จิตแพทย์ แนะนำให้ครอบครัวพา เสก โลโซ รักษาตัว เหตุไลฟ์สดต่อเนื่อง ไม่หลับไม่นอนหลายวัน ชี้ อาจมีอาการจิตเวช ด้าน แซนวิช ปภาดา เผย ตอนคบเห็นเสกกินยารักษาไบโพลาร์ คาดช่วงนี้บุคลิกเปลี่ยน อาจไม่ได้หาหมอต่อเนื่อง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก SEK LOSO
ภาพจาก news.ch3thailand
ด้านแซนวิช ปภาดา อดีตสาวคนสนิทที่มีลูกชายกับเสก ชื่อน้องลีออง เผยว่า ตั้งแต่คลอดน้องลีออง ก็ไม่ได้เจอกับเสก เพราะเจ้าตัวมีภรรยาใหม่แล้ว ส่วนในช่วงที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เห็นเสกกินยารักษาไบโพลาร์ และหาหมอประจำ ประมาณเดือนละ 1 ครั้ง แต่ระยะหลังไม่รู้ว่ายังไปพบแพทย์และกินยาต่อเนื่องหรือไม่ คาดว่า ช่วงนี้ที่บุคลิกเปลี่ยนไป อาจเป็นเพราะไม่ได้หาหมอต่อเนื่องก็เป็นได้ หากถามว่าเป็นห่วงไหม ก็ห่วงตามสถานภาพ เพราะเข้าไปทำอะไรมากไม่ได้
ภาพจาก Amarin TV
โดยช่วงอารมณ์ขึ้น จะเป็นช่วงที่มีพลังมากกว่าปกติ สามารถทำกิจกรรมหลายอย่างในวันเดียวกัน บางครั้งก็ไม่หลับไม่นอนเป็นเวลา 1-2 วัน แต่งานที่ทำมักจะไม่สำเร็จ เพราะทำได้ไม่นาน มีอาการหงุดหงิดง่าย บางครั้งก็เกรี้ยวกราด นอกจากนี้ คนที่อยู่ในช่วง Manic จะมีความภูมิใจในตนเองสูง บางครั้งก็อาจพูดท้าตีท้าต่อย ด่าว่าคนนั้นคนนี้ เนื่องจากการควบคุมอารมณ์เสียไป
ทั้งนี้ คนที่เป็นไบโพลาร์นั้น อาจเป็นเพียงด้าน Manic อย่างเดียว โดยที่ไม่เป็นโรคซึมเศร้าด้วย หรืออาจจะเป็นทั้งสองด้าน แต่ข้อสังเกตคือจะมีอารมณ์รุนแรง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก SEK LOSO
นอกจากนี้
คนที่เป็นโรคไบโพลาร์ บางครั้งอาจมีอาการหลงตัวเองร่วมด้วย
ซึ่งอาจจะมาจากอาการบุคลิกภาพผิดปกติอย่างหนึ่ง เรียกว่า Narcistic
Personality Disorder ที่จะมีอาการหลงรักตัวเอง และเย่อหยิ่ง
ซึ่งเป็นอาการบุคลิกภาพผิดปกติตั้งแต่เกิด
ต่างจากโรคไบโพลาร์ซึ่งเกิดขึ้นมาทีหลัง
อย่างไรก็ตาม การแยกความแตกต่างของทั้งสองอาการค่อนข้างยาก ต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ทางด้านจิตแพทย์จึงจะสามารถแยกได้ ว่าการหลงตัวเองที่เกิดขึ้นมาจากโรคไบโพลาร์ หรือเป็นอาการ Narcistic Personality Disorder หรือมาจากทั้งสองอย่าง
สำหรับการรักษาโรคไบโพลาร์ ทางครอบครัวควรพาผู้ที่มีอาการป่วยมาพบจิตแพทย์ โดยจิตแพทย์จะให้ยารักษาเพื่อควบคุมอารมณ์ให้อยู่ในสภาวะปกติ ซึ่งครอบครัวควรดูแลให้ทานยาอย่างต่อเนื่องตามแพทย์สั่ง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
,
ภาพจาก เฟซบุ๊ก SEK LOSO
วันที่ 16 สิงหาคม 2561 รายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์
ทางช่อง 3 รายงานว่า นายแพทย์สมัย
ศิริทองถาวร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงเคสของนายเสกสรรค์ ศุขพิมาย หรือ เสก โลโซ ร็อกเกอร์ชื่อดังที่มีพฤติกรรมไลฟ์สดต่อเนื่องหลายชั่วโมง
ไม่หลับไม่นอน ว่า
แนะนำให้ครอบครัวหรือคนใกล้ชิดพานายเสกไปพบแพทย์เจ้าของไข้ที่เคยรักษาก่อนหน้านี้
เพราะกรณีที่มีอาการทางจิตเวช ญาติจะต้องพาไปรักษาและกินยา
รวมถึงคนในครอบครัวจะต้องให้คำปรึกษาและดูแลอย่างใกล้ชิด
เพื่อป้องกันนายเสก ทำร้ายตัวเอง และสังคมในวงกว้าง
ซึ่งหากนายเสกเป็นไบโพลาร์จริง จะต้องใช้ยาในการช่วยดูแลรักษา
ส่วนปัญหาที่ไม่มีใครพานายเสกไปรับการรักษาได้นั้น
ตามกฎหมายแล้วถ้าได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยจริง คนที่อยู่ในพื้นที่ เช่น
เจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็สามารถจะนำตัวนายเสกไปโรงพยาบาลได้ หรือาจจะแจ้งหมายเลข
1169 ซึ่งเป็นหน่วยงานแจ้งผู้ป่วยฉุกเฉิน แต่มีข้อแม้ว่า
ทางครอบครัวจะต้องยืนยันว่าป่วยจริง
ภาพจาก news.ch3thailand
ด้านแซนวิช ปภาดา อดีตสาวคนสนิทที่มีลูกชายกับเสก ชื่อน้องลีออง เผยว่า ตั้งแต่คลอดน้องลีออง ก็ไม่ได้เจอกับเสก เพราะเจ้าตัวมีภรรยาใหม่แล้ว ส่วนในช่วงที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เห็นเสกกินยารักษาไบโพลาร์ และหาหมอประจำ ประมาณเดือนละ 1 ครั้ง แต่ระยะหลังไม่รู้ว่ายังไปพบแพทย์และกินยาต่อเนื่องหรือไม่ คาดว่า ช่วงนี้ที่บุคลิกเปลี่ยนไป อาจเป็นเพราะไม่ได้หาหมอต่อเนื่องก็เป็นได้ หากถามว่าเป็นห่วงไหม ก็ห่วงตามสถานภาพ เพราะเข้าไปทำอะไรมากไม่ได้
ขณะที่ อมรินทร์ ทีวี รายงานบทสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.หญิง พญ.อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล จิตแพทย์
เกี่ยวกับลักษณะอาการของคนที่เป็นไบโพลาร์ (Bipolar Disorder) ว่า
คนที่เป็นไบโพลาร์จะมีอาการอารมณ์รุนแรง 2 แบบ คือช่วงอารมณ์ขึ้น เรียกว่า
Manic Episode และช่วงอารมณ์ลง เรียกว่า Depressive Episode
ภาพจาก Amarin TV
โดยช่วงอารมณ์ขึ้น จะเป็นช่วงที่มีพลังมากกว่าปกติ สามารถทำกิจกรรมหลายอย่างในวันเดียวกัน บางครั้งก็ไม่หลับไม่นอนเป็นเวลา 1-2 วัน แต่งานที่ทำมักจะไม่สำเร็จ เพราะทำได้ไม่นาน มีอาการหงุดหงิดง่าย บางครั้งก็เกรี้ยวกราด นอกจากนี้ คนที่อยู่ในช่วง Manic จะมีความภูมิใจในตนเองสูง บางครั้งก็อาจพูดท้าตีท้าต่อย ด่าว่าคนนั้นคนนี้ เนื่องจากการควบคุมอารมณ์เสียไป
ทั้งนี้ คนที่เป็นไบโพลาร์นั้น อาจเป็นเพียงด้าน Manic อย่างเดียว โดยที่ไม่เป็นโรคซึมเศร้าด้วย หรืออาจจะเป็นทั้งสองด้าน แต่ข้อสังเกตคือจะมีอารมณ์รุนแรง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก SEK LOSO
อย่างไรก็ตาม การแยกความแตกต่างของทั้งสองอาการค่อนข้างยาก ต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ทางด้านจิตแพทย์จึงจะสามารถแยกได้ ว่าการหลงตัวเองที่เกิดขึ้นมาจากโรคไบโพลาร์ หรือเป็นอาการ Narcistic Personality Disorder หรือมาจากทั้งสองอย่าง
สำหรับการรักษาโรคไบโพลาร์ ทางครอบครัวควรพาผู้ที่มีอาการป่วยมาพบจิตแพทย์ โดยจิตแพทย์จะให้ยารักษาเพื่อควบคุมอารมณ์ให้อยู่ในสภาวะปกติ ซึ่งครอบครัวควรดูแลให้ทานยาอย่างต่อเนื่องตามแพทย์สั่ง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
,