได้
ไม่ใช่ว่ากลางวันหลับ แล้วกลางคืนตื่นใช่ไหม ?
แอมป์ : ก็ไม่นะ เขาก็หลับ ๆ ตื่น ๆ ของเขา
ภาพจาก INN
แอมป์ : นี่เป็นครั้งแรกที่ห่างลูกที่สุดในชีวิตแล้ว ปกติไม่เคยทิ้งลูกเลย คือต้องบอกว่า เราก็อยากให้จับทุกท่านนะ คือทุกคน เวลาคนไทยเห็นเด็กก็จะแบบน่ารักจัง แต่ลูกผม เมื่อกี้บนเวทีเขาจะดูดมือตลอดเวลา เพราะฉะนั้นเวลาที่คนไปจับ สิ่งแรกเขาไม่ได้จับหน้า เขาจับมือก่อน พอจับมือปุ๊บไม่ได้ล้างเขาก็ดูดมือก่อน ก็เลยกลัวว่าจะติดเชื้อโรค จริง ๆ เราก็ไม่ได้หวงลูกอะไรหรอก
กลายเป็นประเด็นดราม่าในอินสตาแกรม ?
เบลล์ : ดราม่าด้วยเหรอคะ ไม่ทราบ เราก็แค่ห่วงความสะอาดนิดหน่อย เพราะเหมือนแบบก็เข้ามาจับ แล้วเราก็ไม่ทันจะพูดอะไร แล้วมีช่วงนึงน้องเขาเป็นหวัด น้องเขาเอาเข้าปากบ่อย เราก็เลยนิดนึง น้องยังเล็กอยู่ด้วย
ทุกวันนี้ไปไหนมาไหนมีคนมาจับอะไรยังไงบ้าง ?
แอมป์ : คือตั้งแต่ที่ตอนเป็นข่าว มีคนเดินมาขอโทษนะ วันนั้นพี่ไม่ได้ตั้งใจจะจับ บางคนแบบ อ้าว เฮ้ย…อี๊ขอโทษวันนั้น อี๊เพิ่งเห็นข่าวว่าคุณแม่หวงลูก แต่จริง ๆ แล้วไม่คือเราไม่ได้หวงลูก แต่ว่าเราก็แค่เป็นห่วงว่าเด็ก ๆ รักษาความสะอาด คือเราก็เผื่อไว้ โตขึ้นจะเล่นยังไงก็เต็มที่นะครับ แต่อย่าหยิกนะครับ (หัวเราะ)
คือจับได้แต่ให้เลี่ยงการจับมือใช่ไหม ?
แอมป์
: คือในช่วงแรกก็ไม่ควรเลยเนอะ จริงก็อยากให้แบบเป็นวัฒนธรรมไหม
อย่างเมืองนอกนี่ไม่ได้เลยนะครับ จับมาโดนฟ้อง แต่อันนี้เราก็เป็นคนไทยเนอะ
เราก็อยากให้จับลูกนั่นแหละ แต่รอสักหน่อยนึง รอให้เขาเล่นได้
รอให้เขาโตสักหน่อยนึง แล้วจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียเวลาพาลูกไปหาหมอ
คือทุกคนก็รักลูกหมดแหละครับ
ภาพจาก INN
แอมป์ : ก็แทบทุกวันนะครับ ทุกวัน คือถ้าผมไม่ได้ทำงาน ผมจะพาภรรยาไปเอนเตอร์เทนก่อน ไปเที่ยวนั่นเที่ยวนี่ คือไปมาหมดแล้วครับ ดูละครเวทีมาแล้ว ดูหนังมาแล้ว
เวลาไปไหนมาไหนพาน้องไปด้วยตลอด ?
แอมป์ : ตลอดครับ
กดดันไหมตอนคลอดแรก ๆ ?
เบลล์
: คือตอนคลอดตอนแรกกดดันเรื่องน้ำนมไม่ยอมมาสักที
แต่ว่าทางโรงพยาบาลเขาก็ช่วย เอาน้ำขิงผสมน้ำร้อนมาให้กิน ต้องกิน 2
กระติกวันเดียว
แอมป์ : ซึ่งดีมาก อันนี้แนะนำนะครับ
สำหรับคุณแม่ที่ยังไม่มีน้ำนมเลย ซื้อกระติกใหม่เลย
แล้วก็หั่นขิงสดใส่ลงไปในกระติกเลย แต่กระติกจะใช้อย่างอื่นไม่ได้เลย
เพราะจะเป็นกลิ่นขิงเลย น้ำนมก็จะค่อย ๆ มา เราก็โอเค
เรื่องควันบุหรี่ข้างห้อง ?
แอมป์ : คือต้องบอกว่าเราเคยเป็นคนสูบบุหรี่นะ แต่ว่าที่เราเลิก เพราะว่าลูก เพราะว่าเราอยากมีลูก เพราะผมก็ตั้งใจไว้อยู่แล้วแหละ การที่เราเจอคนสูบข้างห้อง เราก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ แต่เขาเปิดแล้วสูบ คือเรามีเด็กไง เรามีลูก คือเราก็อุตส่าห์จะไม่ทำอะไรแล้ว เราก็มาเจอแบบนี้เนอะ ยิ่งเป็นคนต่างชาติด้วยมันก็ยิ่งพูดยาก มันก็เป็นการอยู่ร่วมกัน คอนโด มันพูดยาก
มีพูดคุยกันบ้างไหม ?
แอมป์
: 3-4 เดือนตลอด ตอนแรกจะแจ้งตำรวจ จนคุยไปคุยมา ก็ส่งจดหมายเตือน
ตำรวจก็บอกว่าทำอะไรยากเนาะ แต่ไม่เป็นไร ส่งจดหมายเตือนแล้วก็จบ
ทุกวันนี้ก็ดีขึ้นครับ เขาก็น่าจะเข้าใจแหละ
เราก็บอกว่าถ้าเราอยู่ร่วมกันต้องช่วยกันหน่อย คือถ้าผมไม่มีลูกเลย
ผมก็จะไม่ว่าอะไรเลย แต่อันนี้คือแบบขอร้อง คือคอนโดเวลาเปิดหน้าต่างปุ๊บ
ห้องที่มันเหมือนจะไม่มีช่อง ลมมันก็จะวิ่ง กลิ่นมันก็จะวิ่งทั้งชั้น
ก็จบไปด้วยดีนะ คุยกันแบบยิ้มแย้มแจ่มใส
ภาพจาก INN
แอมป์ : คือลูกผมจะเรียนโรงเรียนข้าง ๆ เพราะฉะนั้นเราก็ไม่ย้ายอยู่แล้วครับ เราไม่ได้เช่าอยู่เราซื้อไปให้ลูก แล้วผมก็เตรียมไว้ว่าลูกน่าจะอยู่แถว ๆ นี้ ให้เดินไปเรียนสบาย ๆ ส่วนตัวผมก็อยากอยู่บ้านเหมือนกัน แต่ก็เดี๋ยวต้องรอสักหน่อยนึงช่วงนี้เราต้องหาเงินให้เยอะหน่อยครับ อย่างไรก็ต้องขอฝากทุกท่านด้วยนะครับ (ยิ้ม) รับทุกอย่างนะครับผม
เห็นมีอีกข่าวว่าขายบิ๊กไบค์ใช่ไหม ?
แอมป์ : ครับ คือที่ขายเนี่ยมันมีเหตุผลเลย คือผมอยากอยู่กับลูกนาน ๆ ตอนแรกเราก็ไม่เข้าใจหรอกว่าคุณพ่อห้ามซื้อมอเตอร์ไซค์ วันนี้เรามีลูกของตัวเองเรารู้แล้วว่าหัวใจของเราคือลูก เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราไม่อยากให้ลูกทำเราจะไม่ทำ เพราะว่าพ่อกับแม่คือโลกทั้งใบของเด็ก เพราะฉะนั้นคุณพ่อทำอะไรคุณลูกจะทำตาม แต่ถ้าพ่อไม่ทำอะไรแล้วก็คุยกันด้วยเหตุผล ผมว่าก็เป็นตัวอย่างที่ดีของลูกได้นะครับ คือมันเป็นความฝันนั่นแหละแต่ความฝันมันทิ้งได้ เพราะว่าฝันใหม่ของเรามันสำคัญกว่าฝันที่มันผ่านมาแล้ว
กลัวเรื่องอันตรายเป็นหลักใช่ไหม ?
แอมป์ : ใช่ครับ ผมกลัวเรื่องอันตรายเป็นหลัก แล้วก็ถ้าสมมติว่าเขาเห็นจนชิน โตขึ้นจะต้องขี่มอเตอร์ไซค์แบบป๊าเลย เอาแล้วลูกจะออกไปไหนนะ จะโดนชนหรือเปล่า เราขี่ดีก็จริงครับแต่ว่าเราก็ไม่รู้ว่าบนท้องถนนมันจะเกิดอะไรขึ้น เพราะฉะนั้นเราก็ไม่อยากให้สูญเสีย เราก็ยอมขายฝันตัวเองครับ
ภรรยาเป็นอย่างไรบ้างสามีห่วงลูกขนาดนี้ ?
เบลล์ : ก็ดีใจค่ะ
ก่อนหน้านี่เคยเตือนเรื่องบิ๊กไบค์ไหม ?
เบลล์ : ไม่เคยค่ะ บอกว่าอย่าขายเลยมันสวยอะไรแบบนี้ (ยิ้ม) แต่เขาก็ขายไป
แอมป์
: เตือนว่าเก็บไว้เถอะ ๆ (ยิ้ม) เรามีไว้เท่ ก็จริงครับ
แต่จอดไว้ไม่ได้สตาร์ตเลย เพราะฉะนั้นเราจะต้องซ่อมทุกครั้งที่สตาร์ต ก็เลยรู้สึกว่ามันเป็นของฟุ่มเฟือยก็ขายซะจบ อยากได้ใหม่ก็ซื้อเอาครับ
ภาพจาก INN
แอมป์ : ตอนนี้ผมก็ไม่ได้ขี่นานแล้วเนอะ ผมว่าทุกคนก็โตหมดแล้วหลาย ๆ คนก็เตรียมจะมีครอบครัวกันแล้ว ก็คงอยากจะรักษาชีวิตกันไว้นะครับ อ้อขอเตือนนิดนึงช่วงนี้ขับขี่ปลอดภัยนะครับ รถอาจจะติดอย่าเพิ่งใจร้อนนะครับ บีบแตรกันก็เดี๋ยวจะอันตรายนะครับ (ยิ้ม)
ตอนนี้ก็ใช้รถยนต์กันไปก่อน ?
แอมป์ : ใช่ครับ ปลอดภัยที่สุดครับ คือทำอะไรก็ได้ให้เซฟชีวิตที่สุด ตอนนี้ผมต้องหาเงินให้เยอะที่สุดครับเพื่อลูก
ตอนนี้ลูกกำลังน่ารักมีงานในวงการติดต่อมาบ้างหรือยัง ?
แอมป์ : ไม่มีนะครับ ไม่ได้ซีเรียสว่าลูกจะต้องออกงานหรืออะไรอย่างนี้ ก็คือจ้างผมก็ได้ครับ (ยิ้ม) คือถ้าจ้างผมลูกก็สบายครับ คือช่วงนี้ก็จะมีอะไรเกี่ยวกับเด็ก ๆ ครับ
เห็นบอกว่าอยากมีลูกหัวปีกับท้ายปีใช่ไหม ?
แอมป์ : อ๋อ..ใช่ครับ ตอนนี้ผมวางไว้เพราะภรรยาเหนื่อยด้วย แล้วก็จังหวะน่าจะประมาณปี 2563, 2564, 2565 ประมาณนี้ครับ อยากได้อีกสักสองคนครับ เพราะว่ามีความคิดว่าสี่คน แต่เบลล์เขาไม่ไหวแน่นอนแค่คนเดียวเขายังบอกพอก่อน ก็จะมีอีกสักสองคนเพราะว่าคือถ้าเราสองคนไม่อยู่บนโลกนี้ อย่างน้อยก็ยังมีเพื่อนคู่คิดเป็นคนในครอบครัวที่คอยช่วยเหลือกัน ทำไมถึงต้องมีสามคน ผมมีหลักการคิดแบบนี้ คือเผื่อสองคนรักกันสนิทกันมากชวนกันเที่ยว อีกคนจะได้เป็นกรรมการอย่าไปเลยพ่อดุก็จะมีคนแย้งหน่อย ไม่ใช่ว่าถ้ามีลูกสองคนชอบเที่ยวทั้งคู่เป็นลมแน่ ๆ ผมว่าสามคนน่าจะเป็นสามคาแรกเตอร์คิดว่านะครับ
การมีลูกทำให้เราเปลี่ยนไปไหม ?
แอมป์ : เปลี่ยนร้อยเปอร์เซ็นต์เลยครับดีมากเลย ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วพอมีลูกเป็นของตัวเองแล้ว เราก็มองอนาคตไกลขึ้น ซึ่งปกติเวลาเราหาเงินเราจะมองไม่ไกลมาก 3 ปี 5 ปี อันนี้ผมมองไป 20 ปี คือแค่มองไปว่าควรจะเป็นแบบไหน บางคนก็จะบอกว่าเราไม่รู้อนาคตหรอก พรุ่งผมอาจจะถูกรางวัล 30 ล้านบาทก็ได้ใครจะรู้ แต่เราไม่สามารถคาดการณ์อนาคตได้ มีวันนี้เท่านั้นแหละครับ ที่เราจะสามารถคิดว่าน่าจะก็คือทำวันนี้ให้ดีที่สุดนั่นแหละครับ แต่อย่างไรผมฝากด้วยนะครับ (ยิ้ม) พีรวัศว่างเสมอครับ
อย่างนี้คูณสามเลยไหมเพราะคิดถึงอนาคตไกลขนาดนั้น ?
แอมป์ : มีหลักการคิดให้ล่าสุดอีกครับ คือหลายคนกลัวว่าการมีลูกจะทำให้เราจนไม่จริงครับ คุณก็คิดว่าคุณต้องหาเงินเพิ่มเพื่อให้ลูกคุณสบาย ถ้าคุณมัวแต่คิดว่าไม่เอาแล้วเราประหยัดดีกว่ามีลูกแค่คนเดียว ค่าเทอมล้านนึงสมมตินะครับ เราจะได้แค่หนึ่งล้านแค่นั้น เราจะไม่ได้เกินนั้นแล้ว แต่ถ้าเราคิดว่าเราจะมีเยอะ ๆ เราจะคิดแล้วว่าทำอย่างไรนะต้องหาเงินให้มันเยอะขึ้น พอเราหาเงินได้เยอะขึ้นความต้องการเราก็จะเยอะขึ้นครับ เพราะฉะนั้นแล้วต้องคิดให้ไกลแล้วก็ทำให้ได้แค่นั้นเองครับ
ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN