ชาย-วิกกี้ เปลือยหมดใจ กว่าจะมีลูกไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องปีนข้ามกำแพงฝังใจ


          ชาย ชาตโยดม เผยความฝันอยากมีครอบครัวมีลูก กับความพยายามปีนข้ามกำแพง จนภรรยา วิกกี้ สุนิสา ใจอ่อนยอมแต่งงานมี น้องตฤณ เติมเต็มความรัก 

          เป็นอีกหนึ่งครอบครัวที่น่ารักมาก ๆ สำหรับหนุ่ม ชาย ชาตโยดม และสาว วิกกี้ สุนิสา เจทท์ ที่ตอนนี้ทั้งคู่มีโซ่ทองคล้องใจเป็นลูกชายสุดน่ารัก น้องตฤณ วัย 1 ขวบ 4 เดือน ซึ่งก่อนหน้านี้สาววิกกี้ ปฏิเสธการมีลูกมาโดยตลอด แต่ทำไมเธอถึงใจอ่อนยอมมีน้องตฤณ ล่าสุดหนุ่มชาย สาววิกกี้ ได้อุ้มน้องตฤณ มาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง One31 ที่มี นีโน่ เมทนี และท็อป ดารณีนุช เป็นพิธีกร

ชีวิตเป็นยังไงบ้างตอนนี้ ?

          วิกกี้ : ชีวิตเปลี่ยนไปบ้าง ตอนนี้ที่บ้านก็จะมีเสียงเด็ก แล้วกี้ก็จะต้องกลับมาทำงานที่บ้าน เพราะจะแบ่งเวลาดูลูกด้วย แต่ก็จะมีพี่เลี้ยงช่วยบ้าง แล้วก็ถ้าวันไหนพี่ชายอยู่บ้านก็จะช่วยกันเลี้ยง คือจะสลับกันตลอดไม่พี่ชายก็กี้ค่ะ

วิกกี้ หายหน้าหายตาไปจากวงการ ไม่รับละครเลยใช่ไหม ?

          วิกกี้ : ใช่ค่ะ คือทำงานอยู่บ้านอย่างเดียวเลย เพราะว่าเปิดบริษัทเป็นของตัวเอง เกี่ยวกับธุรกิจความสวยความงาม ก็เลยมีเวลาที่จะทำงานที่บ้านเพราะออฟฟิศอยู่ที่นั่น แล้วก็มีเวลาได้ดูแลลูกด้วย


พัฒนาการของน้องเป็นยังไงบ้าง ?

          ชาย : ค่อนข้างเร็วเลยครับ หลาย ๆ คนที่เจอก็จะทักว่ามีพัฒนาการเร็วกว่าเด็กในวัยเดียวกันอยู่ครับ มีคนถามอยู่เหมือนกันว่านิสัยลูกเป็นยังไง แรก ๆ ก็ตอบไม่ได้เหมือนกันครับ คือยังเห็นเขาเป็นเบบี๋อยู่ ก็ยังไม่ได้มีลักษณะอะไรชัดเจน จนมาช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา เริ่มเห็นแล้วว่าเป็นเด็กที่กวนมากครับ

คิดว่าเหมือนใคร ?

          วิกกี้ : คุณแม่กี้จะบอกว่าเหมือนกี้ตอนเด็กค่ะ เพราะว่ากี้เคยถามแม่ว่าพี่ชายตอนเด็ก ๆ เป็นอย่างนี้ไหม ท่านก็บอกว่าไม่ค่ะ พี่ชายจะเป็นเด็กยิ้ม ๆ เรียบร้อย ไม่เหมือนกันเลยค่ะ

เห็นว่าทั้งคู่คบกันนานมาก ?

          วิกกี้ : จริง ๆ รวม ๆ แล้ว 11 ปีค่ะ ก่อนจะแต่งงานคบกันก่อน 5 ปี หลังแต่งก็อีก 6 ปี จนมีตัวน้อย

          ชาย : คือตอนแรกเลย ชายก็เตรียมใจไว้แต่แรกแล้ว เพราะเขาเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้เชื่อในสถาบันครอบครัว เขาไม่เชื่อในเรื่องของความรัก เรื่องของการแต่งงานกัน เขามีกำแพงกั้นที่ค่อนข้างสูง ไม่อยากแต่งงานด้วยซ้ำ จะไปคาดคั้นหรือว่าบังคับเขามันไม่ได้อยู่แล้ว เราก็ต้องพิสูจน์ตัวเอง ก็ทำให้เขาค่อย ๆ เห็น ค่อย ๆ มั่นใจทีละนิดว่ามันมีจริง ๆ นะคนที่เขารักกันแล้วก็อยู่กันไปจนแก่จนเฒ่า


อะไรที่ทำให้ กี้ มอง ชาย ว่าคนนี้ใช่แน่นอน ?

          วิกกี้ : หลายอย่างค่ะ คือกี้จะพูดอยู่ตลอดนะคะ ไม่ว่าจะไปสัมภาษณ์ที่ไหน เพราะว่ามันเป็นเรื่องจริง คือตั้งแต่แรกที่คบกันจนถึงตอนนี้พี่ชายเขาเป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย แบบไหนที่เขาเป็นเขาก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม เขาเป็นสุภาพบุรุษทางด้านไหนเขาก็ยังคงเป็นอยู่จนถึงทุกวันนี้ แล้วก็พอได้รู้จักครอบครัวของพี่ชาย ได้เห็นคุณพ่อ คุณแม่ เราก็เลยเข้าใจว่าทำไมเขาถึงรู้สึกแบบนี้ เขาถึงมั่นใจ คือเขามีตัวอย่าง แบบอย่างที่ดี เพราะฉะนั้นมันไม่มีทางหรอกที่พี่ชายจะไม่อยากมีแบบนี้

ตอนไปขอแต่งงาน กลัวเขาปฏิเสธไหม มีการคุยกันก่อนหรือเปล่า ?

          ชาย : ไม่ได้คุยกันก่อนเลย คือเสี่ยงดวงไปว่าจะสำเร็จหรือจะร่วงจะล่ม ก็ขอให้มันรู้กันไปตรงนั้นเลยแล้วกัน แต่สุดท้ายก็สำเร็จ คือเรารู้อยู่ตลอดว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่อยากจะอยู่ด้วยไปตลอดชีวิต แต่ยังหาจังหวะที่จะขอแต่งงานไม่ได้ จนกระทั่งวันนั้นเราเดินกันอยู่สองคน แล้วมันก็เกิดความรู้สึกขึ้นมาว่า ถ้าไม่ใช่ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีเวลาไหนที่จะเหมาะไปมากกว่านี้แล้ว เราก็เดินคิดอยู่ตลอดว่าจะตรงไหนดี (หัวเราะ) จนสุดท้ายก็เจอที่เหมาะสม เขาเกือบจะหงุดหงิดด้วยซ้ำ เดินวนเยอะ


อยากรู้ว่าใช้คำพูดว่าอะไร ?

          ชาย : ก็จะถามเขาว่า Will You Marry Me ?

          วิกกี้ : ตอนแรกกี้ก็ยังไม่ได้ตอบ Yes นะ กี้ก็ถามก่อนว่า Are You Sure ? แล้วเขาก็พยักหน้าแบบยิ้ม ๆ วันนั้นคือทุกอย่างแบบ Perfect มากค่ะ

เห็นว่าแต่งงานแล้วไม่ยอมมีลูกจริงไหม ?

          วิกกี้ : นั่นก็คือกำแพงอีกอันหนึ่งที่อยู่ข้างในไปอีก คือด้วยความที่ครอบครัวของกี้ คุณพ่อ คุณแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน แล้วเราก็ฝังใจ อีกอย่างหนึ่งคือกี้เป็นเสาหลักของครอบครัวด้วย ทำงานตั้งแต่เด็กอายุ 11 ขวบ เลยรู้สึกว่าเรามีภาระมีหน้าที่สำหรับครอบครัวเรามาตลอด แล้วก็เป็นคนที่ค่อนข้างจะรักชีวิตตัวเอง ชอบอิสระที่ตัวเองมี เลยกลัว แอบคิดนิด ๆ ว่าถ้าวันหนึ่งเราแต่งงานกัน แล้วจะต้องเลิกกัน แล้วถ้ามีลูกเข้ามาเกี่ยวข้อง มันก็จะไม่ดีสำหรับเขาค่ะ มันก็เลยจะเหลือกำแพงอยู่หน่อยนึง


แล้วทำไมถึงคิดอยากจะมีลูก ?

          วิกกี้ : คือเรามานั่งคิดเรื่องชีวิตแล้วมันก็บานปลาย คือเราเป็นคนคิดเยอะไปนะ ไปจนถึงเรื่องมีลูก จริง ๆ ถ้าให้รอพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ มันคงนาน ก็เลยเอาความรู้สึกแบบพร้อมนิด ๆ เราก็เลยตัดสินใจมีไปเลยดีกว่า จนตอนหลังก็สำเร็จ

มีคาดหวังไหมว่าอยากได้ผู้ชายหรือผู้หญิง ?

          วิกกี้ : จริง ๆ ตอนนั้นที่ท้องก็กังวลเรื่องสุขภาพเขามากกว่า คืออยากให้เขาออกมาแล้วสมบูรณ์แข็งแรงมากที่สุด เลยไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงค่ะ

          ชาย : คือตั้งแต่เด็ก ๆ ชายคิดว่าอยากมีลูกอยู่แล้ว แต่ภาพในหัวก็คือลูกสาว เพราะที่บ้านเราผู้ชายค่อนข้างเยอะ

ความรู้สึกเป็นยังไงบ้างเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังจะเป็นพ่อเป็นแม่แล้ว ?

          วิกกี้ : ก็ไปซื้อที่ตรวจครรภ์มา ก็ตรวจแล้วตอนแรกมันก็ขึ้น 2 เส้น แต่อีกเส้นหนึ่งคือจางมาก น่าจะไม่ชัวร์ก็เลยแกะอันใหม่ตรวจ มันก็ขึ้นเหมือนเดิม ก็เลยถ่ายรูปส่งไปให้เพื่อนสนิทดูก่อน เพราะเพื่อนมีลูก 2 คนแล้วว่าอันนี้ใช่ไหม แล้วเพื่อนก็โทร. มากรี๊ด ว่าท้องยังไงก็ท้องแน่นอน ก็รอจนพี่ชายตื่นแล้วก็เอามาให้เขาดู พอพี่ชายเห็นก็หน้าแดง หูแดง น้ำตาคลอเลยค่ะ

          ชาย : คือชายฝันมาทั้งชีวิตนะ นี่คือสิ่งที่ชายอยากมี เป็นความรู้สึกของชายตั้งแต่เด็ก ๆ คือโตมาแล้วอยากมีครอบครัว แล้วนั่นก็คือความรู้สึกที่สมบูรณ์ที่สุด มันเป็นจริงแล้ว


อยากบอกอะไรพี่ชายไหม ? 

          วิกกี้ : ก็รักเขาอยู่แล้วเขารู้ ก็อยากจะขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่พี่ชายให้มา ก็ไม่มีอะไรที่อยากได้แล้วทุกวันนี้รู้สึกสมบูรณ์ที่สุดแล้วค่ะ ส่วนเรื่องมีน้องให้ตัวเล็กอีกคน ปีหน้าค่อยคิดอีกทีค่ะ

          ติดตามรายการ คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.00-15.00 น. ทางช่อง One31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ชาย-วิกกี้ เปลือยหมดใจ กว่าจะมีลูกไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องปีนข้ามกำแพงฝังใจ อัปเดตล่าสุด 3 สิงหาคม 2561 เวลา 09:53:26 28,476 อ่าน
TOP
x close