เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2561 เฟซบุ๊ก Pantree Mayakarn ซึ่งคาดว่าเป็นคนสนิทของ เม จีระนันท์ อดีตนักร้องค่ายอาร์เอส ที่เสริมเต้าพลาดจนอกเน่าติดเชื้อ และเกือบเอาชีวิตไม่รอด ได้ออกมาแฉเบื้องลึกของโรงพยาบาลที่เกาหลีและเอเย่นต์ในไทย ที่ปฏิเสธความรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ ได้มีการเปิดเผยข้อมูลว่า ตอนที่เมกลับมารักษาที่โรงพยาบาลในไทยแห่งแรกนั้น เมมีอาการทรุดหนัก มีหนองคั่งที่รักแร้ ซึ่งคุณหมอในไทยได้แต่บอกว่า ทำดีที่สุดแล้ว และต้องดูอาการกันต่อไป อย่างไรก็ตาม เมก็อาการยังไม่ดีขึ้น และคุณแม่ของเมก็ร้องไห้เหมือนตายทั้งเป็น พร้อมกับร้องขอเอเย่นต์ว่าอย่าทิ้งเมไปไหน จนอาการของเมเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ จึงมีการติดต่อกับ นพ.สงวน คุณาพร เลขาธิการสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยแห่งประเทศไทย ซึ่งท่านก็คอยดูแลเอาใจใส่ ให้คำปรึกษาเท่าที่ทำได้ และติดต่อกลับทุกครั้งที่ติดต่อไป
อย่างไรก็ตาม คืนหนึ่งอาการของเมทรุดหนักมาก หายใจไม่ออก และเมื่อเอกซเรย์ก็พบว่ามีฝ้าขึ้นปอด และคุณหมอหลายท่านก็ลงความเห็นว่าอาการไม่ดี โคม่า เชื้ออาจลามจนน้ำท่วมปอด จนคุณแม่ของเมก็กลัวว่าเมจะไม่รอด และจะมีการย้ายไปโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ แต่สุดท้ายก็รอดูอาการ ก่อนย้ายในเช้าวันถัดไป
ทั้งนี้ ก่อนที่จะตัดสินใจย้ายไปโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ นั้น พบว่าคุณหมอที่โรงพยาบาลเดิมได้เดินตรวจทุกห้อง ยกเว้นห้องของเม จนมารู้คำตอบว่า เคสนี้เป็นเคสนอก คุณหมอคนอื่นเข้ามายุ่งไม่ได้ และมีคุณหมออีกคนมาบอกว่า เมติดเชื้อรุนแรง น่ากลัวมาก หากปล่อยไว้แย่แน่นอน เลยตัดสินใจย้ายเมไปรักษาที่บำรุงราษฎร์แทน
ในส่วนของโรงพยาบาลที่เกาหลีนั้น ได้มีผู้จัดการยู มาเป็นตัวแทนของโรงพยาบาล แต่คุณหมอลีซึ่งผ่าตัดศัลยกรรมให้เม ไม่ได้มาไทยด้วย เนื่องจากอ้างว่าติดธุระ มีเพียงคุณหมออีกคนที่มา จนกระทั่งเมฟื้นตัว จึงมีการตำหนิเรื่องทั้งหมดไปที่ผู้จัดการยู รวมถึงเรื่องที่คุณหมอลีเข้ามาผ่าตัดเอาถุงเลือดของเมในไทย โดยที่ตัวเองไม่มีใบอนุญาต แต่กลับมีการปกปิดในเรื่องนี้ ซึ่งเรื่องนี้ผู้จัดการยูก็ไม่ทราบมาก่อนเช่นกัน
และที่แย่ที่สุดคือ เอเย่นต์ในไทยไม่เคยมาเยี่ยมเมสักครั้ง มีเพียงการส่งตัวแทนมา โดยอ้างว่าติดงาน ติดธุระ และการสัญญาปากเปล่าว่าจะดูแล ไม่ทิ้ง แต่เป็นการเอาตัวรอดไปวัน ๆ มีเพียงครั้งเดียวที่เมได้พบกับเอเย่นต์ก็คือ เมื่อโรงพยาบาลแห่งนี้มาทำเรื่องโปรโมตในไทย และเมพยายามไปเจอ
สุดท้ายแล้ว สิ่งที่ทำให้เมผิดหวังมากที่สุด คงเป็นเรื่องที่เอเย่นต์ได้มีการโพสต์ข้อความในทำนองจิกและถากถาง ว่าไม่ได้เงิน 60 ล้านบาทแล้วออกมาดิ้น และมีการแช่งให้เมไปฉีดยาตาย ก่อนที่จะลบข้อความนั้นออกไป
"ถ้ากล้าจริง มาลองฉีดเชื้อตัวนี้เข้าเลือดตัวเอง มาลองถูกกรีดผ่านมออก (หากเป็นผู้ชาย ก็ผ่าตัดกรีดเนื้ออวัยวะเพศผู้ออกไปเลย) ผ่าเข้าผ่าออก เอามีดกรีดแขนไปกรีดแขนมา มาลองนอนปางตายไม่รู้ว่าตัวเองจะตายหรือจะรอด มาลองติดเชื้อเข้าปอด ลามเข้ากระดูกสันหลัง ลามขึ้นสมองให้ดูหน่อยสิ เผื่อมันจะทดแทนกันได้ เผื่อว่าจะเข้าใจความทุกข์ ความเสียใจของคนอื่นบ้าง ถ้าแน่จริง มาแลกกัน
ทุกคนเข้าใจเรื่องนี้ดี ว่าศัลยกรรมพลาดกันได้ ติดเชื้อได้ และพวกคุณเองทุกคน ก็คงไม่มีใครอยากให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้น แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว พวกคุณก็สามารถทำให้ดีกว่านี้ได้ แต่กลับไม่ทำ"